รวบคาชายแดน! สันติแฉมาเฟียไต้หวันบงการฆ่า 3 ศพ ปูดปมหนี้ 10 ล้านโยงแก๊งคอลฯ (คลิป)

จากกรณี นายสันติ ศุภอภิรดีไพลิน ผู้ต้องหาในคดีฆาตกรรม 2 สามีภรรยาทิ้งศพหมกไว้ท้ายรถยนต์ที่ไต้หวัน ก่อนหลบหนีกลับมายังประเทศไทย ซึ่งต่อมาศาลอาญาได้อนุมัติหมายจับในฐานความผิดต่อชีวิต ตามกฏหมายอาญา มาตรา 8 (ก) “ผู้ใดกระทำความผิดนอกราชอาณาจักร และ ผู้กระทำความผิดนั้นเป็นคนไทย และรัฐบาลแห่งประเทศที่ความผิดได้เกิดขึ้น หรือผู้เสียหายได้ร้องขอให้ลงโทษ ฯ”

กระทั่งเมื่อวันที่ 16 มิ.ย. 65 พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง แจ้งว่ามีบุคคลใกล้ชิดกับนายสันติติดต่อประสานมา ซึ่งนายสันติจะขอเข้ามอบตัวเนื่องจากเจ้าตัวรู้สึกผิด

ล่าสุดวันที่ 17 มิ.ย. 65 เวลา 08.00 น. นายสันติ ติดต่อเข้ามอบตัวแล้ว โดยพ่อของนายสันติ และผู้ใหญ่บ้านได้ติดต่อเข้ารับตัว นายสันติ บริเวณที่ทำการหมวดมวลชนสัมพันธ์ กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดน ที่ 335 ใกล้กับหมู่บ้านอรุโณทัย พื้นที่ ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ก่อนที่ตำรวจจะคุมตัวนายสันติขึ้นรถตู้มายังท่าอากาศยานทหารกองบินที่ 41 มีตำรวจกองปราบคุมตัวตัวนายสันติหลบนักข่าวเข้าไปด้านในของท่าอากาศยานทันที โดยตำรวจได้พานายสันติเข้ากรุงเทพฯ


เบื้องต้น นายสันติยังให้การภาคเสธ อ้างว่าไม่ได้เป็นคนฆ่า แค่ล่อลวงผู้ตายมา แล้วมีทีมสังหารอีกทีมลงมือฆ่า รายละเอียดต่าง ๆ จะต้องสอบปากคำอีกครั้ง ทันทีที่คุมตัวนายสันติมาถึง โดยพลตำรวจเอกสุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง, พลตำรวจโท จิรภพ ภูริเดช จะสอบปากคำผู้ต้องหาด้วยตัวเอง

เวลาประมาณ 12.30 น. รถยนต์อิซูซุ 5 ประตู 7 ที่นั่งของเจ้าหน้าที่ตำรวจนำ นายสันติ ศุภอภิรดีไพลิน ผู้ต้องหา มายังกองปราบปราม ทันทีที่รถมาถึงกองปราบปราม ท่ามกลางสื่อมวลชนที่ปักหลักสถานการณ์วิ่งตามรถยนต์คันดังกล่าว รถไปจอดทางด้านหลังของอาคาร และขับวนรถหนีสื่อมวลชนออกไป ยังไม่แน่ชัดว่ามีการพาตัวนายสันติออกไปที่ไหนก่อน

ซึ่งทีมข่าวสังเกตเห็นว่าในรถยนต์มีเจ้าหน้าที่หนุมานกองปราบฯ และนายสันติ ผู้ต้องหา สวมเสื้อยืดสีเขียว สวมหมวกแก๊ปนั่งอยู่ภายในรถด้วย เบื้องต้นแม้จะยังไม่ได้รับการยืนยันชัดเจนจากตำรวจกองปราบในการคุมตัวนายสันติผู้ต้องหาไปที่ใด แต่มีกำหนดการแถลงข่าวความคืบหน้าคดีนี้ โดย ผบ.ตร. เป็นผู้เดินทางมาด้วยตัวเองที่กองบังคับการปราบปราม

เวลาประมาณ 16.30 น. ที่กองปราบฯ กรุงเทพมหานคร พลตำรวจเอกสุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และพลตำรวจโทจิรภพ ภพภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และคณะได้มีการเดินทางมาสอบปากคำ นายสันติ ศุภอภิรดีไพลิน ผู้ต้องหา ด้วยตัวเอง

โดยทันทีที่มีการนำตัวนายสันติ ศุภอภิรดีไพลิน ผู้ต้องหา เดินทางมาถึง สื่อมวลชนได้มีการพยายามสอบถาม ถึงปมสาเหตุในการก่อเหตุว่าเป็นเรื่องของการกู้เงิน หรือมีธุรกิจมืดแอบแฝงหรือไม่ และรู้สึกเสียใจหรือไม่ แต่นายสันติไม่ตอบ เพียงแค่พยักหน้ารับว่าเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

จากนั้น พลตำรวจเอกสุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และพลตำรวจโทจิรภพ ภพภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้มีการสอบปากคำประมาณ 15 นาที ก็มีการพาตัวออกมาอีกครั้ง โดยนายสันติ ศุภอภิรดีไพลิน ผู้ต้องหา ยืนยันว่าไม่ได้เป็นผู้ลงมือก่อเหตุ ส่วนรายละเอียดในประเด็นอื่น มีการให้การกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไปหมดแล้ว

17.00 น. พลตำรวจเอกสุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และพลตำรวจโทจิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ฑูตตำรวจของไต้หวันประจำประเทศไทย และคณะได้มีการแถลงข่าว กล่าวว่า หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้มีการดำเนินการสืบสวนสอบสวนเหตุฆาตกรรม 2 สามีภรรยาชาวไทยที่ไต้หวัน หลังผู้ต้องหาหลบหนีกบดานที่ประเทศไทยนั้น ตำรวจสามารถจับกุมตัวได้ที่บ้านอรุโณทัย ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ซึ่งมีการตรวจสอบพบว่าหลังเกิดเหตุ ในวันที่ 9 มิ.ย. 65 เวลาประมาณ 13.00 น. นายสันติ ผู้ต้องหา ได้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรผ่านทางสนามบินสุวรรณภูมิ และเดินทางโดยเครื่องบินต่อไปยัง จ.เชียงใหม่ในวันเดียวกัน ก่อนที่จะมีการหลบหนี

หลังจากนั้นจึงมีการมอบหมายให้พลตำรวจโทจิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลาง เร่งสืบสวนติดตามการจับกุมผู้ต้องหา เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามได้สอบปากคำพ่อและพี่ชายผู้เสียชีวิต และมีการประสานงานกับทางการไต้หวัน รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลอาญาเพื่อออกหมายจับผู้ต้องหา ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา พร้อมกับได้ลงพื้นที่สืบสวนติดตามตัวมาโดยตลอด

จนกระทั่งเช้าวันนี้ ตำรวจกองปราบปรามได้มีการติดต่อจากพ่อของผู้ต้องหา มีการเจรจานัดหมายเพื่อนำตัวผู้ต้องหาเข้ามอบตัวกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกลุ่มร่วมกันเดินทางไปตรวจสอบตามเวลานัดหมาย พบนายสันติ ยอมรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับ จึงได้จับกุมตัวนำส่งพนักงานสอบสวนกองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

จากการสอบถามผู้ต้องหาในเบื้องต้น นายสันติ ผู้ต้องหา ให้การปฏิเสธตลอดทุกข้อกล่าวหาในชั้นสอบสวน ให้ข้อมูลและให้ความร่วมมือกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นอย่างดี การสอบปากคำตำรวจมีอำนาจในการร่วมกันสอบปากคำร่วมกับอัยการ ศาลอาญามีอำนาจการลงโทษนายสันติเช่นเดียวกับคดีอาญาทั่วไป ส่วนปมปัญหาในการก่อเหตุ ขอสงวนในการแถลง เนื่องจากส่งผลกระทบต่อผู้เสียชีวิตในบางส่วน แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการนำพยานหลักฐาน ประกอบกับการดำเนินคดีทุกอย่าง หากมีประเด็นในเรื่องของสิ่งผิดกฎหมาย และบุคคลอื่นในคดีที่เกี่ยวข้อง หากพยานหลักฐานสามารถสืบไปถึงใคร รวมถึงผู้ที่ให้ผู้ต้องหากบดานก็มีความผิดและต้องรับโทษ

ทีมข่าวสอบถามไปยังผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งเป็นอาของนายสันติ โดยเจ้าตัวเป็นหนึ่งในคนที่เดินทางไปรับตัวนายสันติ บริเวณจุดนัดท้ายหมู่บ้านอรุโณทัย พื้นที่ติดชายแดนไทย-พม่า เมื่อช่วงเช้าวันนี้ นายวิญญู บอกว่า ก่อนหน้านี้หลานชายได้ซ่อนตัวตามแนวชายแดน ซุกซ่อนอยู่ภายในไร่ข้าวโพดบ้าง ในสวนมะม่วงบ้าง ต่อมาหลานชายมีความสำนึกผิด และอยากจะมอบตัวกับตำรวจก็เลยประสานทางนายสุชาติ ซึ่งเป็นพ่อ และตนเองซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้าน ให้พาเข้ามอบตัว

โดยตัวนายสันติเอง เป็นคนโทรศัพท์มาหานายสุชาติ ผู้เป็นพ่อว่าจะขอเข้ามอบตัวกับตำรวจตั้งแต่ช่วงเที่ยงเมื่อวานนี้แล้ว ว่าจะเข้ามอบตัวกับตำรวจในวันนี้ ในพ่อไปรับตัวส่งตำรวจด้วย กระทั่งในช่วงเช้าวันนี้เวลาประมาณ  06.00 น. นายสันติโทรศัพท์มาหาตนเอง เพื่อยืนยันว่าจะมอบตัว และได้บอกจุดนัดพบให้พวกตนเองมารับตัวไปส่งตำรวจ

จากนั้นในเวลา 07.00 น. ก่อนจะมอบตัวกับตำรวจได้มีการนัดหมายจุดนัดพบกันก่อน เฉพาะญาติและคนในครอบครัว ยังไม่บอกพิกัดกับตำรวจ หลังจากนั้น ตนเอง, นายสุชาติ ผู้เป็นพ่อ, น้องชายของสันติ และน้องเขยของสันติ รวม 4 คน เป็นคนเดินทางไปรับตัวนายสันติ ขับรถกระบะไปที่จุดนัดพบ 2 คัน

เมื่อถึงท้ายหมู่บ้านอรุโณทัยเป็นซอยทางดินเข้าไป พวกตนเองได้จอดรถรอนายสันติประมาณ 10 นาที จากนั้นนายสันติซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ของชายคนหนึ่งเข้ามาหา เมื่อนายสันติลงจากรถ ชายคนที่พามาส่ง ซึ่งตนเองไม่ทราบว่าเป็นใครขี่รถกลับออกไปทันที จากนั้น พวกตนเองจึงพานายสันติเดินทางไปพบกับตำรวจ เพื่อขอเข้ามอบตัวในเวลา 08.00 น. บริเวณที่ทำการหมวดมวลชนสัมพันธ์ กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 335

อย่างไรก็ตาม นายสันติเมื่อเจอหน้าพ่อและตนเองได้พูดขอโทษพ่อ ครอบครัว และชาวบ้านทุกคนที่ทำให้เดือดร้อน และเสื่อมเสียชื่อเสียงหมู่บ้าน โดยนายสันติบอกกับตนเองว่า "ผมไม่ได้เป็นคนลงมือฆ่า 2 สามีภรรยา แต่ถูกหัวหน้าแก๊งมาเฟียไต้หวันเป็นคนบีบบังคับให้ผมร่วมก่อเหตุ และใช้ผมเป็นตัวล่อ ซึ่งผมไม่ได้ลงมือก่อเหตุฆ่าเพียงคนเดียว" บอกว่าสิ่งที่สื่อนำเสนอว่าตนเองขัดแย้งธุรกิจสีเทา หรือขัดแย้งเรื่องเงินกับผู้ตายก็ไม่ใช่เรื่องจริง แต่ไม่ได้บอกว่าสาเหตุใดที่แก๊งมาเฟียไต้หวันถึงจัดการฆ่าสองผัวเมีย ซึ่งทั้งหมดที่นายสันติเป็นเพียงคำกล่าวอ้าง ตนเองเพียงรับฟังอย่างเดียว

ล่าสุด ทีมข่าวลงพื้นที่สำรวจรอบหมู่บ้านอรุโณทัย จุดที่คาดว่านายสันติหลบซ่อนตัว นัดกับพ่อเพื่อติดต่อมอบตัวกับตำรวจ จากการลงพื้นที่สำรวจ บริเวณไร่ข้าวโพด สวนมะม่วง และสวนยางพาราของชาวบ้าน ห่างจากจุดนัดพบมอบตัวรัศมีประมาณ 2 กิโลเมตร พบว่า พื้นที่เต็มไปด้วยไร่ข้าวโพด และสวนยางพาราของชาวบ้าน สอบถามชาวบ้านในพื้นที่ และนำรูปภาพของนายสันติให้ชาวบ้านดู บอกว่าไม่คุ้นหน้าและไม่เคยเห็นนายสันติมาก่อน

ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี ได้เดินทางไปที่บ้านของนายสุชาติ พ่อของนายสันติ มีครอบครัวของนายสันติเดินทางมาอยู่รวมกันหลายคน หนึ่งในนั้น คือพ่อของนายสันติ ซึ่งนั่งอยู่ภายในบ้านมีสีหน้าเศร้าหมอง และนั่งอยู่คนเดียวในบ้าน

ทีมข่าวพยายามขอเข้าไปสอบถามกับคุณพ่อของนายสันติ แต่เจ้าตัวไม่ได้ออกมาพูดคุยด้วย ทีมข่าวจึงโทรศัพท์ไปสอบถามว่าคุณพ่อ เจ้าตัวบอกสั้น ๆ ว่า "ให้ไปถามตำรวจภาค 5 เอา ตัวเองไม่ได้เดินทางไปกับลูกชายที่กรุงเทพฯ และอยู่บ้าน ไม่ขอให้ข้อมูลอะไรแล้ว" และวางสายไปทันที

เช่นเดียวกัน น้องชายของนายสันติ เป็นคนที่เดินทางไปรับตัวพี่ชาย และส่งตัวให้ตำรวจ ที่เดินออกมาจากบ้านและบอกว่าทางครอบครัวไม่สะดวกที่จะพูดอะไรแล้ว ให้ไปถามกับตำรวจเอาเลยเรื่องทั้งหมด

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เปิดคลิปลับสันติสารภาพร่วมฆ่า 3 ศพ ญาติแฉปั้นเรื่องมาเฟียสั่งเด็ดหัวหวังโบ้ยผิด (คลิป)

โดยเมื่อวันที่ 16 มิ.ย. 65 นายยิ่งยศ แซ่หลี่ อายุ 38 ปี พี่ชายของนางสาวพจนีย์ ผู้เสียชีวิต เปิดกเผยคลิปเสียงของนายสันติ ที่ถูกเรื่องปมที่อ้างว่าผู้ตายเกี่ยวกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ บอกว่า จากคลิปเสียงที่นายสันติมีการสนทนากับ นาย อ. ชายคนสนิทผู้ก่อเหตุ มีเนื้อหาในเรื่องของหนี้สินเป็นจำนวนเงินหลายล้านที่ไปพัวพันกับธุรกิจมืด กล่าวหาว่าน้องสาวตนเป็นผู้บงการเอาเงินไปทำธุรกิจคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งประมาณครึ่งเดือนก่อนเกิดเหตุ น้องสาวของตนโทรศัพท์มาสอบถามว่าอยากทำงานที่ท่าขี้เหล็กหรือไม่ ซึ่งนายสันติได้พูดคุยผ่านโทรศัพท์ของน้องสาวกับตนว่าเป็นงานธุรกิจคอลเซ็นเตอร์ ให้เงินเดือน 30,000 กว่าบาท ตอนนั้นตนได้มีการปฏิเสธ และมีการตำหนิรวมถึงเตือนน้องสาวว่าอย่าไปยุ่งกับธุรกิจแบบนี้ แต่นายสันติ ผู้ก่อเหตุ ก็คงลืมไปว่าเคยคุยกับตน เลยไปเผลอพูดกับคนอื่น