กรณี ขวัญ อายุ 44 ปี ชายชาวสมุทรปราการ ตัดสินใจปลิดชีวิตตัวเองหน้าคาเฟ่ที่ร่วมลงทุนกับแฟนหนุ่มด้วยเงินเกือบ 30 ล้านบาท ด้วยการรมควัน หลังจากที่ความรักที่เคยมั่นคงถูกทดแทนด้วยการตีจากจากคนที่รักที่สุด
ก่อนหน้านี้ ขวัญ ได้ทุ่มเททั้งใจ ทรัพย์สินเพื่อสร้างชีวิตคู่กับ โย แฟนหนุ่มในความสัมพันธ์ LGBT ทั้งสองร่วมกันเปิดคาเฟ่สุดหรูในพื้นที่ไร่กว่า 10 ไร่ ใน จ.ลพบุรี ใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน แต่หลังจากคาเฟ่เปิดได้ไม่นาน ฝ่าย โย เริ่มตีตัวออกห่างก่อนจะบอกความจริงว่ากำลังจะพาแฟนใหม่เข้ามาอยู่แทน พร้อมกดดันให้ ขวัญ ย้ายออกจากบ้านพักในไร่ทำให้ ขวัญ ผิดหวังทั้งในเรื่องความรักและการลงทุน ตัดสินใจจบชีวิตในที่สุด
เมื่อเรื่องดังกล่าวถูกแชร์ต่อไปในโลกโซเชียล ทำให้ชาวเน็ตต่างวิพากษ์วิจารณ์กันสนั่น หลายคนบอกว่านี่คือ วิมานหนาม ในชีวิตจริง
ล่าสุด โย ชายหนุ่มคู่กรณี ได้บวชเป็นพระ ได้เเถลงเปิดใจตั้งเเต่ช่วงเเรกที่เริ่มรู้จักเเละคบหากับนายขวัญ ผู้เสียชีวิตว่า
“ก่อนหน้าที่ผู้ตายจะเข้ามาอยู่ที่นี่ ตนได้ทำสวนเฟิร์นอยู่ก่อนเเล้วตั้งเเต่ปี 2558 เปิดร้านเล็กๆ เป็นธุรกิจครอบครัว ตนทำอยู่ได้ประมาณ 4 ปี ก่อนที่นายขวัญจะเข้ามาที่เที่ยวที่สวนเฟิร์นเเละเริ่มทำความรู้จักตนในวันที่ 14 มี.ค.2562
จากนั้นเริ่มสานสัมพันธ์ด้วยการพูดคุยเรื่อยมา จนวันที่ 17 มี.ค.62 ตนไปหานายขวัญที่คอนโดที่กทม. เเละ วันที่ 18 มีนาคม ไปเที่ยวเกาะล้านด้วยกัน ก่อนจะตัดสินใจมาใช้ชีวิตร่วมกันที่นี้ในวันที่ 19 มีนาคม 2562
ตอนนั้นผู้ตายตกงานไม่มีงานทำ ตนมีธุรกิจอยู่เลยให้อีกฝ่ายมาช่วย โดยมีข้อตกลงกันทั้ง 2 คน โดยผู้ตายจำเป็นจะต้องใช้เงินจำนวน 60,00-65,000 บาทต่อเดือน เพื่อเป็นรายจ่ายที่เขาจะไปผ่อนคอนโดเเละค่าบ้าน ตนก็จ่ายให้อีกฝ่ายทุกเดือน
จากนั้นตนก็ทำธุรกิจปลูกต้นไม้เรื่อยมา ตอนนั้นปลูกอยู่ 4 ไร่เศษๆ ก่อนผู้ตายจะชวนขยับขยาย ธุรกิจต้นเฟิร์น ตนจึงไปกู้ ธกส. 4 ล้านบาท เพื่อขยายสวนเป็น 16 ไร่ พอได้อนุมัติได้เงินมา ตนไว้ใจผู้ตายมาก จึงให้ผู้ตายดูแลเรื่องการเงินทุกอย่าง
2 ปี ต่อมา ประมาณปี 2564 ผู้ตายขอตัวไปทำงานเป็นบัญชีที่ต่างจังหวัด เเต่ส่วนใหญ่จะทำงานอยู่ที่กทม. เเล้วมีการคุยกันระหว่างตนกับผู้ตายว่าจะมีการเเบ่งเงินที่กู้มา ไปทำธุรกิจเพิ่ม เเละขยายธุรกิจต่อ ตอนนั้นผู้ตายก็ไปๆกลับๆที่นี่กับกทม. ซึ่งในตอนนั้นผู้ตายบอกว่าเงินเดือนของเขาได้เดือนละประมาณ 300,000 บาท แต่ตอนนั้นตนก็ไม่ได้เอะใจอะไร
ก่อนที่ผู้ตายจะขอสร้างบ้านหลังสีขาวที่อยู่กลางสวน หลังจากสร้างบ้านเสร็จ ผู้ตายเริ่มคุยว่าจะสร้างร้านกาแฟ เเต่จริงๆ ตอนเเรกครอบครัวตนมีร้านกาแฟเล็กๆอยู่เเล้ว ตนก็มองว่ามันเกินตัวมากเกินไป จนผู้ตายได้เงินมาอีก 1 ก้อน ตนไม่รู้ว่าเอาเงินมาจากไหน และไม่รู้ว่าผู้ตายได้เงินจำนวนนี้มาด้วยวิธีใด ก่อนจะเอามาสร้างร้านกาแฟ ตอนนั้นร้านกาแฟยังไม่ทันเสร็จ ผู้ตายมีปัญหาเรื่องการเงิน เพราะเอาเงินไปลงทุนเป็นเหยื่อแชร์ลูกโซ่ ซึ่งตอนนั้นก็เป็นผู้เสียหายและได้ไปแจ้งความไว้แล้ว ตนจึงได้รู้ความจริงว่าผู้ตายร่ำรวยมาจากการเล่นแชร์ลูกโซ่
ตอนนั้นตนก็คุยกันว่าจะเอายังไง อยากจะช่วยแก้ปัญหา จึงได้รวบรวมโฉนดทั้งหมด 5 ฉบับ จำนวน 83 ไร่ ซึ่งเป็นที่ดินของครอบครัว เอาไปจำนองกู้ ธกส.อีก 5 ล้าน เเต่เงินไม่พอ ตนต้องขอเงินเเม่มาอีก 8 เเสน ทั้งหมด 5.8 ล้าน ตนยกให้ผู้ตายดูแลเงินทั้งหมด
จากนั้นตนพยายามทำทุกอย่างให้ร้านดำเนินต่อไปได้ จนเปิดร้านอาหารเเละคาเฟ่มาได้ 4 ปี (ถึง 2568) เเต่ตอนนี้ตนมีหนี้ทั้งหมด 11 ล้านบาท เพราะต้องจ่ายดอกเบี้ยทุกวัน ส่วนการที่ผูัตายไปอ้างว่าเขาลงทุน 30 ล้าน ก็ไม่เป็นความจริง
จน 14 ก.พ.67 ผู้ตายกลับไปที่ กทม.เเละลืมมือถือไว้ที่นี่ 1 เครื่อง ยืนยันว่าตลอดที่ผ่านมา ตนไม่เคยจับมือถือเขาเลยสักเครื่องเลย เเต่วันนั้นตนหยิบขึ้นมาดู เห็นข้อความต่างๆ ที่เขาเเชตคุยกับคนอื่น จนจับได้ว่ามีการนอกใจ ก่อนตนจะโทรหาผู้ตายเพื่อเคลียร์ปัญหา ตนเสียใจมาก เพราะไว้ใจเขามาก ตอนเเรกผู้ตายไม่ยอมคุย ตนเลยส่งหลักฐานไป จนอีกฝ่ายยอมรับ
17 ก.พ.67 ผ่านไปแค่ 3 วัน อีกฝ่ายกลับมา ตอนนั้นตนเริ่มระเเวง เเละพยายามดูมือถือของผู้ตายที่มีประมาณ 6-7 เครื่อง เจอเหตุการณ์แบบเดียวกันแทบทุกเครื่อง จากนั้นตนไปคุยกับญาติว่าถ้ามีอีกก็จะไม่ทนเเล้ว จนสุดท้ายตนเจออีกประมาณ 6 ครั้ง จนความรู้สึกของตนมันหมดจากคำว่ารักแล้ว ตนเชื่อว่าไม่มีใครทนได้ มีทั้งภาพเเละคลิปเสียง เเชต วิดีโอ หลักฐานครบทุกอย่าง ภายในแชตยังมีการพูดคุยทุกเรื่องของการเสพยาในช่วงระหว่างที่มีเพศสัมพันธ์อีกด้วย
หลักฐานที่ตนเห็นในวันนั้น ทำให้ตอนนั้นสภาพจิตใจตนย่ำแย่มาก ตนพยายามให้อภัยเขามาหลายครั้ง จนครั้งสุดท้าย ตนไม่มีความรู้สึกอะไรเเล้ว
ตนไม่อยากพูดเพราะ พี่ขวัญ ก็เสียชีวิตไปแล้ว เเต่วันนี้พวกตนถูกโจมตีจากหลายฝ่าย ตนไม่โทษเขา เพราะเขาไม่รู้ว่าตนต้องเจออะไรมาบ้าง 11 อีพี ที่ผูัตายโพสต์ความจริงก็มี เเต่ความเท็จก็มีเช่นกัน ความดีเขาก็มี เพื่อนๆ ครอบครัวๆ ตนรักพี่ขวัญหมด ตอนนั้นตนรักเขาหมดหัวใจจริงๆ
ตอนนั้นที่จับได้ผู้ตายถึงขั้นต้องกราบเท้าเพื่อขอคืนดีและบอกตนว่าไม่ต้องร้องไห้ เพราะโยเป็นคนที่ดีไม่ต้องมาเสียน้ำตาให้เขา
ต่อมาวันที่ 23 ธ.ค.67 ตนขอเลิกกับผู้ตาย บอกว่า เราหยุดความรักของเราไว้เเค่นี้เถอะ อีกฝ่ายก็ยอมรับเเต่โดยดี จากนั้น ผู้ตายก็ขนของที่เขาอ้างว่าเป็นของเขา โต๊ะเก้าอี้ถ้วยจานขนไปไว้ด้านหน้าถนน วันต่อมา ผู้ตายขอกลับคืนดี เเละตนให้คนงานขนของกลับเข้าร้านตามเดิม ก่อนจะคุยกัน โดยผู้ตายขอทำสัญญา 1 ฉบับ ให้ตนรับหนี้ 19,000,000 บาท ตนไม่ยอมเซ็น เพราะไม่ใช่ความจริง จำนวนเงินทั้งหมดไม่ใช่เรื่องจริง เขาร่างแค่สัญญา ไม่ได้มีเอกสารการกู้เงินใดๆ ยืนยันว่าไม่เคยเห็นเอกสารการกู้เงินจากทางฝ่ายของผู้ตายเลยแม้แต่ฉบับเดียว
จากนั้นผู้ตาย ขอทำโรงเรือนเห็ด รู้แค่ว่าผู้ตายไปยืมเงินจากญาติเขามา ตนไม่ทราบจำนวนเงิน เเละในสัญญาจะขออยู่ที่นี่ 10 ปี เมื่อครบสัญญาจะขอออกไปจากที่นี่เอง เเต่จากนั้นพี่ขัวญ ก็คุมสติตัวเองไม่ได้ ด่าตน โวยวาย ฉีกบิลต่อหน้าลูกค้า ทำลายชื่อเสียงที่นี่ ซึ่งเป็นช่วงที่ความสัมพันธ์ของพวกตนเริ่มระหองระแหง เวลาทะเลาะกันผู้ตายก็จะกลายเป็นคนอารมณ์ร้อนและจะเอาอารมณ์ตรงนี้มาลงกับลูกค้าภายในร้าน
นอกจากนี้ผู้ตายยังเคยเอาหินมาทุบกระจกที่บริเวณด้านหน้าร้านกาแฟ และทุบถ้วยจานชามจนแตกด้วย นอกจากนี้ผู้ตายยังเคยเอากรวยไปวางไว้บนหน้ารถลูกค้า ตนไม่รู้ว่าเจตนาเขาอยากทำลายชื่อเสียงไหม เเต่ตนมองว่าเขาน่าจะควบคุมตัวไม่ได้ เเละมองว่า เป็นการกระทำที่ไม่โอเค
จากนั้นผู้ตายมีการพาเพื่อนมากินเหล้าด้านบน ตนเลยโทรมาเตือน ว่าไม่ชอบ ถ้าจะพาแฟนใหม่มาก็จะไม่ว่า เเต่อย่ามากินเหล้าในบ้าน พอตอน 4 ทุ่ม ผู้ตายลงมาตัดสายกาแฟในบ้าน ทั้งๆที่ในวันรุ่งขึ้นตนเองจำเป็นจะต้องเปิดร้านและขายกาแฟให้กับลูกค้า นอกจากนี้ ผู้ตายเคยถามตนว่า ถ้าเลิกกัน ตนจะมีแฟนใหม่ไหม ตนก็บอกว่ามีเเน่นอน ยังไงก็จะพาเข้าบ้านด้วย เเต่ยังไม่ใช่ตอนนี้
ส่วนกรณี ที่บอกว่า ตนเเละครอบครัวผลักไสเขาออกมา เพราะตนมีแฟนใหม่นั้น ยืนยันว่า ตนยังไม่มีเเฟนใหม่ ตนเพิ่งจะคุยกันได้ 4 เดือน ตั้งเเต่ มกราคม 2568 หลังจากที่เลิกรากับผู้ตายไปแล้ว โดยก่อนหน้านี้มีคนงานของร้านปนออกไปอยู่กับผู้ตายทั้งหมดสามคน ทำให้ตนขาดคนงานจึงได้ขอให้คนคุยใหม่ของตน คนนี้เข้ามาช่วยงานที่ร้านและมีการให้เข้ามาช่วยโปรโมทร้านตั้งแต่ช่วงวันที่ 8 เมษายนที่ผ่านมา
ส่วนประเด็นที่ผู้ตายโพสต์เรื่องที่ตนบอกว่าให้เอาทนายมาพูดคุยกันก็เพื่อความชัดเจน เพราะว่าจะต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าเงินที่นำมาลงทุนทั้งหมดเป็นของใคร เพราะก่อนหน้านี้รายได้ทุกอย่างของร้านกาแฟและร้านก๋วยเตี๋ยวก็มีการโอนเข้าบัญชีของพี่ขวัญทั้งหมด ทั้งที่ความจริงแล้วก่อนที่พี่ขวัญจะเข้ามา เพราะครอบครัวของตนก็มีธุรกิจเป็นร้านกาแฟเล็กๆมีสวนเฟิร์นและมีร้านก๋วยเตี๋ยวอยู่แล้ว
23 มี.ค.68 ผู้ตายอาละวาด จนตกลงกันไม่ได้ เลยไปคุยกันที่ สภ.พัฒนานิคม เเละทำหนังสือตกลงกันว่า ให้ตนคืนเห็ดทั้งหมดให้กับผู้ตาย โดยตนอนุญาตให้รื้อถอนโรงเห็ดออกตั้งเเต่วันที่ 24 มี.ค. -22 เม.ย.
อนุญาตให้เข้าพื้นที่ในช่วงเวลา 06.00-18.00 น. ส่วนอสังหาริมทรัพย์ สิ่งก่อสร้างบ้านพักและร้านก๋วยเตี๋ยว พร้อมเฟอร์นิเจอร์ ที่ตกแต่งอาคาร รั้ว ผู้ตายอ้างว่าเป็นทรัพย์ของเขาฝ่ายเดียว เเละยังมีข้อพิพาทกันอยู่ ยังไม่สามรารถขนย้ายออกไปได้ รอคุยเรื่องคดีก่อน
ยืนยันว่าหนี้ 11 ล้านเป็นชื่อของตนคนเดียว ตอนเเรกเขาจะช่วยจ่าย เเต่พอเลิกกันเลยไม่ช่วย พอจะออกไปเขาขอ 2 เเสนบาทอีก เเต่ตนจ่ายไปได้เเค่ 65,000 บาท ส่วนมูลค่าทรัพย์สินตัวอาคารทั้งหมดที่มีการปลูกสร้างมานี้มูลค่าไม่น่าจะเกิน 15 ล้านบาท แต่ส่วนที่ผู้ตายเอามาลงทุนน่าจะเป็นเงินที่มีการเอามาสร้างบ้านให้กับพี่สาวของตนแทนหลังเก่าซึ่งเดิมอยู่ตรงร้านกาแฟตรงนี้ที่จำเป็นจะต้องรื้อออกไป และสร้างบ้านใหม่ขึ้นทดแทนให้
ส่วนการโพสต์ของผู้ตายทุกโพสต์นั้น ตนมองว่าเป็นการดูถูกเหยียดหยามครอบครัวของตนอย่างรุนแรง แต่ตนก็อดทนมาโดยตลอด จนถึงในวันนี้ที่ตนจำเป็นจะต้องออกมาพูดเพื่อปกป้องทุกคนในครอบครัว ตนยืนยันว่าทุกสิ่งที่ตนพูดในวันนี้เป็นความจริง 100% ตนไม่มีทางโกหกแน่นอน เพราะตอนนี้ก็ยังอยู่ในผ้าเหลือง ตนภาวนา มาตลอดว่าขอให้เรื่องนี้จบลงด้วยดี และตนก็พูดกับผู้ตายมาเสมอว่าต่อให้เราไม่ได้รักกันแล้ว แต่เราไม่ได้เกลียดกัน
ซึ่งผู้ตายเคย LINE มาสั่งเสียกับตนไว้บอกว่าถ้าตายให้เผาศพด้วย ตอนนั้นไม่รู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นและไม่รู้ว่าเค้าคิดอะไรอยู่ ตนเลยไปลงบันทึกประจำวันไว้เพื่อยืนยันว่าถ้าผู้ตายเข้ามาเสียชีวิตในพื้นที่ ตนยืนยันว่าไม่ใช่การฆาตกรรมแน่นอน
ตอนนี้ตนอโหสิกรรมให้ทุกอย่าง ที่ผ่านมาก็ไม่เคยโกรธผู้ตายเเม้เขาจะสาปแช่งครอบครัวตน เเละไม่โกรธคนที่คอมเมนต์เลยสักคนเดียว เพราะพวกเขาไม่รู้ความจริงและมองเหรียญแค่ด้านเดียว ส่วนคนที่ไปให้ข้อมูลกับเพจข่าวต่างๆนั้น ตนก็คิดว่าน่าจะเป็นบุคคลใกล้ตัว แต่ก็ยังไม่ทราบว่าเป็นใคร
เหตุการณ์นี้ ตนมองว่าผู้ตายไม่น่าจะทำลงไปเพราะความน้อยใจ แต่น่าจะเกิดจากการประชดประชันและเพื่อเป็นการสร้างตราบาปให้กับตน แต่อย่างไรก็ตามตนไม่ติดใจและอโหสิกรรมให้และอยากจะนำพาให้เค้าไปสู่ภพภูมิที่ดี ตนจึงตัดสินใจที่จะบวชอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้กับดวงวิญญาณของผู้ตาย และในตอนนี้ก็ยังไม่มีกำหนดการสึก ขอรอให้รู้สึกสบายใจมากกว่านี้ก่อนค่อยคิดเรื่องสึกทีหลัง
หลังเกิดเหตุ ตนได้คุยกับครอบครัวพี่ขวัญคือวันรับศพ ก็ไม่มีอะไรบาดหมางกัน เเต่ไม่รู้ว่าลึกๆ ทางครอบครัวของพี่ขวัญจะคิดยังไง แต่เขาก็บอกว่าไม่ได้ติดใจ ตอนเเรกตนเเละครอบครัวตั้งใจจะเอารถตู้ไปร่วมงานศพ เเต่สถานการณ์ตอนนี้ไม่ปกติ ด้วยข้อความเเละคอมเมนต์ต่างๆ เลยไม่เเน่ใจว่าจะไปร่วมงานหรือไม่
ส่วนประเด็นที่บอกว่าตนเองเคยแต่งงานมาแล้วนั้น ก็ยืนยันว่าตนเคยแต่งงานมาแล้วหนึ่งครั้ง ตอนช่วงอายุ 30 ปีซึ่งปัจจุบันตนอายุ 43 ปีแล้ว ตัวในตอนนั้นตนอยู่กินกับอดีตภรรยาได้ยังไม่ถึง 1 ปี ก็เลิกรากันไป
ยืนยันไม่ได้ปอกลอกอะไรฝ่ายหญิงเลย ส่วนของพี่ขวัญมีภรรยาอยู่เเล้ว ตนเพิ่งจะมารู้เมื่อ 1 ปีก่อน ตนเคยไปเจอ ผู้ตายอ้างว่าเลิกรากันไปแล้ว แต่ครอบครัวของฝ่ายหญิงยังยืนยันว่าทั้งคู่เป็นสามีภรรยากันอยู่ ตนรู้ความจริงตอนที่หมดรักกับผู้ตายไปแล้ว
Advertisement