ความคืบหน้าคดีฆาตกรรมโหดที่ไต้หวัน หลังผู้ก่อเหตุซึ่งเป็นคนไทย คาดว่าจะเป็น "นายสันติ" ซึ่งเป็นเพื่อนกับทางผู้ตาย "นางลี่" หรือ น.ส.พจนีย์ แซ่หลี่ อายุ 35 ปี และรู้จักกับทางนายประเสริฐ โนราษ อายุ 32 ปี สามีของนางลี่ที่เสียชีวิตเช่นกัน
วันที่ 13 มิ.ย. 65 ช่วงเช้าที่ผ่านมาทาง ทีมข่าวเดินทางไปยังบ้านเกิดของนายประเสริฐ โนราษ หมู่ที่ 1 ตำบลท่าลาด อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี คุณพ่อและคุณแม่ของเจ้าตัวได้เดินทางไปติดต่อราชการเรื่องของเอกสารทะเบียน และใบมรณบัตรที่ต้องส่งไปให้ทางครอบครัวของ นางพจนีย์ หรือ ลี่ สามีของนายประเสริฐ ในการจัดการเรื่องของศพ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
โคตรอำมหิต! ฆ่าผัวเมียท้องแฝด 4 ศพยัดรถหรู ตร.แจงไม่รู้ปล่อยเข้าไทย พ่อสุดช็อก (คลิป)
ล่าสุด สื่อไต้หวัน เผยวงจรปิดช่วงเกิดเหตุ ระบุว่า เหยื่อทั้งสองถูกดักซุ่มทำร้ายและถูกสังหาร บริเวณชั้นที่ 2 ของอาคาร ซึ่งพื้นที่ส่วนใหญ่ของชั้นที่ 2 นี้ เป็นชั้นร้าง ก่อนที่คนร้ายจะนำศพไปขึ้นรถ BMW X4 สีขาว และขับไปจอดทิ้งที่ลานจอดรถของสถานีรถไฟฟ้า
"แอปเปิ้ล เดลี่ ไต้หวัน" สื่อดังของไต้หวัน รายงานข่าวด่วนระบุตำรวจไต้หวันพบข้อมูลฆาตกรที่ก่อเหตุฆ่าหญิงตั้งครรภ์ลูกแฝดชาวไทยพร้อมสามี รวม 4 ศพ ได้ลวงเหยื่อทั้งคู่มาสังหารที่ชั้น 2 ของอาคารเก่าที่ถูกดัดแปลงใช้เป็นหอพักแรงงานไทย ล่าสุดคู่สามีภรรยาชาวไทยถูกคนร้ายลวงนัดเมื่อคืนวันที่ 8 มิ.ย. 65 ให้เดินทางมาที่ชั้น 2 ของอาคารเก่า ที่ดัดแปลงเป็นหอพักแรงงานไทย ตอนเวลา 22.00 น. ตามเวลาไต้หวัน
โดยในช่วง 10.40 น. ของวันเดียวกัน ฆาตกรได้เดินทางด้วยเที่ยวบิน JX741 ของสายการบินสตาร์ลักซ์ แอร์ไลน์ส ออกจากสนามบินนานาชาติเถาหยวนของไต้หวัน มาถึงกรุงเทพฯ เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 9 มิ.ย. 65
โดยสื่อไต้หวัน ตีข่าวฆาตกรสังหารสาวท้องและสามีชาวไทย อาจต้องรับโทษประหารชีวิตด้วยการยิงเป้า หากถูกส่งตัวจากไทยกลับไต้หวัน แอบหวั่นอุปสรรคไทย-ไต้หวัน ไม่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน สถานีโทรทัศน์ ทีทีวี นิวส์ ของไต้หวัน ระบุว่า "การที่ไทยและไต้หวัน ไม่มีสนธิสัญญาส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างกัน อาจเป็นอุปสรรคสำคัญ ต่อการนำตัวฆาตกร 4 ศพ รายนี้ กลับมาดำเนินคดี"
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปยังบ้านใหม่หนองบัว หมู่ 10 ต.หนองบัว อ.ไชยปราการ จ.เชียงใหม่ นายสุชาติ สุภอภิรดีไพลีน อายุ 63 ปี พ่อของนายสันติ เล่าให้ฟังว่าลูกชายเดินทางไปทำงานที่ไต้หวัน พร้อมกับภรรยาได้ประมาณ 2 ปี ไม่ได้กลับมาบ้านอีกเลย ส่วนใหญ่จะติดต่อพูดคุยกันทางแชต แต่ลูกชายของเขา 2 คนอยู่กับตนที่นี่ คนโต 6 ขวบ คนเล็ก 2 ขวบ
เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. 65 เวลา 09.25 น. แม่ของผู้ต้องสงสัยส่งคลิปหลานเล่นรถของเล่นไปในกลุ่ม วันที่ 3 มิ.ย. เวลา 14.47 น. ภรรยาผู้ต้องสงสัย ส่งข้อความเสียงกลับมาว่า "ทำไมหน้าหงิกงอ หน้าบูด" แม่ผู้ต้องสงสัยตอบกลับไปเวลา 15.14 น. ว่า "ไม่มีอะไรมาก" หลังจากนั้นแม่ของผู้ต้องสงสัยก็ส่งรูปกิจกรรมวันเด็กของลูกผู้ต้องสงสัยไปในกลุ่ม แต่ไม่มีการตอบกลับ กระทั่งวันที่ 9 มิ.ย. เวลา 13.18 น. ผู้ต้องสงสัยก็ส่งข้อความเสียงมาว่า "ถึงกรุงเทพแล้ว กำลังหาซื้อตั๋วจากสุวรรณภูมิไปลงเชียงใหม่"
ส่วนทางด้านนางสาวพจนีย์ ตนก็ยอมรับว่าเป็นเพื่อนสนิทกับลูกชาย เพราะอยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน เรียนด้วยกันตามข่าวที่ออกไปจริง ขนาดตอนที่ลูกชายกับภรรยาเดินทางไปทำงานที่ไต้หวัน แล้วต้องกักตัวโควิด-19 ก็ไปพักอยู่ที่บ้านของผู้ตายด้วยซ้ำ ดูแลเรื่องอาหารการกินตลอดการกักตัวเป็นอย่างดี หลังจากครบกำหนดกักตัว ด้านของผู้ตายทั้ง 2 คนก็ประสานหางานให้ลูกชายและภรรยาทำ เป็นงานรับจ้างภายในโรงงาน คอยดูแลเป็นล่ามสื่อสารให้แรงงานไทย อีกทั้งตัวของตนกับแม่ของนางพจนีย์ก็เป็นเพื่อนสนิทกันมาก่อนด้วย
ตนก็ไม่อยากจะเชื่อว่าลูกชายจะเป็นผู้ก่อเหตุ แต่ด้วยหลักฐานต่าง ๆ ชี้ชัด ตนก็ไม่รู้จะปฎิเสธอย่างไร ดังนั้นหากลูกชายเป็นผู้ก่อเหตุจริง ตนก็ติดใจอยู่ประเด็นหนึ่งคือลูกชายสามารถก่อเหตุเพียงคนเดียวได้หรือ แล้วทำไมกล้องวงจรปิดไม่สามารถบันทึกภาพตอนที่ฆ่าได้ มีเพียงแค่ภาพที่ลูกชายเดินวนไปวนมาที่รถ
ยืนยันว่าลูกชายไม่เคยมีปัญหากับใครรุนแรงถึงขั้นลงไม้ลงมือ หรือทำให้ชาวบ้านเดือดร้อน ประเด็นที่มีข่าวออกมาว่าปมสาเหตุมาจากเงิน 800,000 บาท กับทอง 10 บาทนั้น ลูกชายไม่เคยมาปรึกษาหรือเล่าให้ฟัง จึงตอบไม่ได้ว่าจริงหรือไม่ พร้อมกับบอกว่าเมื่อวันที่ 9 มิ.ย.65 ลูกชายเดินทางกลับมาที่ไทยถึงสนามบินสุวรรณภูมิ ประมาณ 13.18 น. เนื่องจากลูกชายส่งข้อความเสียงมาบอก พอบินมาถึง จ.เชียงใหม่ ก็เข้าไปเอารถยนต์ยี่ห้อวอลโว่ที่จอดอยู่ในบ้านที่เมืองเชียงใหม่ เป็นของของลูกสาวกับสามี จากนั้นก็ขับขึ้นมาที่นี่คนเดียว เพื่อมาเจอลูกเขาทั้ง 2 คน ถึงบ้านประมาณ 21.00 น. กว่า ๆ พอมาถึงทุกอย่างก็ปกติ ไม่มีอะไรผิดสังเกต แล้วก็เอาลูกชายทั้ง 2 คนเข้านอนทันที ไม่ทันได้คุยอะไรกัน
จนกระทั่งตอนเช้าของวันที่ 10 มิ.ย. เวลาประมาณ 07.00 น. ขับรถยนต์อีซูซุสีขาวไปส่งลูกที่โรงเรียนแล้วก็กลับมาบ้าน และอยู่บ้านตลอด จากนั้นตอนประมาณ 15.00 น. ขับรถยนต์คันเดิมออกไปรับลูกที่โรงเรียน ด้วยความที่วันนั้นตนเข้าไปทำสวนส้มที่ไร่ จึงไม่ได้คุยกัน วันที่ 11 มิ.ย. 65 ก็ไม่เจอลูกชายที่บ้านแล้ว จึงไม่รู้ว่าลูกชายออกจากบ้านไปตั้งแต่เมื่อไร และไปไหน มารู้ข่าวว่าลูกชายตกเป็นผู้ต้องสงสัยก็หลังจากที่ลูกชายหายไปแล้ว
ปัจจุบันลูกชายก็ไม่มีความเคลื่อนไหว ตนก็ไม่กล้าส่งข่าวเข้าไปในกลุ่มแชตเพื่อสอบถามลูกชาย เพราะในนั้นมีภรรยาของตน ซึ่งรับไม่ได้หลังจากทราบข่าวอยู่ กลัวว่าเขาจะอาการทรุด ในฐานะพ่อ ตนก็อยากบอกกับลูกชายว่า "ลูก ลูก ถ้าฟังบทสัมภาษณ์นี้อยู่ พ่อขอเถอะ ออกมาสู้คดี เป็นตายร้ายดีก็ถือเป็นเวรกรรมที่เราทำไว้ ทุกอย่างจะได้ชัดเจน" ส่วนกับครอบครัวของนางสาวพจนีย์ ตนยอมรับว่าไม่รู้จะสู้หน้าอย่างไร พูดไม่ออกจริง ๆ ด้วยความที่เขามีบุญคุณกับลูกชายตนมาก ตอนนี้จึงยังไม่มีโอกาสได้คุยกันเลย ฉะนั้นหากสุดท้ายแล้วลูกชายตนเป็นผู้ก่อเหตุจริง หรือไม่ได้เป็นผู้ก่อเหตุ หรือเป็นแค่ผู้สมรู้ร่วมคิดหรือถูกบังคับก็แล้วแต่ ตนก็อยากจะบอกผ่านอมรินทร์ทีวีไปยังครอบครัวของผู้ตายว่าอยากจะขอโทษแทนลูกชาย และยอมรับทุกอย่าง
Advertisement