กรณีแท็กซี่ขอความช่วยเหลือ โดยการทำสัญญาณมือแบบสากล จากตำรวจ สภ.บ้านบึง หลังผู้โดยสารหยิบปืนขึ้นมาโชว์ พร้อมกุญแจมือ และเสพยาไอซ์ในรถนั้น
วันที่ 5 พ.ค. 65 ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นายทนงศักดิ์ เลียงสา อายุ 49 ปี คนขับแท็กซี่ กล่าวว่า เมื่อวานนี้ 4 พ.ค. เวลา 07.00 น. ตนเข้าไปรับผู้โดยสารที่สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (หมอชิต) มีชายรายหนึ่งเป็นวัยรุ่น เดินมาบอกให้ไปส่งที่เพชรเกษม ตัวเองก็ตอบตกลง
แต่เมื่อขึ้นรถก็บอกว่าเปลี่ยนใจ ให้ไปส่งที่ อ.ปลวกแดง จ.ระยอง ตนจึงบอกว่าขอคิดราคาเหมา 2,700 บาท อีกฝ่ายบอกว่ามีเงินแค่ 1,500 บาท ขอต่อราคา ตนตอบตกลง ซึ่งผู้โดยสารรายนี้นั่งข้างคนขับ เมื่อถึงจุดพักรถมอเตอร์เวย์ ก็บอกให้ตนจอดรถ เพื่อแวะเข้าห้องน้ำ แต่ตนขับเลยไป จอดไม่ทัน อีกฝ่ายก็ดึงปืนออกมาวาง พร้อมบอกว่าให้จอดข้างหน้าแล้วลงไปฉี่ด้วยกัน และยังบอกว่าไม่ต้องกลัว ตัวเองเป็นตำรวจ
นายทนงศักดิ์ กล่าวต่อว่า ตอนนั้นในใจเริ่มกลัว แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะอีกฝ่ายมีปืน หลังจากนั้น ผู้โดยสารรายนี้ยังหยิบถุงเล็ก ๆ ใส่ผงสีขาวออกมาวางข้างเกียร์รถ บอกว่าเมื่อคืนเพิ่งไปจับยาไอซ์มา ไม่ต้องกลัว ไม่มีใครกล้าจับ เพราะเป็นตำรวจ ตนก็บอกให้เก็บไปไม่ดี อีกฝ่ายก็หยิบไป และกระโดดไปนั่งข้างหลัง ก่อนจะหยิบอุปกรณ์มาดูดยาในรถ ระหว่างนั้นก็หยิบกุญแจมือมาใส่ ใช้ไม้จิ้มฟันแคะออกให้ตนดู ตัวเองก็เริ่มกลัวว่าจะถูกล็อกแขนยัดยา แล้วโทรแจ้งตำรวจอีกชุดมาจับ เมื่อจอดข้างทางก็ลงไปฉี่พร้อมกัน 2 คน และรีบลงมาก่อน เพราะอีกฝ่ายบังคับให้ลงไปด้วยกัน
พอขับไปเรื่อย ๆ อีกฝ่ายก็บอกเปลี่ยนใจไป สภ.บ้านฉาง จ.ระยอง อ้างว่าจะไปหาเพื่อนที่เป็นตำรวจ เมื่อไปถึงบ้านฉางก็บอกว่าไม่ไปสถานีตำรวจแล้ว ขอแวะสี่แยกบ้านฉาง จากนั้นตนก็จอดแถวแยกบ้านฉาง ผู้โดยสารก็ลงไปคุยกับหญิงสาวรายหนึ่งคาดว่าเป็นญาติ เมื่อขึ้นรถมาก็บอกว่าเปลี่ยนใจไปบ้านบึง จ.ชลบุรี ขณะนั้นตนอึดอัดมาก ระหว่างทางอีกฝ่ายก็บอกว่าไม่มีเงินจ่ายค่ารถแล้ว ถ้าอยากได้ก็ขอยืมโทรศัพท์โทรไปยืมเงินเพื่อน ซึ่งตนก็ให้ยืม แต่จากการฟังพบว่าไม่น่าจะมีใครให้ยืมเงิน ตนก็มั่นใจว่าผู้โดยสารไม่มีเงินจ่าย ตนจึงทำทีหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพูดคนเดียว อ้างว่าต้องไปรับงานที่พัทยา เวลา 14.00 น. เพื่อจะแยกตัวออกไป แต่ชายรายนี้ก็บอกว่าจะไปพัทยาด้วย
จนมาถึงบ้านบึง ตนเห็นร้านสะดวกซื้อด้านข้างมีไซต์งานก่อสร้าง ก็อ้างว่าขอลงไปฉี่ข้างทาง โดยผู้โดยสารก็เดินเข้าร้านสะดวกซื้อ
ระหว่างนั้นตนรีบหยิบสัมภาระของผู้โดยสารลงจากรถ เมื่ออีกฝ่ายเดินออกมาก็ถามว่าขนของลงทำไม ตนจึงบอกให้ลงตรงนี้แล้วให้ญาติมารับ และนำเงินมาจ่ายด้วย อีกฝ่ายบอกว่าไม่มีเงิน ให้ไปเคลียร์ที่ด่านทางด่วน เพราะมีคนรู้จัก ซึ่งตนก็ตั้งจีพีเอสไป สภ.บ้านบึง ที่ห่างไปประมาณ 4 กิโลเมตร เมื่อถึง สภ.บ้านบึง ชายรายนี้ถามว่าทำไมไม่พาไปที่ทางด่วน ตนจึงบอกว่าให้คุยกันที่นี่ตำรวจเยอะดี เพราะอีกฝ่ายก็อ้างว่าเป็นตำรวจจะได้คุยกันรู้เรื่อง
ก่อนที่ตนจะรีบเดินลงมาจากรถ ระหว่างนั้นก็ทำสัญญาณมือจากด้านหลัง เป็นการขอความช่วยเหลือแบบสากล ด้วยการแบมือทั้ง 5 นิ้ว แล้วพับนิ้วโป้งเข้าหาฝ่ามือ จากนั้นพับอีก 4 นิ้วที่เหลือทับนิ้วโป้ง ทำซ้ำแบบนั้น 3 ครั้ง เพราะขณะนั้นคนร้ายยังยืนอยู่ข้างตน กลัวว่าส่งเสียงไปอาจจะถูกทำร้าย ระหว่างนั้นหันไปมองที่สถานีตำรวจเห็นว่ามีผู้หญิง 2 คนมองตนอยู่ แต่อาจจะยังไม่เข้าใจ ตนจึงยกมือขึ้นทำแบบเดิม จนผู้หญิงวิ่งไปเรียกตำรวจ จากนั้น ตำรวจก็เดินมาเรียกให้ตนขึ้นไปให้ปากคำที่บนสถานีตำรวจ ตนก็รีบเดินไปทันที ส่วนคนร้ายก็เดินแยกออกไป
ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจก็สอบปากคำ และตรวจค้นในรถพบปืนที่คนร้ายโยนทิ้งไว้ ส่วนคนร้ายก็นั่งอยู่บริเวณสถานีตำรวจ เจ้าหน้าที่ก็พยายามเข้าไปเกลี้ยกล่อมและจับกุมในที่สุด
นายทนงศักดิ์ กล่าวต่อว่า ตัวเองจำวิธีการขอความช่วยเหลือแบบสากลมาจากในติ๊กต็อก โดยลองฝึกทำตามประมาณครึ่งวัน เพราะคิดว่าอาชีพของตนอาจจะต้องเจอคนไม่ดี เผื่อจะได้ขอความช่วยเหลือจากคนอื่นได้ หรือบางครั้งอาจจะต้องช่วยเหลือคนอื่นจากการทำสัญญาณมือแบบนี้
ทั้งนี้ ตนรู้สึกเสียความรู้สึกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะตนทำงานอยากได้เงิน เพื่อนำเงินมาส่งค่างวดรถ โดยรู้ว่าการรับผู้โดยสารแบบนี้ค่อนข้างเสี่ยง แต่ก็ต้องทำเพราะอยากได้เงิน แต่อีกฝ่ายกลับให้ตนขับรถวนไปมาทั้งวันตั้งแต่ 07.00-15.00 น. ไม่ได้เงินแม้แต่บาทเดียว โดยตนก็ไม่รู้วัตถุประสงค์เพราะคิดไปได้หลายอย่าง ส่วนเรื่องการรับผู้โดยสารตนก็เลือกไม่ได้ ก็ต้องสุ่มไป เพราะหากเลือกผู้โดยสารก็จะถูกร้องเรียนได้
Advertisement