วันนี้ (4 กรกฎาคม 2568) เวลา 10.30 น. วันที่ 4 ก.ค. 68 ที่กระทรวงมหาดไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาการนายกรัฐมนตรี เข้าทำงานกระทรวงมหาดไทยเป็นวันแรก โดยได้กล่าวมอบนโยบายให้กับข้าราชการกระทรวงมหาดไทย ว่า อยากให้ทุกคนร่วมมือกันทุกภาคส่วน ที่จะทำให้กระทรวงมหาดไทยเป็นหนึ่งเดียวกันในการแก้ไขและขับเคลื่อนนโยบาย จะได้สามารถทำให้ประเทศผ่านพ้นวิกฤติไปได้ โดยสิ่งที่สำคัญที่ตนได้บอกไว้คือกลไกของกระทรวงมหาดไทยเป็นกลไกสำคัญตั้งแต่ระดับจังหวัด อำเภอ และทั่วประเทศ จะต้องทำให้เป็นกลไกที่สามารถนำนโยบายดีๆและสิ่งที่แก้ปัญหาให้กับประชาชนทั้งหมดได้ดี และอีกเรื่องหนึ่งตนอยากเห็นความเป็นปึกแผ่นเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
"ที่นี่ไม่มี สิงห์ดำ สิงห์แดง สิงห์ขาว สิงห์เขียว สิงห์ทอง สิงห์น้ำเงิน เพราะที่นี่มีแต่สิงห์อย่างเดียวคือสิ่งห์มหาดไทย ผมไม่นิยมให้สนับสนุนหรือมีลักษณะการเล่นพวกเล่นพ้อง ผมต้องการคนที่มีความสามารถเพราะถ้ามีความสามารถและอาสาทำงานตนยินดีทั้งนั้น" นายภูมิธรรม กล่าว
นายภูมิธรรมกล่าวต่อว่า จุดสำคัญที่สุดคือการเริ่มต้นทำงานร่วมกันซึ่งที่ผ่านมาจะต้องมาดูว่าอะไรที่เป็นนโยบายก็ทำนโยบายไปให้มีความชัดเจน สำหรับข้อสำคัญในการบริหารราชการแผ่นดิน ถ้านโยบายไม่เข้มข้นหรือไม่ขยับและไม่ดำเนินการ เป็นสิ่งที่ตนรับไม่ได้ เพราะฉะนั้นใครที่นิ่งเฉยทำไม่เต็มหน่วยหรือจะเกษียณแล้วแต่ไม่ทำอะไรเลย ถ้าไม่มีปัญหาสำคัญก็ไม่เป็นอะไรแต่ถ้ามีปัญหาขึ้นมาต้องจัดการ
พร้อมย้ำว่าอยากเห็นกระทรวงมหาดไทยเป็นกลไกสำคัญในการแก้ปัญหาวิกฤตของประชาชนไม่ว่าจะเป็นวิกฤตชีวิตหรือวิกฤติยาเสพติด
นายภูมิธรรม กล่าวย้ำว่า ยาเสพติดถือว่าเป็นเรือธงอันดับหนึ่งที่กระทรวงมหาดไทยต้องทำให้เห็นผล อย่างน้อยต้องเห็นความเปลี่ยนแปลงหรือความคืบหน้าภายใน 3 เดือน เพราะก่อนที่ตนจะมากระทรวงมหาดไทยตนได้จัดการแก้ไขปัญหา เป็นผู้รับทำนโยบาย Seal Stop Safe ซึ่งมีทั้งหมด14 จังหวัด แต่ในครั้งนี้ตนขอเน้นไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดเพราะวิกฤติยาเสพติดเป็นวิกฤติที่คนดีหมดความอดทน
นายภูมิธรรมกล่าว เล่าว่า มีคนบอกว่าเรื่องยาเสพติด ชาวบ้านในหมู่บ้านรู้หมด และมีคนถามว่ารัฐบาลเอาจริงกับการแก้ไขปัญหายาเสพติดหรือไม่ซึ่งคนที่บอกตนระบุได้ถึงว่า ใครเป็นคนขายยาเสพติด ใครที่สมคบข้าราชการขายยาเสพติด ฉะนั้นวันนี้ต้องหยุด
โดยมีคนเคยบอกว่า ประชาชนรู้หมด แต่ผู้กำกับ นายอำเภอ ผู้ว่าราชการจังหวัด รวมไปถึงผู้บังคับการตำรวจ ไม่ค่อยรู้เรื่องนี้ ซึ่งตนจะตรวจสอบ เพราะถือเป็นหน้าที่ของผู้ว่าราชการจังหวัด และเป็นหน้าที่ของผู้ว่าราชการจังหวัดโดยสำคัญ เพราะเป็นผู้ควบคุมทั้งหมด ส่วนผู้บังคับการจังหวัด ก็จะต้องไปตรวจดูว่าอยู่ในสายงาน มีปัญหาโดยภาพรวมที่ผ่านมาเป็นอย่างไรไม่รู้ แต่จุดเริ่มต้นที่กระทรวงมหาดไทย จะต้องดำเนินการร่วมกันประสานงานกับศูนย์ประสานงานปราบปรามยาเสพติดหน่วยทหารและหน่วยเฉพาะกิจต่างๆ
พร้อมระบุว่า จะมีการประชุมกัน 14 กรกฎาคมนี้ จะเป็นการบูรณาการ การทำงาน ทั้งตำรวจและหน่วยงานต่างๆ โดยตนเองเป็นรองนายกฯที่ดูแลในเรื่องของความมั่นคง ซึ่งวันนี้มาอยู่มหาดไทยก็ครบ เพราะที่ผ่านมายังไม่มีกลไกมหาดไทยในการดูแล ซึ่งตนก็ดูแลตำรวจ กระทรวงยุติธรรม เมื่อมาอยู่กันแบบนี้ก็จะสามารถทำงานได้เป็นเอกภาพมากขึ้น
ส่วนในเรื่องของการปราบปรามผู้มีอิทธิพลและอาชญากรข้ามชาติ รวมถึงภัยร้ายแรง ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้รวบรวมข้อมูลข้างต้นตอนนี้ เรารู้ทั้งหมดและสามารถสืบได้ว่าบัญชีม้าที่เกิดขึ้นผ่านใครไปบ้าง เพราะตนได้ดูแลทาง สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ป.ป.ง. ด้วย ซึ่งสามารถสืบเส้นทางการเงินและอีกไม่นานหรือในเร็วๆนี้ จะทำให้เห็นว่าใครบ้างที่เข้าไปเกี่ยวข้อง
นายภูมิธรรม ระบุ ต่อว่า อยากให้ผู้ว่าราชการ จังหวัด นายอำเภอ ทั้งหมดและผู้ที่รับผิดชอบของกระทรวงมหาดไทย เรื่องนี้ต้องหยุดเพราะทุกคนมีครอบครัว ชีวิตของชาวบ้านในระดับต่างๆ ซึ่งเราจะต้องมาคุยในรายละเอียดอีกที พร้อมย้ำว่าตนเองเข้าใจปรัชญาของกระทรวงมหาดไทย
ทั้งนี้นายภูมิธรรมกล่าวย้ำว่า ตนและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงไทย ได้รับการโปรดเกล้าฯเพราะได้รับความไว้วางพระราชหฤทัย ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้มาทำงานซึ่งพระบรมราโชวาท ที่ได้มอบหมาย ให้คณะรัฐมนตรีทุกคนมีความชัดเจนว่าให้มากอบกู้ภัยพิบัติและวิกฤตและดูแลทุกข์สุขของประชาชน
Advertisement