จากกรณีเมื่อวันที่ 4 พ.ค.65 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่ตรวจสอบที่มาที่ไปของรูปภาพที่มีพระสงฆ์รูปหนึ่ง ทาแป้งหน้าขาว ปากแดง กำลังกอดรัดผลัดกันหอมอยู่กับฆราวาสชาย โดยทราบภายหลังว่าพระรูปนี้คือ พระธัมมสรโณ หรือ พระคุณหลวงพ่อเอก เป็นพระในสถานปฎิบัติธรรมที่พักสงฆ์เขาธัมมสรณ์ บ้านห้วยหนามตะเข้ ต.บ้านไร่ อ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี
แล้วมีด้านของพระเลขาฯ และฆราวาสตัวแทนของหลวงพ่อเอก ออกมาชี้แจงแทนว่าเรื่องทั้งหมดถูกบิดเบือน อยู่ระหว่างการฟ้องศาลฯ กับผู้ที่ปล่อยภาพ ซึ่งมีเจตนาทำให้หลวงพ่อเสื่อมเสียชื่อเสียง พร้อมยืนยันว่าฆราวาสชายในภาพเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อที่เคารพนับถือกันมากว่า 10 ปี และไม่ได้มีพฤติกรรมเชิงคู่ขาประเภทเกย์แต่อย่างใด
ล่าสุดวันที่ 5 พ.ค.65 เวลาประมาณ 13.47 น. นางวิทิดา การสมทบ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนา จ.อุทัยธานี พร้อมคณะ เลขาเจ้าคณะปกครองสงฆ์อำเภอบ้านไร่ จ.อุทัยธานี พระอนุชา เจ้าคณะปกครองสงฆ์ ต.บ้านไร่ อ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี พระครูอุเทศธรรมโสภิต (ประนอม)และคณะปลัด อ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี เดินทางมาเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับรูปดังกล่าว แต่ด้านของลูกศิษย์ตัวแทนหลวงพ่อ ห้ามไม่ให้สื่อมวลชนเข้าไปด้านในเพื่อตรวจสอบความจริง อ้างว่าพื้นที่ตรงนี้เป็นพื้นที่เอกชน เป็นพื้นที่ส่วนบุคคล
เวลา 15.30 น. ฆราวาสตัวแทนของหลวงพ่อเอกชี้แจงยืนยันกับสื่อฯ ว่าภาพที่เผยแพร่ออกมานั้น เป็นการถูกบิดเบือน ไม่สามารถตอบได้ว่าเป็นภาพที่ถ่ายเมื่อไร แต่เหตุการณ์ในภาพนั้นเกิดจากความสนิทสนมกันของหลวงพ่อกับลูกศิษย์ที่รู้จักกันมานานมาก จึงมีการหยอกเล่นกัน ไม่มีความสัมพันธ์อื่นที่พิเศษไปมากกว่านี้ เพราะหลวงพ่อรักลูกศิษย์ทุกคนเท่ากัน เหตุการณ์ตอนนั้นไม่ได้อยู่กันสองต่อสอง ยืนยันว่ามีคนอื่นอยู่ด้วย หลวงพ่อไม่ได้เป็นเกย์ หรือตุ๊ดแต๋ว
ส่วนภาพที่เห็นว่าหลวงพ่อทาปากแดงนั้นเป็นน้ำหมาก ไม่ใช่ลิปสติกตามที่หลายคนเข้าใจ ส่วนรายละเอียดอื่นอยู่ในสำนวนทางคดี ขอชี้แจงในชั้นศาลฯเท่านั้น ทั้งนี้ ถ้าถามว่าภาพที่หลุดออกไปนั้นใครเป็นคนปล่อยและใครเป็นคนถ่าย ตนไม่รู้ รู้แค่ว่าหลวงพ่อถูกกลั่นแกล้ง แล้วในอดีตทางเจ้าคณะปกครองสงฆ์รูปเก่า ซึ่งละสังขารไปแล้วก็ทราบเรื่องนี้แล้ว และหลวงพ่อก็ได้อธิบายไปว่าจะไม่ให้เกิดขึ้นอีก พร้อมกับมีการปลงอาบัติไปแล้วรอบหนึ่ง เพียงแค่ตอนนี้มีคนไม่หวังดีเอารูปออกมาเผยแพร่อีกรอบ ก็ยินดีที่จะให้ตรวจสอบอีกรอบเช่นกัน
พระอนุชา เลขาเจ้าคณะอำเภอบ้านไร่ จ.อุทัยธานี บอกกับสื่อฯว่า ยังชี้ชัดไม่ได้ว่าใครผิดใครถูก เพราะมองจากภาพและคำกล่าวอ้างแล้ว อาจเป็นไปได้ว่าหลวงพ่อในรูปถูกกลั่นแกล้ง ดังนั้นหลังจากนี้จะมีการจัดตั้งคณะกรรมการตรวจสอบว่ามีใครเกี่ยวข้องบ้าง แต่ถ้าถามในฐานะพระสงฆ์เหมือนกัน การที่พระสงฆ์ไปหอมแก้มฆราวาสชาย หรือให้ฆราวาสชายมาห้อมแก้มนั้น สามารถทำได้หรือไม่ อยู่ที่เจตนาของทั้ง 2 ฝ่าย บวกกับช่วงเวลานั้น ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น
ส่วนเรื่องของการทาแป้งหน้าขาว ซึ่งเป็นเครื่องหอมนั้น ทราบว่าเป็นแป้งยาสำหรับรักษาอาการผดผื่นคัน ซึ่งสามารถใช้ได้ และที่เห็นว่าปากแดง ก็เพราะฉันหมาก ส่วนภาพที่เห็นว่าออกไปพายเรือ ไปเที่ยวทะเล แต่งตัวโพกหัว สวมแว่นนั้น ถามว่าผิดไหม เป็นพระสงฆ์ทำได้ไหม "อาตมาก็ไม่รู้เลยโยม อาตมาเพิ่งมารับตำแหน่ง ยังไม่รู้เรื่องเลย ต้องสอบสวนก่อน" และไม่ขอออกความคิดเห็นกับสถานการณ์ปัจจุบันของวงการสงฆ์ที่ค่อนข้างร้อนแรง
นางวิทิดา การสมทบ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนา จ.อุทัยธานี ยอมรับว่า ภาพถ่ายทั้งหมดที่ถูกเผยแพร่ออกมานั้นเป็นภาพที่ไม่เหมาะสมจริง ตามที่พุทธศาสนิกชนมอง เมื่อวานนี้นำเรียนไปยังเจ้าคณะปกครองสงฆ์ นำโดยเจ้าคณะตำบลบ้านไร่และเลขาเจ้าคณะอำเภอบ้านไร่ วันนี้จึงเดินทางมาตรวจสอบและได้รับเอกสารต่าง ๆ จากหลวงพ่อเอก และคณะมาแล้วบางส่วน หลังจากนี้ก็จะได้นำไปตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป แล้วจะนำข้อมูลออกมารายงานต่อสื่อฯ
อย่างไรก็ตาม เท่าที่ได้คุยกับหลวงพ่อทราบว่าท่านมีความเครียดกับเรื่องที่เกิดขึ้นเหมือนกัน เพราะที่ผ่านมาตั้งแต่ย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่ก็ยืนยันว่าดำเนินกิจกรรมด้วยดีมาตลอด ทั้งนี้ ถ้าถามว่าในมุมของสำนักพุทธฯ นั้นก็ยังไม่สามารถตอบได้ว่าพฤติกรรมตามภาพเข้าข่าวความผิดระดับไหน ขอให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน
ส่วนเรื่องของสถานที่นั้น จากการสอบถามก็ทราบว่าเป็นสถานที่เอกชน หรือพื้นที่ส่วนบุคคลที่ยกให้จัดตั้งเป็นที่พักสงฆ์ แต่ยังไม่ได้มีการขออนุญาตจัดตั้ง หรือสร้างเป็นสถานที่หรือสำนักปฎิบัติธรรมอย่างถูกต้องจากสำนักพุทธฯ และอยู่ในขั้นตอนของการดำเนินการเตรียมยื่นขออนุญาตจัดตั้ง
ด้านนายณรงค์ จูมโสดา อายุ 55 ปี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 10 เปิดเผยว่า การมาตรวจสอบถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก ๆ เพราะตามหลักศาสนาพุทธแล้ว พฤติกรรมที่ปรากฏในภาพถือว่าเป็นพฤติกรรมที่ผิดวินัยสงฆ์ จะต้องมีอะไรบางอย่างผิดปกติแน่นอน และในขณะเดียวกันก็ต้องขอบคุณสื่อฯ ที่ทำงานอย่างรวดเร็ว ซึ่งถือว่าเป็นการช่วยกันรักษา ตรวจสอบวงการสงฆ์ไปด้วยกัน
ที่สำคัญ ส่วนตัวมองว่าหลวงพ่อเอกควรที่จะสึกออกจากการเป็นพระสงฆ์อย่างยิ่ง อย่าใช้ผ้าเหลืองมาเป็นฉากบังหน้าต่อไปอีกเลย เนื่องจากสำหรับพุทธศาสนิกชนแล้ว ผ้าเหลืองถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาก แล้วยิ่งสถานที่ดังกล่าวตั้งอยู่ในพื้นที่หมู่ 10 ภายใต้การดูแลของตน ก็หวั่นเหมือนกันว่าจะส่งผลเสียต่อชุมชน บวกกับทราบว่าเป็นพื้นที่ส่วนบุคคล ยังไม่ได้มีการขออนุญาตสร้างหรือตั้งเป็นสำนักปฎิบัติธรรมหรือสถานที่ปฎิบัติธรรม ที่ขึ้นทะเบียนกับสำนักงานพระพุทธศาสนา จ.อุทัยธานีด้วยแล้ว ก็ยิ่งแล้วใหญ่
ตนยอมรับว่าตกใจเหมือนกัน เพราะเมื่อ 7-8 ปีก่อนที่เจ้าของพื้นที่มาขออนุญาต ก็บอกกับตนปากเปล่าว่าจะสร้างเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม ไม่ได้มีการเอาเอกสารมายื่นเป็นเรื่องเป็นราว จากนั้นก็มีการสร้างอาคารขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งตนก็ไม่ได้เอะใจอะไร เพราะมองว่าเป็นพื้นที่ส่วนบุคคลและชาวบ้านเองก็ไม่ได้ร้องเรียน จนกระทั่งครั้งนี้ที่มีเรื่องภาพฉาวออกมา ก็ถือว่าถูกต้องแล้วที่สำนักงานพระพุทธฯ จะต้องมีการตรวจสอบ
หรือหากพระสงฆ์ในภาพไม่ยอมสึก หรือความผิดไม่ถึงขั้นที่ต้องสึก ตนก็ไม่อยากให้พักอาศัยอยู่ในหมู่บ้านอยู่ดี เพราะที่ผ่านมาหมู่บ้านค่อนข้างสงบ และมีสถานที่ปฎิบัติธรรมอีก 3 แห่งที่ชาวบ้านสามารถเข้าไปร่วมกิจกรรมได้อยูแล้ว และพระสงฆ์ในที่เหล่านั้นก็ประพฤติดี ต่างจากสถานที่แห่งนี้ สุดท้าย เชื่อว่าชาวบ้านหรือคนที่ดูข่าวจะไม่เหมารวมระหว่างสถานที่ดังกล่าวกับชุมชน เชื่อว่า สามารถแยกแยะได้
Advertisement