พ่อเฒ่าวัย 72 ดับสยองตัวขาดครึ่งอยู่ใต้สะพานข้ามคลอง ซ.ประชาอุทิศ90
พ่อเฒ่าวัย 72 ดับสยอง ตัวขาดครึ่งอยู่ใต้สะพานข้ามคลอง ซ.ประชาอุทิศ90 น้องสาวติดใจสาเหตุเสียชีวิต บอกก่อนหน้านี้มีวัยรุ่นติดยามาก่อกวนขอเงิน
วันที่ 26 ก.ย. 68 ที่กทม. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร.ต.อ.วิศรุจ ทาทอง สน.ทุ่งครุ รอง สว.สอบสวน สน.ทุ่งครุ รับแจ้งเมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 25 ก.ย. 68 ว่าพบร่างผู้เสียชีวิตเป็นชาย 1 ราย ลักษณะขาดครึ่งตัวบริเวณใต้สะพานข้ามคลองยายเเสง ภายในซอยประชาอุทิศ 90 จึงรีบรุดจัดกำลังพร้อมประสานเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และ แพทย์นิติเวชโรงพยาบาลศิริราช พร้อมอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู เร่งรัดตรวจสอบที่เกิดเหตุทันที
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมอาสาสมัครมาถึงที่เกิดเหตุ พบจุดเกิดเหตุอยูบริเวณใต้สะพานข้ามคลองยายแสง ซอยประชาอุทิศ 90 ถนนประชาอุทิศ แขวงทุ่งครุ เขตทุ่งครุ กรุงเทพมหานคร
จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบร่างผู้เสียชีวิตเป็นชาย 1 ราย ในลักษณะขาดครึ่งตัว โดยพบส่วนตั้งแต่ท่อนเอวลงมาจนถึงขาทั้งสองข้างอยู่บริเวณริมเขื่อนข้างคลองใต้สะพานใกล้เคียงเชิงลาดทางเดินลง และถัดมาอีกประมาณ 3 เมตรบริเวณกลางสะพานก็พบชิ้นส่วนท่อนบน ตั้งแต่ช่วงท้องไปจนถึงส่วนแขนทั้งสองข้างและหัว โดยทั้งสองส่วนอยู่ในสภาพเน่าเปื่อยส่งกลิ่นเหม็นเน่าคละคลุ้งชิ้น เนื้อบางส่วนหายไป โดยเฉพาะอวัยวะภายในก็หายไปด้วย คาดว่าน่าจะโดนตัวเงินตัวทองกัดแทะศพแล้วกินอวัยวะภายในไปหมดแล้ว
ทราบชื่อผู้เสียชีวิตต่อมาภายหลังชื่อนาย ชูศักดิ์ อ่ำไพบูลย์ อายุ 72 ปี
จากการสอบถาม น.ส. อี๊ด อายุ 62 ปี เป็นน้องสาวผู้เสียชีวิต กล่าวว่า เขาเคยอยู่ตรงนี้บ่อยๆ มาเป็นปีถึงสองปีแล้ว เพราะเขาชอบอยู่ตรงนี้ นานๆ ทีเขาถึงจะเข้าไปหาน้องที่บ้านเอื้ออาทร แล้วประมาณวันที่ 6 ส.ค. ตอนประมาณช่วงเช้าเขาเข้าไปที่บ้าน แล้ววันที่ 7 ส.ค. จะต้องไปทำบัตรประชาชน ศูนย์อนามัยเขาพาไปทำแล้วเขาเข้าบ้านเสร็จเขาก็ออกมาข้างนอก แล้วเขาก็เข้าไปบอกกับตนที่บ้านว่า กูไม่ไปทำบัตรแล้ว ตนก็ถามเขาว่าทำไมล่ะ เขาก็บอกว่า กูโดนวัยรุ่น 2 คน มาขอตังค์แล้วกูก็ไม่ให้ตังค์ เขาก็เลยมาเผาเสื้อผ้ากูหมดเลย กูไม่ไปทำบัตรแล้ว ตนก็บอกว่าต้องทำ เสื้อผ้าหาใหม่ก็ได้ ตนก็บอกเขาไปแบบนี้แล้วคืนนั้นเขาก็นอนที่บ้าน จากนั้นตอนเช้าช่วงเวลา 7 โมง เขาก็ออกมาทำบัตรแล้วก็อยู่ที่บ้านอีก 4 คืน เขาถึงจะออกมาข้างนอก
เขาก็ขอบัตรประชาชนคืน บอกกับตนว่าก็กูจะออกไปอยู่ข้างนอกแล้ว กูไม่อยากอยู่ในบ้าน กูอึดอัด ตนก็บอกกับเขาว่าก็ท่าอย่างงั้นก็ตามใจ แล้วเขาก็มานอนของเขาอยู่ตรงนี้ทุกวัน ช่วงเช้าตนพาหลานไปส่งโรงเรียนก็เห็นเขายืนอยู่ตรงนี้ทุกวัน เขาออกจากบ้านมาหลายปีแล้ว เขาชอบเที่ยวชอบเล่น บางทีเขาก็ไปสนามหลวงกับเพื่อนเขาบ้าง ตนก็เห็นเขาทุกเช้าแหละ แต่วันพฤหัสบดีที่แล้วตนไม่เห็น ตนเอาหลานส่งโรงเรียนก็ไม่เห็นเขายืนอยู่ ตนก็คิดว่าเขาคงไปสนามหลวงกับเพื่อนเขา เพราะเขาไปบ่อย ไปทีก็เป็นเดือนๆ บางทีก็ครึ่งเดือนเลย ตนก็เลยไม่ได้ออกมาดู ไม่สนใจ เพราะตนคิดว่าเขาไปสนามหลวง เขาไปเรื่อยจนกระทั่งทางศูนย์อนามัยโทรไปเรียกว่าป้าออกมาดูหน่อยว่าใช่ลุงหรือไม่ เพราะอยู่ใต้สะพานที่ลุงนอน
ตนก็เลยออกมาดู พบว่ากระเป๋าเงินก็หายหมด บัตรประชาชนก็อยู่ที่ตัว เขามีกระเป๋าเป้อยู่ใบนึงสีดำ ตนยังไม่เห็นศพก็เลยไม่รู้ว่าสภาพเป็นอย่างไร เพราะเขาไม่ได้ให้เข้าไปดู แต่เขานอนอยู่ตรงนั้นคนเดียว ตนเลยมั่นใจว่าเป็นศพของพี่ชายตนอย่างแน่นอน เพราะไม่มีใครเขาไปนอนหลอก
ทั้งนี้ตนติดใจสาเหตุการตายอย่างแน่นอน เพราะเขาเคยบอกว่ามีวัยรุ่นมาขอตังค์เขาจะเป็นพวกติดยา แต่เขาก็ไม่ได้ให้ เขาก็เลยโดนขโมยโทรศัพท์ไป ตนก็เลยบอกเขาว่าก็ให้เขากลับมาบ้านมาอยู่ที่บ้าน แต่เขาก็บอกไม่เอา กูชอบอยู่ข้างนอก บางทีเขาก็ไปนอนหน้าตึกตรงนู้นตอนเย็นๆ มันเป็นเหมือนหอ ตอนเย็นเขาก็จะปิดคนเข้าออก เขาก็นอนตรงนั้น แต่ไปๆมาๆ เขาไม่ให้นอนแล้ว เขาก็เลยย้ายมานอนอยู่ตรงนี้ บ้านตั้งแต่กำเนิดเขาอยู่ที่เอกชัยซอย 33 เป็นทะเบียนบ้านของน้องอีกคน แต่เขาตามตนมา ตนมาอยู่กับแฟนของตนที่บ้านเอื้ออาทรตรงนี้ เมื่อก่อนเขาทำงานก่อสร้าง แล้วใครจ้างให้เขาทำอะไรเขาก็ทำ เมื่อก่อนเขาไม่มีบัตรประชาชนแล้วพอมาทางศูนย์เขาติดต่อมาเป็นปีแล้ว และเดินเรื่องให้แกพาแกไปทำบัตรประชาชน เพราะเขาเห็นแกเดินอยู่แบบนี้ทุกวัน เขาก็เลยสงสารเขา ก็พาไปทำบัตรเรียบร้อย ตั้งแต่เมื่อเดือนที่แล้ว เขาคงไม่มีโรคประจำตัว เขาอายุ 72 ปีแล้ว เขาแก่มากแล้ว ลูกเมียเขาเคยมี แต่เขาเลิกกันไปนานแล้ว เขามีลูกสองคนเป็นผู้ชาย เมียเขาก็เอาหนีไปอยู่แถวปากเกร็ด ตนก็ติดใจกลุ่มวัยรุ่นที่มาคอยรีดไถตังค์เขา แล้วก็เผาเสื้อผ้าเขาด้วย
จากการสอบถาม น.ส.ผึ้ง อายุ 36 ปี เป็นคนที่เอาอาหารมาให้ผู้ตายทุกวันแล้วเห็นว่านอนอยู่ข้างถนนก็เลยรู้สึกสงสาร กล่าวว่า วันนี้ตนไม่ได้มาเจอคนแรก แต่ล่าสุดที่ตนเอาข้าวมาให้ลุงก็เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ปกติตนก็จะซื้อข้าวซื้อขนมมาให้ลุงอยู่บ่อยๆ อยู่แล้ว ตนเคยถามแก แล้วแกก็เคยบอกกับตนว่าแกเป็นคนเร่ร่อน ไม่มีบ้าน ไม่มีครอบครัว แต่จริงมีแล้วนะ ญาติเขามาแล้ววันนี้ ตนเอาข้าวมาให้เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ตอนนั้นตนเดินลงไปให้ข้างล่างใต้สะพานก็เห็นว่าลุงจะไม่ไหวแล้ว คนแก่ที่แบบว่าป่วย แต่ตนก็ยังคุยกับเขาอยู่นะ ตนบอกกับเขาว่าลุงหนูเอาข้าว เอาขนมมาให้ ลุงก็บอกกับตนว่าไม่ไหว ตนก็บอกลุงว่าถ้าลุงไม่ไหวลุงเดินเข้าไปในอนามัยเลย ให้ไปขอยามากิน แต่ลุงก็ส่ายหัว แต่ปรกติตนก็เอาข้าวมาให้แกกินเป็นประจำแต่ตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ผ่านมาก็ไม่ได้มาให้แกอีกเลย ก็คือให้ลูกชายคอยมอง เพราะลูกชายต้องไปโรงเรียนแล้วก็ผ่านตรงนี้ทุกวันกับพ่อเขา
ปกติตอนเช้าลุงแกจะนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ทุกวัน แต่ตั้งแต่วันอาทิตย์ ลูกชายบอกไม่เห็นลุงเลยจนถึงวันนี้ พอตนเลิกงานก็คุยกับลูกว่าเดี๋ยวไปดูลุงดีกว่า แต่พอเลี้ยวรถมาก็มาเจอเหตุการณ์ตรงนี้ มีคนมามุงกันเยอะพอดีเลย ตนเจอลุงครั้งสุดท้ายช่วงบ่ายวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ในสภาพที่ป่วยนอนซมแล้ว เขาไม่ได้บอกว่าเขาป่วยเป็นอะไร คือตอนนั้นเขาไม่มีแรงพูด เขาพูดแค่ว่าไม่ไหว ตอนนั้นตนเห็นเขานอนงอตัวแบบคนแก่ป่วยตรงกองขี้ดินข้างล้างใต้สะพาน ตนจะซื้อข้าวมาให้เขาทุกวันช่วงเลิกงานจะนำลงไปส่งให้ใต้สะพาน เพราะช่วง 4-5 โมงเย็นแกจะลงไปอยู่ด้านล่างใต้สะพานแล้ว แต่ถ้าเป็นวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ก็จะเป็นตอนเช้า ก็คือขับรถผ่านมาก็จะแวะเอาให้
ก่อนหน้านี้ก็เหมือนมีคนมาเผา เหมือนไล่ให้ไปนอนที่อื่น แต่ตนก็ไม่รู้ว่าบุคคลคนนั้นเป็นใคร ลุงเคยเล่าให้ฟังว่ามีคนมาเผา เพื่อไม่อยากให้ลุงนอน มาเผาขยะกองขยะที่แกนอนอยู่ข้างล่าง หลังจากนั้นแกก็ขอกล่องกระดาษ ขอที่นอน เพื่อมาปูนอน ตนก็เอามาให้แก เผาเพื่อไล่ให้แกไปอยู่ที่อื่น แต่ตนก็ไม่ได้เห็นตอนที่เขาเผา แต่ตนลงไปดูก็เห็นสภาพว่ามันถูกเผาจริง จากที่ลุงบอก แต่สภาพตอนตายตนไม่เห็น แต่เห็นตอนที่ลุงมาบอกว่ามีคนมาเผา ตนก็เห็นว่าโดนเผาจริง เพราะมันมีร่องรอยการเผา คือเผาที่นอน เผาเสื้อผ้า เผาของกิน ของแก แต่เผามาก่อนหน้าที่แกจะตาย แล้วลุงเขาก็นอนป่วยอยู่ตรงบริเวณกองที่ถูกเผาเหมือนแกป่วยแกไม่ไหว นอนตะแคง ตนก็คาดว่าน่าจะโดนตัวเงินตัวทองกัดแทะศพ เพราะข้างล้างตัวเงินตัวทองเยอะ แกคงไม่โดนใครเขาทำร้าย ตอนเขามีชีวิตอยู่เขาไม่ดื่มเหล้า สูบบุหรี่อย่างเดียว ตนก็จะให้เงินเขาทุกวัน ครั้งละ 20 บาท เผื่อลุงเขาจะไปซื้อขนมกิน
ด้านนาย กฤษณะพงศ์ วงศ์กุฏเพชร เจ้าหน้าที่ศูนย์อนามัย คนพบศพคนแรก กล่าวว่า ตนเห็นขาที่เป็นรอยเหมือนรอยไหม้ แต่ตนไม่แน่ใจว่าเป็นรอยไหม้หรือเปล่า หรือว่าเป็นรอยดำจากศพเน่า พอตนเห็นก็รีบโทรแจ้งเจ้าหน้าที่อนามัยอีกศูนย์หนึ่งให้เขาช่วยโทรแจ้งตำรวจให้ทันที
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องได้ตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุอย่างละเอียดแล้ว จึงมอบหมายให้อาสาสมัครนำร่างผู้เสียชีวิตส่งไปตรวจสอบอีกครั้งที่นิติเวชโรงพยาบาลศิริราช ก่อนที่จะมอบให้ญาตินำร่างผู้เสียชีวิตไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป
Advertisement
