"ฮุน มาเนต"โต้"ไทย"เขมรเซ็นรับรองเส้นเขตแดนชี้เป็นเพียงบันทึกการสำรวจ
"ฮุน มาเนต" โพสต์โต้ "ไทย"กล่าวอ้าง"กัมพูชา"เซ็นรับรองเส้นเขตแดน ชี้เป็นเพียงบันทึกการสำรวจในขั้นตอนที่1จาก5ขั้นตอน คนไทยได้ครอบครองทำกินในเขตแดนเขมร
วันที่ 26 ก.ย.68 สมเด็จฯ ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา โพสต์ข้อความพร้อมแนบแผนที่ “กัมพูชาและไทย เป็นเพื่อนบ้านกันมาหลายศตวรรษ และจะเป็นเช่นนั้นต่อไปอีกหลายศตวรรษ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องตระหนักถึงความจริงที่ว่า แม้ทั้งสองประเทศยังไม่ได้ปักปันเขตแดนร่วมกัน แต่ประชาชนทั้งสองฝ่ายได้อาศัยและเพาะปลูกในพื้นที่ที่ยังไม่ได้ปักปันเขตแดนมานานหลายทศวรรษ ซึ่งนำไปสู่ข้อพิพาทหรือความแตกต่างที่ทั้งสองฝ่ายสามารถแก้ไขได้อย่างฉันมิตร ผ่านคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee - GBC) และได้ตกลงที่จะส่งต่อประเด็นเขตแดนที่ซับซ้อนไปยัง คณะกรรมาธิการร่วมเพื่อการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก (Joint Commission for Demarcation of Land Boundary - JBC) เพื่อการยุติปัญหาตาม บันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบกที่ลงนามเมื่อปี 2543 (MOU 2000)
บันทึกความเข้าใจนี้ได้รับการจดทะเบียนกับสหประชาชาติ และสามารถเข้าถึงได้ผ่านชุดสนธิสัญญาของ UN
ตาม MOU นี้ ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะรักษาสถานะเดิม จนกว่างานปักปันเขตแดนจะเสร็จสมบูรณ์
ข้อกำหนดและเงื่อนไข (Terms of Reference - TOR) ปี 2546 กำหนดให้การปักปันเขตแดน ประกอบด้วย 5 ขั้นตอน ที่ต้องดำเนินการให้เสร็จสิ้น และต้องมีการให้สัตยาบัน
ขั้นตอนที่ 1: การปักเสาหลักเขตแดน (Boundary Pillars - BP) ใหม่ การซ่อมแซม และการเปลี่ยน
ขั้นตอนที่ 2: การจัดทำแผนที่ภาพถ่ายออร์โธโฟโต้
ขั้นตอนที่ 3: การวางแนวที่จะสำรวจลงบนแผนที่
ขั้นตอนที่ 4: การตรวจสอบภูมิประเทศ
ขั้นตอนที่ 5: การปักเสาหลักเขตแดน
เมื่อไม่นานมานี้ รองโฆษกกองทัพบกไทย และผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้วของไทย พร้อมด้วยแหล่งข้อมูลอื่นๆ ได้นำเสนอต่อสาธารณะซึ่งแผนที่ดาวเทียมและเอกสารทางการบางส่วน ที่แสดงที่ตั้งของหลักเขตแดน (BP) ในพื้นที่หมู่บ้านเปรยจาน (Prey Chan Village) และหมู่บ้านโจกเจย (Chouk Chey Village) ของกัมพูชา
ในทำนองเดียวกัน เฟซบุ๊กภายใต้ชื่อ "Royal Thai Army: Update" ได้โพสต์แผนที่ดาวเทียม พร้อมกับบันทึกการค้นพบหลักเขตแดนที่ลงนามร่วมกันโดย คุณลาย เซียงลี (Lay Sieng Ly) หัวหน้าทีมสำรวจของกัมพูชา และคู่สัญญาฝ่ายไทยคือ พันเอก จักร บุญพะเดช (Chakhorn Bunphadey) เมื่อวันที่ 19 กันยายน โดยแสดงเส้นเขตแดนที่เชื่อมระหว่างหลักเขตแดนที่ BP 42 และ BP 43 (หมู่บ้านเปรยจาน) เพื่ออ้างว่าเขตแดนในพื้นที่ดังกล่าวได้รับการยุติแล้ว
การกล่าวอ้างเหล่านี้ไม่เป็นความจริง ด้วยข้อเท็จจริงง่ายๆ 2 ประการ:
1) ทีมสำรวจของทั้งสองประเทศ ตกลงกันเฉพาะที่ตั้งของหลักเขตแดนที่ BP 43 เท่านั้น ไม่ใช่ BP 42 และ
2) ทีมสำรวจ ไม่มีอาณัติหรืออำนาจในการตัดสินใจเกี่ยวกับเส้นเขตแดน
บันทึกที่ลงนามนี้เป็นเพียง ขั้นตอนที่ 1 จากทั้งหมด 5 ขั้นตอนที่กำหนด (ตามที่อธิบายข้างต้น)
แต่แม้ตามเส้นเขตแดนที่ลากขึ้นฝ่ายเดียวอย่างไม่เป็นทางการ ระหว่าง BP 42-43 (หมู่บ้านเปรยจาน) และ BP 44-47 (หมู่บ้านโจกเจย) ในอินโฟกราฟิกที่ฝ่ายไทยนำเสนอ ความเป็นจริงในพื้นที่ก็คือ คนไทยได้ครอบครองและทำกินเป็นเวลาหลายปีในพื้นที่หลายเฮกตาร์ที่ตั้งอยู่ในเขตแดนกัมพูชาอย่างชัดเจน ดังที่แสดงในแผนที่/อินโฟกราฟิกของพื้นที่ที่แนบมา
สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงความซับซ้อนของปัญหาชายแดนในส่วนเหล่านี้ ตอกย้ำถึงความจำเป็นที่ทั้งสองประเทศ จะต้องแก้ไขพื้นที่ที่มีข้อพิพาทอย่างสันติ ผ่านคณะกรรมาธิการร่วมเพื่อการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก (JBC) ซึ่งเป็นกลไกที่ทั้งสองประเทศทำงานร่วมกันอย่างสร้างสรรค์มานานหลายปี
รัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา มุ่งมั่นที่จะแสวงหาการแก้ไขปัญหาข้อพิพาทเขตแดนทั้งหมดกับประเทศไทยอย่างฉันมิตรและยุติธรรม เช่นเดียวกับประเทศเพื่อนบ้านทั้งหมด ด้วยวิธีการที่สงบตามกฎหมายระหว่างประเทศ ในขณะเดียวกันก็ยังคงแน่วแน่ในการยึดมั่นในหลักการที่ว่า เขตแดนจะต้องไม่ถูกเปลี่ยนแปลงด้วยกำลัง
กัมพูชาเคารพอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของประเทศเพื่อนบ้านอย่างเต็มที่ แต่เราก็ เรียกร้องให้อธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของเราเองได้รับการเคารพอย่างเต็มที่เช่นกัน”
Advertisement
