ยายหลับนาน 6 วันไม่ฟื้น เพ้อฉี่รดศาล เกจิดังช่วยแนะทางตื่น ครอบครัวโร่รีบทำ (คลิป)
กรณีทีมสายไหมต้องรอด ลงพื้นที่เข้าไปช่วยเหลือนางมนต์ อายุ 60 ปี ภายในบ้านพักหลังหนึ่ง ซอยไสวประชาราษฎร์ ต.ลาดสวาย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี หลังจากได้รับแจ้งว่านอนหลับไม่ตื่น 6 วัน 5 คืน และตัวแข็งแต่ชีพจรยังคงเต้นปกติ ในเบื้องต้นไม่ได้ติเชื้อโควิด-19
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
โดยสามีของนางมนต์ ระบุว่า หลังจากที่ภรรยาล้ม และนอนอยู่บนเตียง ก็ไม่มีการตอบสนองอีกเลย กระทั่งผ่านไป 6 วันจึงตัดสินใจแจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือ และก่อนหน้านี้ภรรยาได้พูดหลุดปากออกมาว่า "มึงเยี่ยวใส่ที่กู มึงต้องมาขอโทษกู"
ล่าสุดวันที่ 28 มี.ค. 65 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางลงพื้นที่ไปยังบ้านของนางมนต์ อายุ 60 ปี อาศัยอยู่ภายในซอยไสวประชาราษฎร์ ต.ลาดสวาย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี พบว่าบ้านหลังดังกล่าวเป็นเพิงพักชั่วคราว ดึงไฟฟ้าจากบ้านด้านหน้าซอยมาใช้งาน แต่ส่วนใหญ่จะเป็นคนงานที่เดินทางมาจากต่างจังหวัดทำเป็นที่พักชั่วคราวระหว่างที่รับจ้างทำงานในพื้นที่ จ.ปทุมธานี
เมื่อทีมข่าวเดินทางไปถึงบ้านของนางมนต์ ปรากฏว่าปิดประตูล็อก ไม่มีคนอาศัยอยู่ เนื่องจากบ้านหลังดังกล่าวอาศัยอยู่กัน 2 คน ซึ่งหลังจากที่นางมนต์ ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล ผู้เป็นสามีก็ได้ไปนอนเฝ้าอยู่ที่โรงพยาบาล ทำให้บ้านไม่มีคนอยู่ ส่วนบ้านที่อยู่ติดกันเป็นบ้านเก่าไม่มีคนอาศัยเช่นกัน
ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นายบุญเรือง งามสะอาด หรือ ต๋อย อายุ 40 ปี เพื่อนบ้าน กล่าวว่า ตนอาศัยบริเวณพื้นที่ติดริมคลองมานานกว่า 20 ปี ช่วงที่นางมนต์ เข้ามาอาศัยอยู่กับสามี นางมนต์จะรับซื้อของเก่า ส่วนสามีของนางมนต์ จะออกไปทำงานรับจ้างก่อสร้างนอกบ้าน ซึ่งนิสัยของนางมนต์ปกติเป็นคนร่าเริง อัธยาศัยดี แต่เสียที่ว่าเป็นคนติดสุรา ตกเย็นก็จะซื้อเหล้ามากิน ฉะนั้นจะขาดสติ หรือทำอะไรไปโดยไม่รู้ตัว เช่น ฉี่ใส่ศาลสีเขียวที่อยู่ใกล้บ้าน หรือศาลอื่น ๆ ซึ่งเป็นไปตามที่สามีของนางมนต์ เคยพูดว่า ภรรยามีอาการเพ้อทำนองว่า “มึงมาฉี่ใส่กู ต้องมาขอโทษ” ฉะนั้นตนจึงมองว่ามีความเป็นไปได้ทั้งหมด
แต่หากย้อนกลับไปในอดีต ช่วงเกือบ 20 ปีก่อน พื้นที่ตรงนี้มีจอมปลวกขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ริมคลอง ซึ่งอยู่ในตำแหน่งบ้านของนางมนต์ แต่ด้วยคนสมัยก่อนมีวิชาอาคม สามารถที่จะทำพิธีและขอขมา พร้อมกับขุดจอมปลวกทิ้ง ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่าหลังจากที่นางมนต์กับสามีสร้างบ้านทับจอมปลวกเก่า จะทำพิธีหรือขอขมาอย่างไรหรือไม่ ทั้งนี้ หลังจากที่เริ่มมีผู้คนเข้ามาปลูกบ้านอาศัยอยู่ ก็ทยอยมีเหตุต้องตายไปแล้ว 2 คน
โดยคนแรกก็คือลุงของตน คือ นายหม่อง อายุ 65 ปี เสียชีวิตเมื่อ 10 ปีก่อน ปลูกบ้านอาศัยอยู่ริมคลอง แต่ลุงของตนไปคบกับผู้หญิงแล้วถูกหลอกหมดเงินไปมูลค่าหลายล้านบาท จึงตรอมใจซื้อเหล้ามากินทุกวัน และก่อนวันที่จะเสียชีวิตก็มีอาการปวดท้อง กินข้าวมื้อสุดท้ายผัดเผ็ดปลาดุก หลังจากที่กินเสร็จก็อยู่ในลักษณะนั่งตาย ส่วนคนที่ 2 คือ นางเหลือ อายุ 70 ปี ซึ่งอาศัยอยู่ใกล้กับนางมนต์ ตอนนั้นนางเหลือ เริ่มมีอาการป่วยลุกไม่ขึ้น และปวดท้อง ลูกสาวจึงรับไปอาศัยอยู่ที่ จ.ชลบุรี จากนั้น 3 วันก็เสียชีวิตแล้ว ในช่วงเดือนพฤศจิกายน 64 ตอนนั้นตนก็แปลกใจว่าอาการก่อนที่จะตายทำไมถึงใกล้เคียงกับลุงของตน
กระทั่งเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา นางมนต์ มีลักษณะอาการเมาและลื่นล้มศีษะฟาดพื้น ทำให้ต้องนอนติดเตียง ช่วยเหลือตัวเองได้บ้างเล็กน้อย เวลาไปไหนมาไหนสามีก็จะอุ้มใส่รถซาเล้งออกไปด้วย จนวันหนึ่งตนเห็นว่านางมนต์ เก็บตัวเงียบอยู่ในบ้านและไม่ออกมาเจอกับเพื่อนบ้าน จึงได้สอบถามผู้เป็นสามี ตนจึงทราบความจริงว่านางมนต์ ตกเตียงศีรษะฟาดพื้นรอบที่ 2 จึงทำให้นอนไม่ได้สติช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ และมีอาการท้องโต ปวดท้อง และท้องเสีย จากนั้นผู้เป็นสามีก็ติดต่อรถโรงพยาบาลมารับ ลักษณะเหมือนคนที่ไม่ปกติ สภาพเนื้อตัวเปลี่ยนไปมาก อ้าปากค้าง ตนจึงคิดว่าอาการค่อนข้างแปลก และตรงกับอาการลุงของตน และนางเหลือ
อย่างไรก็ตาม หากมองในมุมของวิทยาศาสตร์ ตนก็เชื่อว่าเกิดจากการดื่มสุราอย่างหนัก หรือปัญหาสุขภาพที่เป้นไปตามอายุทำให้ตกอยู่ในสภาพแบบนี้ แต่ถ้าเป็นในเรื่องของความเชื่อ ตนก็มองว่าลักษณะของนางมนต์ คล้ายกับนายหม่อง และนางเหลือที่เสียชีวิตไปก่อนหน้า ตนก็ไม่รู้ว่าทั้งหมดจะเกี่ยวข้องกันหรือไม่ แต่หากเกี่ยวข้องกันก็อยากให้ขอขมาและทำพิธีทุกอย่างให้ถูกต้อง จะได้ไม่เกิดเหตุไม่ดีในพื้นที่ซ้ำอีก
ในเวลาช่วงสายของวันนี้ (28 มี.ค.65) ทีมงานเพจสายไหมต้องรอด พาสามีของนางมนต์ เข้ามากราบนมัสการ และหวังจะให้ทำพิธีตามความเชื่อทางไสยศาสตร์ ที่คาดว่าถูกทำของใส่จนทำให้ตกอยู่ในอาการและสภาพนอนโคม่าเช่นนี้
ทีมข่าวจึงเดินทางไปที่วัดสายไหม ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี เพื่อกราบนมัสการพระครูโสภณภัทรเวทย์ หรือ พระอาจทรย์อ๊อด ปธานิโก เจ้าอาวาสวัดสายไหม เปิดเผยว่า ช่วงที่เพจสายไหมต้องรอด ประสานเข้ามายังวัดเพื่อจะให้ประกอบพิธีเกี่ยวกับความเชื่อ และพึ่งพาพระพุทธศาสนา เพราะสามีของนางมนต์ เชื่อว่าภรรยาโดนคุณไสย แต่หลังจากที่เดินทางมาถึงวัดปรากฏว่ามีเพียงแค่ผู้เป็นสามีเดินทางมาพร้อมกับตัวแทนเพจ ส่วนนางมนต์ ทราบว่าเข้ารับการรักษาผ่าตัดที่โรงพยาบาล จ.ปทุมธานี อาตมาจึงได้แนะนำให้สามีของนางมนต์ กลับไปพึ่งหลักวิทยาศาสตร์ ทำตามคำแนะนำของแพทย์ และให้รอดูผลการผ่าตัด เนื่องจากทราบว่าในสมองมีอาการบวม และมีเลือดคั่ง ฉะนั้น อาตมาจึงเชื่อว่าอาการที่ทำให้นอนเป็นเจ้าหญิงนิทรา เพราะว่าสมองได้รับการกระทบกระเทือนและมีเลือดคั่งหรือไม่
นอกจากนี้ อาตมามีโอกาสพูดคุยกับสามีของนางมนต์ ทราบว่าตอนที่เดินทางกลับไปอยู่บ้านในจังหวัดสุรินทร์ ปรากฏว่านางมนต์ เห็นภาพจำครั้งสุดท้าย คล้ายกับไปนั่งฉี่ใกล้กับศาลตายายแห่งหนึ่ง จากนั้นเกิดอาการหน้ามืดศีรษะฟาดพื้น ทำให้นอนหมดสติใกล้กับศาล ประกอบกับครอบครัวของสามีภรรยาคู่นี้เป็นชาวจังหวัดสุรินทร์ ที่มีความเชื่อเดิมเรื่องของคุณไสยและมนตร์ดำ ทำให้มีความคิดไปว่าโดนของกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา
ดังนั้น อาตมาไม่สามารถวิเคราะห์เกี่ยวกับเรื่องสิ่งลี้ลับและคุณไสย แต่แนวทางคือให้ยึดตามหลักวิทยาศาสตร์ และฟังคำวินิจฉัยของแพทย์ ยกเว้นถ้าไม่มีคำวินิจฉัยที่ชัดเจน อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวอาตมามองว่าเป็นเรื่องของความบังเอิญ เนื่องจากการเกิดแก่เจ็บตายตามหลักของพระพุทธเจ้าสอน เป็นเรื่องธรรมชาติ เพียงแค่ลักษณะก่อนตายมีความใกล้เคียงกันเท่านั้น จึงไม่ได้มองว่าเป็นเรื่องของสิ่งลี้ลับ ฉะนั้น ทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับการกระทำ และหลักความคิดแต่ละคน
นายกันยา รัฐสมุทร สามีของนางมนต์ กล่าวว่า ภรรยาของตนนอนละเมอขึ้นมากลางดึกว่า "มึงเยี่ยวใส่ที่กู มึงต้องมาขอขมากู" ตนเคยถามตอนที่มีสติว่า "เคยไปเยี่ยวที่ไหนมา" ภรรยาก็บอกว่าเคยไปทำธุระแถว ๆ ศาลเก่า ตนจึงเชื่อเรื่องนี้มาก ๆ เพราะคุณไสย มนตร์ดำทางเขมรแรงมาก ส่วนตนก็จะติดตามรอฟังผลการรักษาจากแพทย์ต่อไป
Advertisement
