กรณีนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หรือ ส.ส.เต้ ได้มีการลงพื้นที่ไปยังโรงแรมติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา อยู่ช่วงระหว่างวัดกู้มุ่งหน้าสะพานพระราม 4 โดยกล้องวงจรปิดตัวดังกล่าวจะสังเกตเห็นเรือลำใหญ่มีการเปิดไฟหลายดวง รอบเรือมีไฟเป็นหลากสี จากนั้นจะเห็นลักษณะเรือคล้ายสปีดโบ๊ต หรือเจ็ตสกีไฟ 2 ดวง ขับมาตามหลัง ก่อนที่จะมีจังหวะแซงขึ้นทางขวา และขับนำหน้าขึ้นไป โดยทางด้านของ ส.ส.เต้ ตั้งข้อสังเกตว่าอาจเป็นเรือร่วมขบวนการของคดีแตงโมหรือไม่นั้น
วันที่ 18 มี.ค. 65 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางลงพื้นที่ไปยังวัดพญาเจ่ง จังหวัดนนทบุรี ซึ่งอยู่ฝั่งเดียวกันกับโรงแรมที่ ส.ส.เต้ ได้ภาพกล้องวงจรปิด สำรวจกล้องถัดจากโรงแรม ห่างประมาณ 100 เมตร เป็นกล้องวงจรปิดของท่าน้ำวัดพญาเจ่ง ถัดมาจากโรงแรม
ซึ่งกล้องวงจรปิดตัวดังกล่าวในวันที่ 24 ก.พ. 65 เวลาประมาณ 16.41 น. เวลาของกล้องตัวดังกล่าวจะไม่ตรงกับเวลาจริง โดยเวลาของวัดจะช้ากว่า เป็นวินาทีที่เห็นเรือสปีดโบ๊ตของปอ มีแตงโมนั่งโดยสารไปด้วย ลักษณะการขับผ่านบริเวณท่าน้ำของวัด มุ่งหน้าไปที่ร้านอาหารครัวตานิต
เวลา 20.04 น. ห่างจากเวลาของโรงแรมที่ ส.ส.เต้ ไล่ภาพมา เป็นกล้องที่รับจากโรงแรมริมแม่น้ำเจ้าพระยา เห็นลักษณะแสงไฟของเรือลำเล็กคล้ายสปีดโบ๊ต หรือเจ็ตสกีเป็นลักษณะดวงไฟ 2 วง มีการขับนำเรือที่เปิดไฟส่องสว่าง จากนั้นทิ้งห่างประมาณ 2-3 วินาที เห็นเรือลำใหญ่เปิดไฟส่องสว่างขับตามหลัง จากนั้นทีมข่าวตรวจสอบกล้องวงจรปิดเพิ่มเติม ช่วงหลังจากที่เรือลำใหญ่แล่นผ่าน ประมาณ 2-3 นาที ไม่พบว่ามีเรือลำอื่นขับตามมา มีเฉพาะเรือลากขนทรายที่มีการใช้แม่น้ำเจ้าพระยาร่วมในเวลาเดียวกันเท่านั้น
วงจรปิดในคืนวันที่ 24 ก.พ. ตามเบาะแสของชาวบ้านในพื้นที่ ที่ระบุว่าเรือชุดแรก 2 ลำ ตามที่ ส.ส.เต้ เปิดเผยภาพไม่ใช่กลุ่มเรือของนายปอนั้น ช่วงเวลา 20.04-20.07 น. มีแสงไฟและกลุ่มเรือแล่นผ่านบริเวณท่าน้ำของวัดพญาเจ่ง เห็นแสงไฟขายเรือลำเล็ก ยังไม่ชี้ชัว่าเป็นเรือสปีดโบ๊ตหรือเจ็ตสกีมีการขับนำ และมีเรือลำที่ 2 ตามมา คาดการณ์ว่าจะเป็นเรือสปีดโบ๊ต เพราะเนื่องจากมีไฟประมาณ 3 ดวงในเรือ และยังมีเรือลำที่ 3 ขับมาปิดท้าย โดยเป็นลักษณะคล้ายเรือสปีดโบ๊ตเช่นเดียวกัน หลังจากที่ทีมข่าวดูกล้องวงจรปิดเพิ่มเติม มีเพียงเรือลากทรายสัญจรไปมาแต่จะไม่มีเรือเล็กตามหลังมาอีก
นายนกแก้ว (นามสมมติ) คนขับเรือโดยสาร บริเวณใต้สะพานพระราม 4 ามเบาะแสของชาวบ้านในพื้นที่ยืนยันว่าคนขับเรือรายดังกล่าวพบเห็นเรือของนายปอ เล่าว่า วันดังกล่าวตนเองรับผู้โดยสารและแล่นเรืออยู่บริเวณย่านสะพานพระราม 4 เห็นเรือของนายปอมีลักษณะเป็นสีขาวน้ำเงิน แตกต่างจากเรือสปีดโบ๊ตลำอื่นแล่นผ่าน ช่วงเวลาที่เรือลำของนายปอมุ่งหน้าไปที่ร้านอาหารย่านปทุมธานี ได้มีการชะลอความเร็ว และถ่ายรูปกันอยู่บริเวณโค้งน้ำย่านปากเกร็ด ตอนนั้นสังเกตเห็นว่ามีคนยืนอยู่หัวเรือ 2 คน นั่งอยู่กลางเรือจำนวนหนึ่ง อยู่ท้ายเรือเป็นผู้หญิง 3 คน เพราะเรือลำดังกล่าวมีที่นั่งบริเวณช่วงท้าย ตนเองก็ไม่ได้สังเกตว่าใครคือแตงโม เพราะตอนนั้นยังไม่เกิดเหตุ ซึ่งบันทึกย้อนหลังจากที่เกิดเหตุขึ้นที่สะพานพระราม 7 จึงได้รู้ว่าเรือลำที่ตนเองสังเกตเห็นนั้นเป็นเรือของแตงโม
เมื่อเรือของแตงโมมีการถ่ายรูปที่โค้งน้ำปากเกร็ดแล้ว พากันมุ่งหน้าลงไปที่ร้านอาหารย่านปทุมธานี เริ่มสังเกตว่ามีการเปิดเพลงเสียงดัง แต่ก็ไม่ได้เห็นท่าทีว่ามีเหล้าหรือไวน์ หรือแม้แต่การทะเลาะกันอย่างที่ปรากฏเป็นข่าว จนกระทั่งจำได้ว่าเป็นช่วงเวลาหลัง 20.00 น. เรือสปีดโบ๊ตลำเดิมของนายปอขับกลับขึ้นมาจากการกินข้าว ผ่านบริเวณจุดที่ตนเองกำลังรับผู้โดยสาร ตอนนั้นก็ยังมีการเปิดเพลงเสียงดัง ความเร็วมากกว่าตอนที่ขับไปกินข้าว แต่จะมีเรือสปีดโบ๊ต 1 ลำ และเจ็ตสกีวิ่งตามมาด้วย แต่ก็ไม่ถึงกับขับประกบหรือจี้กันมา เป็นการขับเว้นระยะประมาณลำละ 100 เมตร โดยสิ่งที่ตนเองนำมาเปิดเผยต่อผู้สื่อข่าววันนี้ ก็ตรงกันกับตามที่กล้องวงจรปิดล่าสุดที่ทีมข่าวได้ ตนเองจึงยืนยันชัดเจนว่าเรือสปีดโบ๊ตของนายปอจึงเป็นเรือลำที่ 2 อยู่บริเวณตรงกลางของระหว่างเรือ 3 ลำ ที่แล่นผ่านกล้องวงจรปิดของวัดพญาเจ่ง
อย่างไรก็ตาม จากที่ ส.ส.เต้ ได้มีการลงพื้นที่เพื่อหาคำตอบเกี่ยวกับเรือต้องสงสัยที่คาดว่าอาจจะเกี่ยวข้องกับกระบวนการของคดีแตงโมนั้น จากสิ่งที่ตนเองเห็นจึงเชื่อได้ว่าอาจมีเรือขับตามเรือของนายปอจริง เพราะตอนที่ขับผ่านกลุ่มชาวบ้านหรือคนขับเรือในย่านนี้ทุกคนก็จะเห็นลักษณะคล้ายกัน ทั้งนี้จะมีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหนก็ต้องขึ้นอยู่กับกระบวนการของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการตรวจสอบเรือเหล่านั้น จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีเจ้าหน้าที่คนใดลงมาขอข้อมูลเพิ่มเติมกับตน แต่ถ้าหลังจากนี้มีการเรียกให้ไปสอบปากคำก็ต้องดูความเหมาะสมอีกครั้ง เพราะจะต้องทำงานออกเรือทุกวัน
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (รมว.ยธ.) กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ผ่าพิสูจน์ศพ "แตงโม-นิดา" ว่าผู้สังเกตการณ์ได้ดูวัตถุพยานเรียบร้อยแล้ว รอความชัดเจนจากผลอีกครั้ง ซึ่งอาจจะอาจใช้เวลาบ้าง เพราะทุกอย่างใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรมให้ความเป็นธรรม
Advertisement