สถานีพัฒนาที่ดินบึงกาฬ ได้ดำเนินงานตามนโยบายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แก้ปัญหาภัยแล้งในพื้นที่เสี่ยง โดยโครงการบริหารจัดการน้ำทั้งบนดินและใต้ดินภายใต้การดูแลของกรมพัฒนาที่ดิน ย้ำเป้าหมายเพื่อเพิ่มศักยภาพการผลิตและยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกร
นายสุรชาติ มาลาศรี รองอธิบดีกรมพัฒนาที่ดินด้านปฏิบัติการ เปิดเผยว่า โครงการดังกล่าวมีจุดประสงค์หลักเพื่อรับมือกับภัยธรรมชาติร่วมถึงการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยมุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและยั่งยืน รองอธิบดีได้ยกตัวอย่างพื้นที่ของ ต.ศรีชมภู อ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬ ซึ่งเป็นพื้นที่เกษตรกรรม เช่น สวนกล้วย มังคุด และทุเรียน ทางกรมพัฒนาที่ดินได้นำโครงการบริหารจัดการน้ำทั้งบนดินและใต้ดินซึ่งมีนโยบายหลักอยู่ 3 ด้าน ได้แก่ ขุดสระเก็บน้ำ สำหรับใช้ในช่วงฝนทิ้งช่วง , ติดตั้งระบบสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์เซลล์) พร้อมระบบกระจายน้ำ และจัดการระบบอนุรักษ์ดินและน้ำ เพื่อฟื้นฟูความอุดมสมบูรณ์ของดินใช้ในพื้นที่เกษตรกร จ.บึงกาฬ
นายพัชรพล คาดบัว ผู้อำนวยการสถานีพัฒนาที่ดินบึงกาฬ ระบุว่า พื้นที่เกษตรกรใน จ.บึงกาฬ ส่วนใหญ่ประสบปัญหาดินขาดความชุ่มชื้น ทำให้ผลผลิตลดลง ทั้งด้านปริมาณและคุณภาพ จึงเร่งดำเนินมาตรการเชิงรุก โดยคัดเลือกพื้นที่ ต.ศรีชมภู อ.โซ่พิสัย เข้าร่วมโครงการ พร้อมสนับสนุนการขุดบ่อบาดาลลึก 7 เมตรเพื่อกักเก็บน้ำเตรียมเพาะปลูกช่วงแล้ง ทั้งนำการสร้างระบบกระจายน้ำด้วยพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อกระจายน้ำไปสู่พื้นที่ในแปลงของเกษตรกร และถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการจัดการดินและน้ำที่ช่วยกระจายน้ำสู่แปลงของพื้นที่เกษตรกรเพื่อให้ได้รับความชุ่มชื่นสามารถเพาะปลูกพืชได้ตามปกติและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
หนึ่งในเกษตรกรที่ได้รับประโยชน์จากโครงการคือ นายศรีนิน คำยอด เกษตรกรผู้ปลูกทุเรียนและกล้วย ซึ่งเคยประสบปัญหาภัยแล้งและผลผลิตตกต่ำ หลังเข้าร่วมโครงการ พบว่า ผลผลิตดีขึ้น ดินมีความอุดมสมบูรณ์ และสามารถเพาะปลูกได้ตลอดปี นอกจากนี้ยังได้รับปัจจัยสนับสนุน เช่น ปุ๋ยหมัก โดโลไมท์ และวัสดุปรับปรุงดิน
และนายศรีนิน ยังกล่าวขอบคุณกรมพัฒนาที่และสถานีพัฒนาที่ดินบึงกาฬได้เล็งเห็นความสำคัญของการทำเกษตร และโครงการดีๆมอบให้ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรอย่างจริงจัง พร้อมย้ำว่า โครงการนี้ช่วยลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต และสร้างความมั่นคงในการทำเกษตรอย่างยั่งยืน
Advertisement