
เช็กลิสต์ 5 พฤติกรรมเสี่ยงที่เราอาจไม่รู้ตัว หากไม่อยากให้ตับอักเสบและร้ายแรงถึงขั้นลามไปสู่มะเร็ง
ตับเป็นหนึ่งอวัยวะสำคัญในร่างกาย ทำหน้าที่กรองและขจัดสารพิษออกจากเลือด สร้างน้ำดีช่วยย่อยไขมัน ผลิตโปรตีนและสารช่วยให้เลือดแข็งตัว ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด สะสมวิตามินและแร่ธาตุเพื่อเป็นแหล่งพลังงานสำรอง รวมถึงจัดการกับสารอาหารที่ได้รับเข้าไปให้ร่างกายนำไปใช้ได้ เมื่อตับอักเสบหรือถูกทำลาย การทำงานของตับอาจได้รับผลกระทบ รวมถึงความสามารถในการประมวลผลสารอาหาร กรองเลือด และต่อสู้กับการติดเชื้อ โดยโรคตับอักเสบมักเกิดจากการติดเชื้อไวรัส แต่ก็มีสาเหตุและปัจจัยอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น พฤติกรรมการใช้ชีวิต
ซึ่งบางคนที่มีอาการตับอักเสบ อาจจะไม่รู้ตัวเองเพราะไม่มีสัญญาณเตือน และหากร้ายแรงมากอาจลามไปสู่การเกิดโรคมะเร็งต่อได้ เรื่องนี้ นายแพทย์ เจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราช นครราชสีมา ได้แชร์ความรู้พฤติกรรมเสี่ยงที่เราอาจไม่รู้ตัว ทำตับอักเสบลามไปสู่มะเร็ง ผ่านทางเพจ หมอเจด ไว้ดังนี้
โรคตับไม่ค่อยมีอาการเตือน คนส่วนมากจะรู้ตัวอีกทีตอนตับเสียหายไปแล้วเกินครึ่ง เพราะพฤติกรรมบางอย่างที่เราทำทุกวันแบบไม่รู้ตัว และอาจกำลังเร่ง “ตับอักเสบ–พัง–แข็ง–ลามสู่มะเร็ง” โดยไม่ทันตั้งใจ มาดูว่าใครกำลังทำข้อไหนอยู่บ้าง พร้อมวิธีลดตับอักเสบ
1. กินหวาน–แป้งเยอะ ฟรุกโตสทำตับอักเสบ
ของหวาน น้ำอัดลม ชานม ขนมเบเกอรี่ ล้วนมีฟรุกโตสสูง ทำให้ตับต้องแปลงน้ำตาลส่วนเกินเป็น “ไขมัน” แล้วเก็บไว้ในเซลล์ตับโดยตรง พอกินแบบนี้ทุกวัน ไขมันจะพอกในตับจนเกิด ตับอักเสบ จากนั้นพัฒนาไปสู่ตับแข็งและมะเร็งตับได้ในที่สุด ยิ่งน้ำหนักเกินยิ่งเสี่ยงเร็วขึ้น
2. ดื่มแอลกอฮอล์บ่อย แม้ปริมาณน้อยก็สะสมได้
แอลกอฮอล์ทุกหยดต้องผ่านการสลายที่ตับ ทำให้เกิดอนุมูลอิสระและสารพิษสะสมในเซลล์ตับ คนที่ดื่มแม้วันละแก้วแต่ดื่มบ่อย ๆ จะเกิดตับอักเสบเรื้อรังแบบเงียบ ๆ โดยไม่รู้ตัว เสี่ยงไขมันพอกตับและตับแข็งสูงขึ้นหลายเท่า โดยเฉพาะผู้ที่อายุ 40+ หรือมีโรคประจำตัว ควรงดหรือจำกัดอย่างจริงจัง
3. ของทอด–อาหารมัน–ฟาสต์ฟู้ด ทำไขมันพุ่งเข้าเซลล์ตับ
อาหารที่ใช้น้ำมันซ้ำ ของทอดกรอบจัด เนื้อสัตว์ติดมัน และฟาสต์ฟู้ด ทำให้ร่างกายรับไขมันทรานส์และไขมันอิ่มตัวสูง ตับต้องทำงานหนักเพื่อกำจัดไขมันเหล่านี้ ผลคือไขมันเข้าไปสะสมในตับมากขึ้น เกิดการอักเสบและเสี่ยงตับพังเร็วขึ้น โดยเฉพาะคนที่ไม่ออกกำลังกาย หรือมีคอเลสเตอรอลสูงอยู่เดิม
4. นอนน้อย–เครียดจัด ฮอร์โมนพัง ทำตับแก่ไว
การนอนดึก เครียดเรื้อรัง หรือพักผ่อนไม่พอ ทำให้ร่างกายหลั่งคอร์ติซอลสูงขึ้น ส่งผลให้เกิดการอักเสบทั่วร่างกายและเพิ่มภาระให้ตับในการขับของเสีย ตับจะฟื้นตัวจากความเสียหายได้น้อยลง คนที่นอนน้อยเป็นประจำมักพบตับอักเสบเรื้อรังร่วมด้วย แม้จะไม่ดื่มแอลกอฮอล์เลยก็ตาม
5. กินสมุนไพร–อาหารเสริมแบบมั่ว ๆ
ตับต้องมารับภาระหนัก เพราะใช้สมุนไพร–อาหารเสริมไม่ได้มาตรฐาน อาจทำให้มีสารปนเปื้อนหรือสารที่ต้องให้ตับกำจัดออกจำนวนมาก สะสมจนเกิดพิษต่อตับ ทำให้ตับอักเสบเฉียบพลันหรือเรื้อรังได้แบบไม่ทันตั้งตัว ยิ่งกินนาน ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงตับพังโดยไม่รู้ตัว ควรเลือกเฉพาะที่จำเป็นและปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอ
- ลดหวาน–เลี่ยงน้ำตาลฟรุกโตสสูง ช่วยลดการสร้างไขมันพอกตับได้จริงภายในไม่กี่สัปดาห์
- งดแอลกอฮอล์อย่างน้อย 2–4 สัปดาห์ ให้ตับได้พัก ลดการอักเสบลงอย่างชัดเจน
- เลือกอาหารย่อยง่าย ลดของทอด ช่วยลดภาระเผาผลาญและช่วยให้เอนไซม์ตับกลับมาปกติเร็วขึ้น
- เข้านอนก่อน 5 ทุ่ม ช่วงที่ตับซ่อมแซมตัวเองดีที่สุดคือตอนหลับลึก
- ดื่มน้ำวันละ 1.5–2 ลิตร ช่วยขับของเสีย ลดภาระตับ และทำให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น
- เสริมโอเมก้า-3 วิตามินอี หรือโคลีนจากอาหารจริง ช่วยลดอักเสบ ลดไขมันตับ และฟื้นฟูเซลล์ตับได้ดี
ตับอักเสบไม่ได้เกิดจากเหล้าอย่างเดียว แต่เกิดจากกินหวานจัด อาหารมัน ความเครียด และพฤติกรรมหลงลืมเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ทำทุกวัน หากเริ่มลดพฤติกรรมเสี่ยงและฟื้นฟูตามขั้นตอนข้างบนนี้แล้ว ตับเราจะค่อย ๆ แข็งแรงขึ้น ลดเสี่ยงตับแข็งและมะเร็งได้จริง
ที่มา : หมอเจด
Advertisement