Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
ความก้าวร้าวเชิงสัมพันธ์ ตัวการทำลายสถานะทางสังคมและมิตรภาพอย่างเงียบๆ

ความก้าวร้าวเชิงสัมพันธ์ ตัวการทำลายสถานะทางสังคมและมิตรภาพอย่างเงียบๆ

12 พ.ย. 68
15:27 น.
แชร์

รู้จัก Relational Aggression ความก้าวร้าวเชิงสัมพันธ์ คืออะไร? พฤติกรรมมุ่งทำลายสถานะทางสังคม และมิตรภาพของคนอื่นอย่างเงียบๆ

มิตรภาพ คือความสัมพันธ์ที่สร้างขึ้นจากความชอบ ความไว้ใจ ความเคารพ รวมถึงการสนับสนุนซึ่งกันและกันระหว่างบุคคลตั้งแต่สองคนขึ้นไป โดยมีลักษณะสำคัญคือความเห็นอกเห็นใจ ความซื่อสัตย์ ความภักดี และความสามารถในการเป็นตัวเองได้อย่างสบายใจโดยไม่ต้องกลัวการตัดสิน และยังเกี่ยวข้องกับความสนใจร่วมกันทั้งในความคิด ความรู้สึก ประสบการณ์ของแต่ละฝ่าย

แต่หลายครั้งมิตรภาพมักถูกทำลายลง ด้วย Relational Aggression หรือ ความก้าวร้าวเชิงสัมพันธ์ ซึ่งเป็นรูปแบบหนึ่งของความก้าวร้าวที่ไม่ใช้ความรุนแรงทางกายภาพ แต่มีเจตนาทำลายสถานะทางสังคม ความสัมพันธ์ หรือชื่อเสียงของเป้าหมาย โดยใช้ยุทธวิธีที่แนบเนียนและมักเป็นความลับ รวมถึงพฤติกรรมที่เรียกกันว่า การปั่นหัวหรือปั่นให้คนอื่นเกลียดกัน ก็เป็นรูปแบบหนึ่งของความก้าวร้าวเชิงสังคมที่ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อสุขภาพจิตของผู้ถูกกระทำ

Nicki R. Crick นักจิตวิทยาและศาสตราจารย์ด้านพัฒนาการเด็กและการศึกษาครอบครัวที่เป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติ ได้นำเสนอแนวคิด Relational Aggression นี้ในช่วงต้นทศวรรษ 1990 โดยได้จัดหมวดหมู่พฤติกรรมความก้าวร้าวเชิงสัมพันธ์ ว่าเป็นพฤติกรรมที่มีเป้าหมายทำลายความสัมพันธ์หรือสถานะทางสังคมของบุคคลอื่น พฤติกรรมนี้รวมถึง

  • การซุบซิบนินทาและการปล่อยข่าวลือ
  • การกีดกันทางสังคม
  • การให้ความเงียบหรือเพิกเฉย
  • การข่มขู่ว่าจะยุติความเป็นเพื่อน
  • การใช้สื่อออนไลน์ทำลายชื่อเสียง

เจาะลึกพฤติกรรม "ปั่นให้คนเกลียดกัน" ในทางจิตวิทยา

การสร้างความแตกแยก มักใช้กลยุทธ์ทางจิตวิทยาที่ซับซ้อนดังต่อไปนี้เพื่อเป็นการบ่อนทำลายเหยื่อ

Triangulation (การสร้างสามเส้า) เป็นกลวิธีที่พบบ่อยในความสัมพันธ์ที่ท็อกซิก โดยผู้บงการจะดึงบุคคลที่สามเข้ามาในความขัดแย้งเพื่อสร้างความแตกแยก หรือรักษาอำนาจในการควบคุม ซึ่งเป็นยุทธวิธีแบบแบ่งแยกแล้วปกครอง

Smear Campaign (การใส่ร้ายเพื่อทำลายชื่อเสียง) เป็นความพยายามที่วางแผนมาอย่างดีเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือและชื่อเสียงของอีกฝ่าย ผู้กระทำมักทำเพื่อปกป้องภาพลักษณ์ของตนเองหรือเพื่อแก้แค้น เป็นการพยายามทำให้บุคคล, องค์กร หรือกลุ่มคนเสื่อมเสียชื่อเสียงและบ่อนทำลายความน่าเชื่อถือ เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของสาธารณชนจากประเด็นที่ต้องการปกปิด โดยอาจใช้กลวิธีต่างๆ เช่น การปล่อยข่าวลือ, การบิดเบือนข้อเท็จจริง, การโจมตีส่วนตัว หรือการให้ข้อมูลในทางที่ผิด

Gaslighting (การปั่นหัว) เป็นการบิดเบือนความจริงอย่างต่อเนื่อง ทำให้เหยื่อเริ่มตั้งคำถามถึงความทรงจำ สัญชาตญาณ และความมีสติของตนเอง กลวิธีเหล่านี้ประสบความสำเร็จเพราะไปใช้ประโยชน์จากหลักการ In-group Favoritism หรือการเข้าข้างกลุ่มตนในทางจิตวิทยาสังคม

งานวิจัยของ Nicki R. Crick ตอกย้ำว่า Relational Aggression เป็นรูปแบบของความรุนแรงที่มองไม่เห็น แต่สร้างความเสียหายอย่างรุนแรงและยาวนานไม่ต่างจากความรุนแรงที่เกิดขึ้นทางกายภาพ เพราะความก้าวร้าวเชิงสัมพันธ์เป็นรูปแบบหนึ่งของความก้าวร้าวทางอ้อมหรือแอบแฝง ที่มุ่งทำลายสถานะทางสังคมหรือความสัมพันธ์กับเพื่อนฝูง มากกว่าการเผชิญหน้าทางกายภาพอย่างเปิดเผย

โรคทางบุคลิกภาพที่อยู่เบื้องหลัง

พฤติกรรมการบงการในระดับรุนแรง มักเป็นอาการที่แสดงถึงความผิดปกติทางบุคลิกภาพที่ฝังรากลึก โดยเฉพาะกลุ่ม Dark Triad ซึ่งมี 3 บุคลิกภาพด้านลบที่เชื่อมโยงกัน ดังนี้

Narcissistic Personality Disorder (NPD) : โรคหลงตัวเอง

มักใช้กลยุทธ์ทางจิตวิทยาอย่าง Triangulation และ Smear Campaign บ่อยที่สุด เนื่องจากพวกเขามีความเปราะบางทางอารมณ์สูง และต้องการปกป้องภาพลักษณ์ภายนอกที่ตนสร้างขึ้น แรงผลักดันหลักคือการตอบโต้เมื่อรู้สึกถูกดูหมิ่น

Antisocial Personality Disorder (ASPD) : บุคลิกภาพต่อต้านสังคม

มีลักษณะเด่นคือการขาดความสำนึกผิด ทำให้พวกเขาสามารถใช้การหลอกลวงและการบงการเพื่อทำลายเป้าหมายที่เป็นอุปสรรคได้อย่างไม่มีความรู้สึกผิด และอาจมีพฤติกรรมที่อันตราย เช่น การหลอกลวง ก้าวร้าว หรือประมาทเลินเล่อ

Machiavellianism : บุคลิกภาพแบบมาเคียเวลลีนิสม์

ลักษณะบุคลิกภาพที่เน้นการใช้เล่ห์เหลี่ยม การวางแผน และการชักจูงผู้อื่นอย่างฉ้อฉลเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน โดยให้ความสำคัญกับผลลัพธ์มากกว่าศีลธรรม

ซึ่งบุคคลที่มีลักษณะดังกล่าวนี้มักขาดความเห็นอกเห็นใจ มีพฤติกรรมหลอกลวงและเอาเปรียบผู้อื่น เพื่อผลประโยชน์ส่วนตน

วิธีรับมือกับคนที่มีลักษณะพฤติกรรม Relational Aggression

แม้หลายครั้งจะมีการหาคำตอบวิธีเปลี่ยนแปลงผู้ที่มีพฤติกรรม Relational Aggression แต่ก็มักไม่ประสบผลสำเร็จ ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อจากบุคคลที่มีพฤติกรรม Relational Aggression จึงควรใช้กลยุทธ์ปกป้องตนเอง ดังนี้

1. Non-Engagement (ไม่เข้าร่วมเกม) รักษาความสงบและปฏิเสธที่จะตอบสนองต่อการยั่วยุของผู้บงการ การพยายามต่อสู้กลับอาจกระตุ้นให้เกิดความโกรธแค้นและเพิ่มความพยายามในการแก้แค้นมากขึ้น

2. Documentation (บันทึกหลักฐาน) จดบันทึกเหตุการณ์อย่างสม่ำเสมอ การมีบันทึกที่ชัดเจนช่วยต่อต้าน Gaslighting และช่วยให้เหยื่อเชื่อมั่นในความทรงจำของตนเอง

3. Boundary Setting (กำหนดขอบเขต) ฝึกกำหนดและสื่อสารขอบเขตส่วนตัวและทางอารมณ์อย่างชัดเจนเพื่อป้องกันการละเมิด

4. Seeking Clinical Support (ขอรับคำปรึกษา) การแสวงหาการสนับสนุนจากจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาคลินิกเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อประเมินผลกระทบทางจิตใจและวางแผนการรักษาที่เหมาะสม

การถูกปั่นและใส่ร้ายจัดเป็น การทำร้ายทางอารมณ์ (Emotional Abuse) ที่สร้างความเสียหายทางจิตใจอย่างลึกซึ้ง การตระหนักรู้ว่าปัญหาเหล่านี้มีรากฐานมาจากความผิดปกติทางบุคลิกภาพที่ฝังลึกของผู้กระทำ ไม่ใช่ความผิดของเหยื่อ คือก้าวแรกที่สำคัญที่สุดในการเยียวยา และแม้ว่าความก้าวร้าวเชิงสัมพันธ์จะส่งผลเสียต่อการยอมรับทางสังคมของผู้อื่น แต่ขณะเดียวกันผู้ที่กระทำการรุกรานทางความสัมพันธ์ก็มักได้รับผลกระทบด้านลบเช่นกัน เช่น มีทักษะทางสังคมและการยอมรับน้อยกว่าผู้อื่น อาจมีความผิดปกติทางจิตใจซึ่งส่งผลต่อความสามารถในการสร้างมิตรภาพได้

อ้างอิงข้อมูล : pubmed , pmc, verywellmind , psychologytoday , simply psychology , cleveland clinic

Advertisement

แชร์
ความก้าวร้าวเชิงสัมพันธ์ ตัวการทำลายสถานะทางสังคมและมิตรภาพอย่างเงียบๆ