
Shockwave ความหวังใหม่ของผู้ป่วยโรคไต ช่วยฟื้นฟูได้อย่างตรงจุดและชะลอความเสื่อมของไต
เพราะโรคไต ไม่ใช่จุดจบของชีวิต คุณหมอบุศรา เหล่าพัทรเกษม แพทย์ผู้ชำนาญการใช้เครื่อง Shockwave เทคโนโลยีใหม่ในการฟื้นฟูไต พร้อมไขทุกประเด็นที่คนเป็นโรคไตควรรู้ ผ่านรายการ Tuck Talk หยุดไตเสื่อมก่อนสาย โดยระบุว่า
โรคไตเรื้อรังไตเรื้อรังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ เป็นเรื่องจริง ไตมีหน้าที่สำคัญในการที่คัดกรองของเสียออกจากเลือดทั้งในรูปแบบของยูเลียตินีนและกรดยูริก รวมไปถึงควบคุมสมดุลของเกลือแร่และน้ำในร่างกาย เพราะฉะนั้นอาหารการกินจึงเป็นที่มาของตัวเกลือแร่ต่างๆ เป็นสิ่งสำคัญที่คนที่เป็นโรคไตจะต้องควบคุมดูแลเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะความเค็มและปริมาณโซเดียมต่อวันที่ไม่ควรเกิน 2 กรัมต่อวัน หรือแค่ 1 ช้อนชาเท่านั้น
โซเดียม ที่เราพูดถึงอาหารรสเค็มคือตัวโซเดียมคลอไรด์ เป็นเพียงแค่รูปแบบหนึ่งที่เราต้องจำกัด ลดการกินเค็ม ลดการปรุงรสโดยใช้แบบพวกซอสปรุงรสต่างๆ รวมไปถึงที่เราอาจจะไม่รู้ก็คือในพวกอาหารแปรรูป หรือว่าอาหารหมักดองอาหารเหล่านี้ก็คือมีพวกโซเดียมเพื่อช่วยให้คงสภาพของอาหารไว้ได้ อาจจะต้องหาผลิตภัณฑ์ที่เป็นแบบพวกโซเดียมน้อย หรือว่าถ้าเกิดว่าไม่อยากใส่พวกซอสปรุงรสก็อาจจะหาเป็นสมุนไพรไทย เช่น ขิง ข่า ตะไคร้ หอมใหญ่ หอมแดง มะนาว พริกไทยดำ เอามาปรุงรสในอาหารแทนเพื่อให้แบบรสชาติอร่อยนิดหนึ่งโดยที่ไม่ต้องพึ่งโซเดียม
นอกจากนี้ยังมี โซเดียมแฝง ที่เป็นปัจจัยสำคัญที่เราอาจจะไม่รู้ตัวว่ากินโซเดียมเข้าไปก็คือรูปแบบของ โซเดียมไบคาร์บอเนตที่อยู่ในผงฟู ที่เราเอามาใช้ในการทำเบเกอรี่ขนมปัง บางคนอาจจะคิดว่าฉันกินเบเกอรี่ กินขนมปัง ฉันไม่ได้กินเค็มแต่จริงๆ แล้วมีโซเดียมเยอะเหมือนกัน กับอีกอันหนึ่งด้วยก็คือชานมไข่มุก
นอกจากโซเดียม โพแทสเซียม ก็ต้องระวัง โพแทสเซียมเหมือนเวลาที่เราปลูกผักต่างๆ เราต้องใส่ปุ๋ยที่มันเร่งใบ เร่งดอก ที่มีโพแทสเซียม จำง่ายๆ คือผักกลุ่มที่มีใบสีเขียวเข้ม หรือว่าพวกผักหัว เช่น ผักโขม ผักคะน้า มันฝรั่ง แครอท อาโวคาโด ซึ่งผักกลุ่มนี้จะมีโพแทสเซียมที่สูง ถ้าเกิดว่าในกลุ่มคนที่ยังไม่ได้เป็นโรคไตก็ยังทำงานกรองโพแทสเซียมออกไปทางปัสสาวะได้ก็ยังรับประทานได้ปกติ แต่ว่าถ้าเริ่มมีภาวะไตเสื่อมระยะ 2-3 ก็อาจจะต้องระมัดระวัง ส่วนผลไม้ที่มีโพแทสเซียมสูง เช่น กล้วยสุก มะละกอสุก ทุเรียน น้ำส้ม กินได้แต่ควรอยู่ในปริมาณที่น้อยๆ
ส่วนพวกแตงกวา ผักกาดขาว แอปเปิ้ล องุ่น สับปะรด แตงโม ลิ้นจี่ แก้วมังกร สามารถรับประทานได้เพราะมีโพแทสเซียมต่ำ
คนเป็นโรคไตยังต้องระมัดระวังเรื่อง ฟอสฟอรัส เพราะว่าไตไม่สามารถที่จะขับฟอสฟอรัสออกไปทางปัสสาวะได้ อาหารที่มีฟอสฟอรัสสูงเป็นสิ่งที่เรากินกันบ่อยๆ คือ นมวัว ชีส โยเกิร์ต ธัญพืช ข้าวกล้อง ควรกินเป็นข้าวขาวธรรมดา
ส่วน โปรตีน ที่หลายคนกังวล แนะนำให้รับประทานโปรตีน 0.6-0.8 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กก. ต่อวัน ถ้าน้ำหนัก 50 ก็อาจจะกินได้ประมาณ 30-40 กรัมต่อวัน ส่วนเนื้อแดงก็อาจจะต้องแบบหลีกเลี่ยง ต้องกินเป็นพวกปลาทะเล ปลาทูน่า ปลาซาบะ ปลาโอ หรือว่าจะเป็น เนื้อไก่ อกไก่
สำหรับ Plant-Based โปรตีนจากพืช หมอแนะนำว่าถ้าเกิดว่าคนไข้ที่เป็นโรคไตยังไม่ได้ฟอกไต ควรรับประทานโปรตีนจากพืชเพราะว่ามีกากใยแล้วพอย่อยเป็นของเสีย จะมีตัวยูเรียน้อยกว่าโปรตีนจากสัตว์ ซึ่งโปรตีนจากสัตว์มีกรดอะมิโนที่ครบถ้วน แต่ว่าพอเวลาที่ย่อยไปแล้วมันก็จะมีของเสียพวกยูเรียเยอะ แต่ถ้าคนไข้ที่ฟอกไตไปแล้วก็ยิ่งต้องการโปรตีนเยอะกว่าคนที่ยังไม่ได้ฟอก ก็อาจจะเน้นเป็นโปรตีนจากสัตว์ เพราะว่าให้พลังงานแล้วก็ให้กรดอะมิโนที่ครบถ้วนกว่า แล้วก็พอไปฟอกไตก็จะได้ยังมีพลังงาน
การดื่มน้ำก็เป็นเรื่องสำคัญ วันไหนที่เราไปกินเค็มมาก ก็ยิ่งควรจะต้องแบบดื่มน้ำตามเยอะๆ เพื่อจะได้ช่วยขับออกไปทางปัสสาวะ
สำหรับคนเป็นโรคไตระยะต้นๆ ระยะ 2 ระยะ 3 ที่ยังสามารถขับออกมาเป็นปัสสาวะไปได้ แนะนำว่าให้ดื่มน้ำในปริมาณที่เหมือนกับคนปกติคือ 2-2.5 ลิตร ต่อวัน เพราะว่าน้ำที่เราดื่มต้องส่งไปกรองเลือดที่ไตเพื่อขับออกมาเป็นปัสสาวะ ถ้าดื่มน้ำน้อยบางคนไปออกกำลังกายเสียเหงื่ออีก ก็จะยิ่งทำให้อาจจะเกิดภาวะไตวายเฉียบพลัน ส่วนคนที่เป็นโรคไตระยะท้ายๆ ที่ไตไม่สามารถกรองออกมาเป็นปัสสาวะได้ ต้องจำกัดปริมาณน้ำ บางคนอาจจะไม่เกิน 1 ลิตรต่อวัน เพราะเขาไม่สามารถที่จะขับน้ำออกไปได้ ก็อาจจะทำให้เกิดเป็นภาวะน้ำท่วมปอดกันได้
คนเป็นโรคไตสามารถออกกำลังกายได้ แต่ออกแบบเบาๆ เช่น ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ จ๊อกกิ้ง อย่างน้อย 30-50 นาทีต่อวัน หรืออย่างน้อยให้รวมแล้ว 150 นาทีต่อสัปดาห์
คุณหมอบุศราเผยว่า Shockwave เทคโนโลยีใหม่ที่ช่วยฟื้นฟูไต ซึ่งจริงๆ เป็นเทคโนโลยีที่ใช้มานานแล้ว แต่ใช้ในการสลายนิ่วแต่จะเป็นที่พลังงานสูงมากซึ่งจะทำให้เนื้อเยื่อไตบางส่วนเสียหายได้ ในปัจจุบันมีการนำ Shockwave พลังงานต่ำมาใช้ในการรักษาในการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ รักษาการปวดเจ็บของกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นอักเสบ รวมถึงการรักษาคนที่เสื่อมสมรรถภาพทางเพศชาย
Shockwave เป็นคลื่นกระแทกที่จะให้พลังงานผ่านตัวหัวของ Shockwave โดยที่รักษาแต่ละจุดของร่างกาย จะมีตัวหัวของ Shockwave ที่ต่างกันเพื่อมุ่งไปยังอวัยวะต่างๆ ของร่างกายที่แตกต่างกัน ซึ่งปัจจุบันนำมาใช้ในการรักษาฟื้นฟูไตจะมุ่งเป้าไปยังไตโดยเฉพาะ โดยการที่ใช้เหมือนเครื่องอัลตร้าซาวด์ตรงช่องท้อง หาตำแหน่งของไตก่อน เพื่อที่จะได้ยิง Shockwave ไปยังไตได้อย่างแม่นยำ แล้วก็จะมีการมาร์คจุดตรงบริเวณเนื้อไต รวมไปถึงเส้นเลือดแล้วก็เส้นประสาทที่ไปเลี้ยงไต ทั้งหมด 8 จุด ซึ่งตัว Shockwave จะช่วยชะลอความเสื่อมของไต โดยการที่ไปกระตุ้นการสร้างเส้นเลือดใหม่ แล้วก็ทำให้เส้นเลือดบริเวณใกล้เคียงขยายตัว จะทำให้มีเลือดมาไหลเวียนบริเวณตรงนั้นได้ดีขึ้น ซึ่งมีงานวิจัยรองรับ นอกจากนี้ยังได้รับการอนุญาตให้ใช้ในประเทศชั้นนำในยุโรป เช่น เยอรมนี สวิตเซอร์แลนด์ มีใบอนุญาตที่ให้สามารถใช้เครื่องนี้ได้
คนเป็นโรคไตระยะ 3-4 เหมาะสำหรับเทคโนโลยีนี้ เพราะเราต้องการที่จะชะลอความเสื่อมแล้ว ก็ฟื้นฟูไตเพื่อไม่ให้เข้าสู่ระยะฟอกไต แต่ถ้าบางคนที่เป็นระยะ 5 แต่ยังไม่ได้ฟอกไตจริงๆ ก็สามารถทำได้เพื่อชะลอให้เข้าสู่การฟอกไตให้ช้าที่สุด Shockwave ไม่ได้เป็นการทดแทนการฟอกไตเพราะฉะนั้นถ้าใครที่ฟอกไตไปแล้วก็ยังต้องฟอกไตตามนัดตามปกติ ตัว Shockwave แนะนำให้ทำ 2 ครั้งต่อสัปดาห์ ซึ่งทำ 6 ครั้งสามารถที่จะช่วยชะลอความเสื่อมของไตไปได้ 1 ปี
Advertisement