ศูนย์พิษวิทยา ศิริราช เผย น้ำผลไม้ ที่กินแล้วรบกวนการออกฤทธิ์ของยา โรคไม่หายหรือหายช้า สุขภาพพังซ้ำ
น้ำผลไม้เป็นสิ่งที่หลายคนมองว่าเป็น “อาหารสุขภาพ” บริโภคได้ทุกวัน ทั้งช่วยเติมวิตามินและสร้างความสดชื่น แต่ในมุมมองของเภสัชวิทยา ความจริงที่น่ารู้คือ น้ำผลไม้บางชนิดอาจไม่ได้ปลอดภัยอย่างที่คิด โดยเฉพาะเมื่อบริโภคร่วมกับยาบางประเภท
งานวิจัยทางวิชาการหลายฉบับยืนยันว่า อาจเกิด “อันตรกิริยาระหว่างยาและอาหาร” (drug–food interactions) ที่ส่งผลโดยตรงต่อระดับยาในร่างกาย และนำไปสู่ผลข้างเคียงที่รุนแรงได้
ศูนย์พิษวิทยา ศิริราช เผยข้อมูลเรื่อง “อันตรกิริยาระหว่างน้ำผลไม้กับยา” โดยระบุว่า
น้ำผลไม้เป็นผลิตภัณฑ์ที่นิยมบริโภคในชีวิตประจำวันและมักถูกมองว่าเป็นอาหารสุขภาพ อย่างไรก็ตาม มีรายงานทางวิชาการระบุว่าน้ำผลไม้บางชนิดอาจก่อให้เกิดอันตรกิริยากับยา โดยเฉพาะเมื่อบริโภคในปริมาณมากหรือบริโภคต่อเนื่องเป็นเวลานาน กลไกที่เกี่ยวข้อง ได้แก่
1. การยับยั้งหรือกระตุ้นเอนไซม์ในกลุ่มไซโตโครม พี 450 (Cytochrome P450; CYP450) โดยเฉพาะเอนไซม์ CYP3A4
2. การรบกวนการทำงานของโปรตีนลำเลียงยา เช่น พี-ไกลโคโปรตีน (P-glycoprotein; p-gp)
กลไกเหล่านี้ทำให้การดูดซึม การกระจายตัว การเมแทบอลิซึม และการขับถ่ายยาถูกเปลี่ยนแปลง ส่งผลให้ระดับยาในเลือดสูงหรือต่ำกว่าปกติ และอาจมีผลทางคลินิกที่ไม่พึงประสงค์
1. น้ำเกรปฟรุต
ยา : Simvastatin, lovastatin, amiodarone, cyclosporine, carbamazepine (CYP3A4 substrates)
คำเตือน : เพิ่มระดับยาในเลือด → เสี่ยงพิษจากยา
2. น้ำส้ม
ยา : Alendronate, fexofenadine, atenolol, montelukast
คำเตือน : ลด bioavailability → ลดประสิทธิภาพยา
3. น้ำส้มเสริมแคลเซียม
ยา : ยาที่มี Al, ธาตุเหล็ก, fluoroquinolones (ciprofloxacin)
คำเตือน : ลดการดูดซึมยา
4. น้ำแอปเปิล
ยา : Fexofenadine, atenolol, montelukast, aliskiren
คำเตือน : ลด bioavailability → ลดประสิทธิภาพยา
5. น้ำส้มโอ
ยา : Sildenafil, cyclosporine
คำเตือน : ลดฤทธิ์ sildenafil แต่เพิ่มพิษ cyclosporine
6. น้ำทับทิม
ยา : Sildenafil
คำเตือน : เพิ่ม bioavailability → เสี่ยงอาการไม่พึงประสงค์
7. น้ำแครนเบอร์รี่
ยา : Simvastatin
คำเตือน : เพิ่มเสี่ยงตับอักเสบ และ rhabdomyolysis
สรุป
น้ำผลไม้บางชนิดที่บริโภคในชีวิตประจำวัน อาจส่งผลกระทบต่อยาที่ใช้ได้ โดยเฉพาะหากบริโภคในปริมาณมาก ประเด็นที่ต้องคำนึงถึงคือ น้ำผลไม้สามารถลดประสิทธิภาพของยาหรือเพิ่มความเป็นพิษของยาได้ ดังนั้น เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นตามมา อาจต้องหลีกเลี่ยงการบริโภคน้ำผลไม้บางชนิดระหว่างการใช้ยาบางประเภท"
ดังที่กล่าวมานั้น ไม่ใช่น้ำผลไม้ทุกชนิดจะปลอดภัยเมื่อใช้ร่วมกับยา ปริมาณและความถี่ในการดื่มมีผลอย่างยิ่ง การดื่มมากหรือต่อเนื่องทุกวันสามารถเปลี่ยนสมดุลของระบบเมแทบอลิซึมและการดูดซึมยาได้จริง และไม่ใช่เรื่องเล็กหากยาที่เกี่ยวข้องเป็นยาสำคัญที่ต้องควบคุมระดับในเลือดอย่างเข้มงวด เช่น ยาลดไขมัน ยากดภูมิ หรือยารักษาโรคหัวใจ
ดังนั้น หากต้องรับประทานยารักษาโรค คำแนะนำที่ควรยึดถือคือ ควรสอบถามแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้งก่อนดื่มน้ำผลไม้ควบคู่กับการใช้ยา เพื่อป้องกันผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว บางครั้งการเว้นระยะเวลา หรือหลีกเลี่ยงน้ำผลไม้บางชนิดระหว่างใช้ยา อาจเป็นสิ่งจำเป็นในการปกป้องสุขภาพของผู้ป่วยเอง
Advertisement