กินคาวจบตบด้วยหวาน 6 เหตุผลทำไมคนเราถึงอยากกินของหวานหลังอาหารมื้อเย็น
กินคาวจบ ตบท้ายด้วยของหวาน เปิด 6 เหตุผล ทำไมคนเราถึงอยากกินของหวาน หลังอาหารมื้อเย็นต่อทันที
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
กินคาวจบ ตบท้ายด้วยของหวาน เป็นเรื่องปกติในมื้ออาหารของหลายคน โดยเฉพาะในมื้อเย็น แต่การกินของหวานหลังมื้ออาหารนั้นไม่ผิด แต่ควรเว้นระยะห่าง 15-20 นาทีหลังอาหารเสร็จ เพื่อให้ร่างกายได้ย่อยอาหารหลักก่อน โดยมีงานวิจัยและผู้เชี่ยวชาญชี้ให้เห็นหลายสาเหตุว่าทำไมเราถึงรู้สึกอยากกินของหวาน ซึ่งมี 6 เหตุผล ดังต่อไปนี้
1. การลดน้ำตาลมากเกินไป
เมื่อเลือกที่จะจำกัดอาหารบางชนิดหรือจำกัดปริมาณน้ำตาลคุณอาจประสบกับปรากฏการณ์ที่เรียกว่า การรับรู้ว่าร่างกายขาดสารอาหาร ซึ่งเป็นภาวะที่สมองของคุณรู้สึกว่าขาดสารอาหารบางอย่าง แม้ว่าจะไม่ได้ขาดสารอาหารจริงๆ ก็ตาม ผลที่ตามมาคือสมองของเราจะโหยหาอาหารชนิดนั้นเป็นพิเศษ
การกินน้ำตาลมากเกินไปจะส่งผลเสียต่อร่างกายทั้งระยะสั้นและระยะยาว เช่น รู้สึกอ่อนเพลีย ง่วงนอนง่าย ผิวพรรณไม่สดใส น้ำหนักขึ้น และมีความเสี่ยงโรคเรื้อรัง แต่หากคุณกำลังพยายามลดน้ำตาลมากเกินไป อาจมีอาการเช่น ปวดหัว อ่อนเพลีย หงุดหงิด เกิดขึ้นได้
2. โฆษณาอาหารและโซเชียลมีเดีย ช่วยกระตุ้นความอยากอาหาร
ความรู้สึกอยากอาหารเนื่องจากปัจจัยแวดล้อมภายนอก มีงานวิจัยพบว่าการสัมผัสกับปัจจัยแวดล้อมด้านอาหาร ผ่านโฆษณาอาหาร หรือแม้แต่ในโซเชียลมีเดีย ช่วยเพิ่มความอยากอาหารได้อย่างมาก และมีการตอบสนองทางสรีรวิทยาที่สัญญาณเหล่านี้กระตุ้น ได้แก่ น้ำลายที่เพิ่มขึ้น อัตราการเต้นของหัวใจ การหลั่งเอนไซม์ย่อยอาหารและฮอร์โมน
3. น้ำตาลกระตุ้นระบบการให้รางวัลของสมองของคุณ
น้ำตาลช่วยกระตุ้นวงจรการให้รางวัลในสมอง และเพิ่มการหลั่งของเซโรโทนินและโดปามีน ซึ่งเป็นฮอร์โมนแห่งความสุข จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมการกินตามอารมณ์หรือเพราะความเครียดจึงเป็นเรื่องปกติ มีการวิจัยแสดงให้เห็นว่าในหลายๆ คน เมื่ออารมณ์ไม่ดี จะถูกกระตุ้นให้กินอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตและไขมันสูง เนื่องจากอาหารเหล่านี้จะไปกระตุ้นให้มีการหลั่งสารเอนโดรฟิน
อย่างไรก็ตาม การกระตุ้นนั้นเป็นเพียงการกระตุ้นชั่วคราว และการบริโภคน้ำตาลในปริมาณสูงในระยะยาวส่งผลให้ระดับระดับโดพามีนต่ำ อาจทำให้เกิดอาการต่างๆ เช่น ขาดแรงจูงใจ เหนื่อยล้า อารมณ์แปรปรวน ซึมเศร้า มีปัญหาในการนอนหลับ เป็นต้น
4. มีระดับน้ำตาลในเลือดไม่สมดุล
เมื่อเรารับประทานอาหารไม่สมดุล น้ำตาลในเลือดของเราก็อาจพุ่งสูง ซึ่งท้ายที่สุดแล้วจะทำให้เราอยากกินของหวานเรื่อยๆ อาการนี้มักเกิดขึ้นบ่อยที่สุดเมื่อเรารับประทานอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตสูง โดยไม่ได้รับประทานส่วนประกอบอื่นๆ ที่จำเป็น ร่างกายจะหลั่งอินซูลินเพื่อตอบสนองต่อคาร์โบไฮเดรต แต่หากปล่อยมากเกินไปอาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ และเกิดอาการอยากน้ำตาลตามมา วิธีที่ดีที่สุดนี้คือการรับประทานอาหารที่มีความสมดุล ซึ่งมีโปรตีน ไฟเบอร์ และไขมันที่ดีต่อสุขภาพ
5. ต่อมรับรสต้องการอะไรใหม่ๆ
ความรู้สึกอิ่มเฉพาะทางประสาทสัมผัส หมายถึง ความสุขที่ลดลงที่คุณได้รับหลังจากรับประทานอาหารหรือรสชาติบางชนิดในปริมาณที่เพียงพอแล้ว เช่น หลังรับประทานอาหาร ร่างกายจะเบื่อรสชาติเผ็ดร้อน ต่อมรับรสก็จะอยากกินอะไรที่แตกต่างออกไป ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเป็นขนมหวาน
6. ความอยากอาหารสูงสุดในเวลากลางคืน
มีงานวิจัยแสดงให้เห็นว่า ความต้องการกินขนมหวานและของว่างรสเค็ม จะค่อยๆ เพิ่มขึ้นตลอดทั้งวัน และเด่นชัดมากขึ้นในตอนเย็น ความอยากอาหารบางอย่างอาจเป็นนิสัย และเมื่อเวลาผ่านไปความสามารถในการควบคุมตัวเองน้อยลง อาจเป็นผลมาจากความเหนื่อยล้าทางจิตใจ Joan Salge Blake RDN นักโภชนาการและศาสตราจารย์ด้านโภชนาการ มหาวิทยาลัยบอสตัน กล่าว
ผลการศึกษาหนึ่งพบว่า ในขณะที่ความหิวมักเกิดขึ้นในช่วงมื้อกลางวันและมื้อเย็น ความอยากอาหารว่างและของหวานจะเพิ่มขึ้นตลอดทั้งวัน โดยสัมพันธ์กับความหิวที่น้อยลง ขณะที่อีกกรณีหนึ่งพบว่าจังหวะการทำงานของร่างกาย ทำให้รู้สึกอยากอาหารหวาน แป้ง และเค็มมากขึ้นในตอนเย็น
ฉะนั้นแม้ว่าการรับประทานขนมหวานเล็กๆ น้อยๆ เป็นครั้งคราวจะถือเป็นเรื่องปกติ แต่ควรตระหนักถึงการบริโภคน้ำตาลเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะในเวลากลางคืน และควรเลือกของหวานที่มีประโยชน์และน้ำตาลน้อย เช่น ผลไม้สด โยเกิร์ต หรือถั่ว แทนขนมหวานที่มีน้ำตาลสูง เพื่อช่วยให้ระดับน้ำตาลในเลือดคงที่ และไม่เป็นการเพิ่มน้ำตาลในเลือดให้สูงเกินไป
Advertisement
