Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
กินเนื้อเสี่ยงมะเร็งจริงไหม แล้วกินแบบไหนชีวิตอยู่ได้ยืนยาว

กินเนื้อเสี่ยงมะเร็งจริงไหม แล้วกินแบบไหนชีวิตอยู่ได้ยืนยาว

27 ส.ค. 68
14:26 น.
แชร์

ไขข้อสงสัย! กินเนื้อเสี่ยงมะเร็งจริงไหม? กินเนื้อช่วยรักษาอาการซึมเศร้าและไบโพลาร์? แล้วกินแบบไหนชีวิตอยู่ได้ยืนยาว

หมอหนึ่ง Healthy Hero หรือ นพ. ธวัชพงศ์ สวัสดิ์กิจไพโรจน์ เปิดมุมมองใหม่ผ่านรายการ On The Way With Chom เกี่ยวกับการบริโภคเนื้อสัตว์ กินเนื้อช่วยรักษาอาการซึมเศร้าและไบโพลาร์จริงไหม? ไขทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับ Animal-Based Diet ที่สายสุขภาพอยากรู้ พลิกความเชื่อเดิม ๆ เกี่ยวกับการกินเนื้อแล้วเสี่ยงมะเร็ง? คนกินเนื้อ VS คนกินผัก ใครฉลาดกว่า?

Animal Base Diet คืออะไร

ในช่วงก่อนหน้านี้จะมีวิธีการลดน้ำหนักหลายแบบ วิธีการกินเพื่อสุขภาพหลายแบบ ถ้าแบ่งจริงๆ แล้วก็จะมีสายที่เขากินเนื้อสัตว์แบบจริงจังๆ เลย เป็นสายแบบเถื่อนๆ เลยก็คือกินแบบ คาร์นิโวร์ ไดเอท (Carnivore Diet) แปลว่า สัตว์กินเนื้อ เพราะฉะนั้นสายหนึ่งก็จะกินเนื้อสัตว์เยอะๆ โดยที่ไม่กินพืชเลย แล้วพอเขากินแล้วสุขภาพดีขึ้น ก็จะเชื่อว่าการกินแบบนี้ถูกต้อง แล้วเขาก็จะกินไปตลอด คนกินคีโตที่กินของมันๆ เยอะๆ แล้วผอมลงสุขภาพดี เขาก็จะเชื่อว่าการกินคีโตดี ส่วนในช่วงประมาณ 5-10 ปีที่ผ่านมา ก็จะเริ่มมีสายที่กินแบบแพลนท์เบส (Plant Base) แล้วเขากินแล้วสุขภาพดี เขาจะบอกว่าวิธีการกินของเขาดี คราวนี้ก็เลยเกิดการดีเบตกันว่า แบบไหนของใครดีกว่ากันแน่

ส่วน Animal Base ถ้าให้แบ่งแบบเข้าใจง่ายๆ จะมีอยู่ 3 สาย แบ่งตามสัดส่วนที่เรายอมรับได้ว่าจะกินคาร์โบไฮเดรตมากน้อยแค่ไหน เพราะว่าถ้าพูดถึง Animal Base สารอาหารที่เราจะได้จาก Animal หรือได้จากสัตว์จริงๆ ถ้ากินแต่สัตว์อย่างเดียวก็จะได้เป็นโปรตีนกับไขมัน เพราะว่าในสัตว์จะไม่ค่อยมีส่วนที่เป็นแป้งเท่าไหร่ อันที่ 1 ก็จะเป็น คาร์นิวอร์ไดเอต Carnivore Diet เพราะว่า คาร์นิวอร์ แปลว่าสัตว์กินเนื้อ เพราะฉะนั้นถ้ากินคาร์นิวอร์ไดเอต คือเรากินเหมือนเสือเลย จะกินแต่โปรตีน กินแต่ไขมันจากเนื้อสัตว์ แต่ว่าจะไม่กินพวกที่เป็นพืชเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะฉะนั้นถามว่ากินผักไหมไม่กิน ผลไม้กินไหมไม่กิน

จุลินทรีย์ในลำไส้ของแต่ละคนที่เขากินแต่ละแบบ มันจะปรับตัวไปตามสิ่งที่เขากิน อันนี้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจ ระบบนิเวศในลำไส้เขาก็จะเป็นอีกแบบไปเลย สุดโต่งเลย แบบที่ 2 คือ คีโตเจนิก ไดเอต สายนี้จริงๆ ที่มาแต่ก่อนมันเกิดมาจากการที่เขาพยายามจะทำยังไงก็ได้ให้รักษาเด็กที่เป็นลมชัก เขาค้นพบว่า การที่เรากินคีโตเจนิก ไดเอต มันช่วยรักษาเด็กที่เป็นลมชักได้ ให้อธิบายก็คือ คีโต มาจากคำว่า คีโตน เป็นสารชนิดหนึ่งที่เกิดจากการสลายไขมันในร่างกายออกมาแล้วเป็นพลังงาน เจนิกแปลว่าการสร้าง เพราะฉะนั้นคีโตเจนิก ไดเอตเลยเป็นการกินที่เน้นการสร้างสารที่เป็นคีโตน

แบบที่ 3 จะค่อนข้างยืดหยุ่น คนไทยน่าจะทำง่าย ก็คือเป็น โลว์คาร์บ ไฮโปรตีน แสดงว่าแบบแรกที่เป็นคาร์นิวอร์ ไดเอตไม่กินเลย แบบที่ 2 คือยังยอมกินจากพวกที่เป็นใยอาหารบ้าง แบบที่ 3 คำว่าโลว์คาร์บในที่นี้ เราอาจจะกินสัดส่วนของคาร์โบไฮเดรตเพิ่มขึ้นมานิดหนึ่งอาจจะประมาณ 20-100 กรัมต่อวัน แล้วไฮโปรตีนก็อาจจะได้จากพวกเนื้อสัตว์ นม ไข่ เป็นส่วนใหญ่ แต่เราอาจจะไม่สามารถไฮโปรตีนจากพวกที่เป็นธัญพืชได้ เพราะว่าจริงๆ ในธัญพืชก็ยังมีส่วนที่เป็นคาร์โบไฮเดรตอยู่ ถ้าเรากินแต่คาร์โบไฮเดรตเยอะๆ ก็จะไม่ใช่โลว์คาร์บ ไฮโปรตีน

การกินเนื้อสัตว์เยอะ เป็นปัจจัยเสี่ยงในเรื่องของโรคมะเร็ง จริงไหม ?

โรคมะเร็งเมื่อ 10 ปีที่แล้วมีการรวบรวมงานวิจัย แล้วก็มีการสรุป Classify ออกมาว่าอะไรบ้างที่เป็นอาหารที่ก่อมะเร็งแน่ๆ กรุ๊ปที่ 1 เลยที่เป็นสารก่อมะเร็งแน่ๆ ก็คือพวกที่เป็น อาหารแปรรูป เช่น ไส้กรอก แฮม เบคอน พวกนี้มีการเอาเนื้อสัตว์มาแล้วก็ทำให้เขาสามารถอยู่ได้นานขึ้น โดยการใส่สารที่ชื่อว่าไนเตรตเข้าไป ช่วยทำให้กันบูดก็ได้ ทำให้เป็นสารที่เนื้อแดงขึ้นก็ได้นะครับ เพราะฉะนั้นตรงนี้เป็นอันที่ 1 แต่อันที่ดีเบตอยู่ในปัจจุบันจริงๆ คืออันที่ 2 กรุ๊ป 2A คือตัวที่เป็นเนื้อแดง ถ้าคุณกินเนื้อแดง เช่น เนื้อหมู เนื้อวัว คุณมีโอกาสที่จะเป็นมะเร็ง แต่ในที่เขาสรุปกันมา เขียนว่าต้องเป็นเนื้อแดงที่ผ่านการปรุงอาหารที่ใช้ความร้อนสูง เพราะฉะนั้นถามว่าจริงๆ แล้วเนื้อสัตว์เป็นตัวที่ทำให้เป็นโรคมะเร็งหรือเปล่า คำถามคือ ถ้าสมมุติผมถามว่า กินแอลกอฮอล์แล้วใส่น้ำแข็งแล้วเป็นตับแข็ง จะโทษน้ำแข็งไหม ถ้าเรากินน้ำอัดลมใส่น้ำแข็งแล้วเป็นเบาหวาน แสดงว่าน้ำแข็งไม่ดีหรือเปล่า อาจจะไม่ใช่จริงๆ ตัวเนื้อสัตว์อาจจะไม่ใช่ปัญหา แต่ปัญหาอาจจะเกิดจากการที่คุณเอาเนื้อสัตว์ไปผ่านความร้อนสูงหรือเปล่า

บางคนอาจจะถามต่อว่า อย่างงี้เราต้องกินเนื้อดิบเหรอ ? ซึ่งเนื้อดิบจริงๆ ก็มีทั้งข้อดีข้อเสีย ถ้าเป็นข้อดีเลยคือ สารอาหารไม่ถูกชะล้างออกไป เพราะว่าอะไร เพราะว่าไม่ผ่านความร้อน แต่ข้อเสียก็มี ไข่ดิบเคยมีคนกินก็จะอาจจะได้เชื้อโรคท้องเสียเป็นซัลโมเนลลา แต่ถ้าสมมุติว่ากินหมูดิบแล้วหูดับ หรือที่น่ากลัวที่สุด คือกินเนื้อวัวดิบในนั้นจะมีพวก พยาธิตัวตืด ถ้าขึ้นสมองก็บางคนก็มาด้วยอาการชัก หรือบางคนปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ แล้วก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรไปเอ็กซเรย์ เห็นพยาธิเต็มกล้ามเนื้อก็มีครับ อย่างที่เขาบอกว่าเวลาเราไปกินปิ้งย่างแล้วมีส่วนที่เป็นดำๆ ที่เกิดจากความร้อน ตรงนั้นแหละครับ ตัวที่เกิดก่อให้เกิดมะเร็ง

หากตัดตรงดำๆ ออก ก็ยังพอกินได้ แต่ก็ถ้าถามว่ากินแบบไหนดีที่สุด วิธีที่เหมาะในการปรุงอาหารให้สุก ควรใช้ความร้อนไม่สูง แล้วก็ผ่านความร้อนน้อยๆ การทอดใช้ความร้อนสูง อาจจะเป็นการ ต้ม การนึ่ง ด้วยความที่งานวิจัยเขาก็ทำอย่างงี้ต่อไปเรื่อยๆ ดีที่สุดก็คือกินข้อที่ 1 กินอาหารให้หลากหลาย กินเนื้อแดงบ้าง กินเนื้อขาวบ้าง แล้วก็อันที่ 1 ที่เขาจัดไว้เป็นกรุ๊ปแรกเลยก็คือ อาหารแปรรูป อันนี้ถ้าเลี่ยงได้ก็เลี่ยงดีกว่า เพราะยังไงเราก็รู้แน่ๆ ว่าเขาใส่สารเคมี แล้วก็มะเร็งที่สัมพันธ์จริงๆ กับอาหารกลุ่มนี้ ไม่ใช่ทุกมะเร็ง แต่มะเร็งที่เขาบอกว่าสัมพันธ์มากที่สุดเลยคือ มะเร็งลำไส้ เพราะฉะนั้นมะเร็งลำไส้ก็จะเกิดจากการที่การขับถ่ายผิดปกติ ทำยังไงให้ท้องเราไม่ผูกอาจจะกินใยอาหารเพิ่มได้ไหม เราไม่กินคาร์บ แต่เราอาจจะกินผักได้ไหม เพื่อให้อาจได้คาร์บน้อยๆ แต่ว่ายังมีใยอาหารอยู่ ทำให้ลำไส้เรายังขับถ่ายได้ดี จุลินทรีย์ในลำไส้เรายังแข็งแรง

กินเนื้อสัตว์เยอะเสี่ยงโรคหัวใจเพราะอะไร ?

สิ่งที่เขากลัวจริงๆ จากการกินเนื้อสัตว์แล้วสิ่งที่พืชไม่มี มันคือสิ่งที่เรียกว่า คอเลสเตอรอล ซึ่งคุณหมอทุกคนหลายๆ คนเดี๋ยวนี้ก็เริ่มตื่นตัวเรื่องคอเลสเตอรอล ถ้าเป็นงานวิจัยที่เป็นต้นตำรับเลยประมาณปี 1948 -1950 ก็คือประมาณ 70-80 ปีแล้ว ตอนนั้นทำไมคนเป็นโรคหัวใจเยอะ แล้วมันเกิดจากอะไร เจาะเลือดไปพบว่าคนที่เป็นโรคหัวใจคอเลสเตอรอลสูง แล้วในผนังหลอดเลือดก็มีคอเลสเตอรอลอยู่ด้วย เขาเลยเริ่มอนุมานก่อนว่าคอเลสเตอรอลเป็นสาเหตุหรือเปล่า ซึ่งจริงๆ มันอาจจะเป็นสาเหตุหรือไม่เป็นสาเหตุก็ไม่รู้ แต่มันมีความสัมพันธ์กันเลยคิดแบบนั้น

แต่ช่วง 10-20 ปีที่ผ่านมา เขาบอกว่าเราคุมอาหารที่คอเลสเตอรอลสูง แต่ทำไมคนที่เป็นโรคหัวใจไม่ลดลงเลย งานวิจัยก็เลยเริ่มตรวจตัวอื่นเพิ่มว่ามันมีตัวอื่นอีกไหมที่น่าจะมีความสัมพันธ์ ซึ่งในไทยก็มีการเก็บข้อมูลคนประมาณ 3,000 คน แล้วก็ติดตามไปเรื่อยๆ ว่าคอเลสเตอรอลสูง HDL เป็นยังไง ไตรกลีเซอไรด์เป็นยังไง ว่ามันมีความสัมพันธ์กับการเป็นโรคหัวใจไหม แล้วเขาพบว่า Total คอเลสเตอรอลกับ LDL ที่สูงแทบจะไม่ได้สัมพันธ์กับการเป็นมะเร็ง ไม่ได้สัมพันธ์กับการเป็นโรคหัวใจ แต่ตัวที่สัมพันธ์มากกว่าคือ ไตรกลีเซอไรด์ที่สูงและ HDL ที่ต่ำ ซึ่งพอเป็นแบบนี้คนก็เลยคิดว่าแล้วทำยังไงแบบ HDL เราถึงจะสูง มันมาคู่กันนะครับ เวลาคนเรา HDL ต่ำ ไตรกลีเซอไรด์มันมักจะมักจะสูง ซึ่งตัวไตรกลีเซอไรด์มันคือไขมันที่เป็นพลังงานสะสม พูดง่ายๆ ก็คือคนอ้วน มักจะมีไตรกลีเซอไรด์สูงแล้วก็ HDL ต่ำ เพราะฉะนั้นทำไงให้ HDL เราสูงขึ้นก็ต้องลดความอ้วน HDL ก็จะสูงขึ้นโดยธรรมชาติ โดยที่เราอาจจะยังไม่ต้องกินอาหารเสริมก็ได้

Animal Base เหมาะกับใคร ?

ต้องบอกว่าเหมาะกับทุกคน ยกเว้นคนที่มีโรคประจำตัวบางโรคที่ไม่เหมาะกับการกิน Animal Base จริงๆ เช่น คนที่เป็นโรคไต ต้องอธิบายว่าบางคนมักจะเข้าใจผิดว่ากินโปรตีนเยอะแล้วเดี๋ยวเป็นโรคไต จริงๆ การกินโปรตีนเยอะไม่ได้ทำให้เป็นโรคไตถ้ากินในปริมาณที่เหมาะสม แต่คนที่เป็นโรคไตแล้วต้องจำกัดการกินโปรตีนด้วยเหตุผลที่ว่าไตของคนเราทำหน้าที่หลายอย่าง แต่หนึ่งในนั้นคือการกำจัดของเสียและการควบคุมสมดุลของการเป็นกรดเป็นเบสในร่างกาย เขาพบว่าการที่เรากินอาหารที่มาจากเนื้อสัตว์เป็นส่วนใหญ่ จะทำให้ภาวะในเซลล์มีแนวโน้มที่จะเป็นกรด เพราะฉะนั้นคนที่เป็นโรคไตแล้ว การที่เขาควบคุมสมดุลความเป็นกรดในร่างกายเขาจะทำไม่ได้ เพราะฉะนั้นกรดก็จะค้างอยู่ในร่างกายทำให้สุขภาพเขาเสีย แต่ถ้าเราเป็นคนปกติแบบนี้ ไม่ได้มีโรคประจำตัว การที่เรากินเนื้อสัตว์เซลล์ของเราเป็นกรดมากขึ้น ร่างกายจัดการได้ไหม จัดการได้เพราะฉะนั้นคนทั่วไปกินเนื้อสัตว์ไม่ได้มีปัญหาเลย แต่คนที่เป็นโรคไตอาจจะต้องขยับไปกินที่เป็น Plant Base มากขึ้น

ถ้าเป็นโปรตีนจากที่เป็น Animal Base เราจะเรียกว่าเป็น Complete โปรตีน Complete คือสมบูรณ์ เพราะฉะนั้น Complete โปรตีนคือพอเขาย่อยเป็นส่วนที่เล็กที่สุดที่ร่างกายเราต้องการที่เรียกว่ากรดอะมิโนแล้ว มันจะได้เป็นกรดอะมิโนที่จำเป็นครบถ้วน คำว่าจำเป็นหมายความว่าอะไร จำเป็นหมายความว่า ร่างกายเราสร้างไม่ได้ ต้องได้จากการกินเท่านั้น ถ้าเรากินจาก Animal Base เราจะได้กรดอะมิโนจำเป็นครบถ้วน แต่ถ้าเรากินจาก Plant Base จะเป็น Incomplete โปรตีน หมายความว่าเป็นโปรตีนที่ไม่ได้มีกรดอะมิโนจำเป็นครบถ้วน แต่ถามว่าทดแทนได้ไหม ทดแทนได้แต่คุณจะกินยากขึ้นหน่อยหนึ่ง เช่น ถ้าคุณอยากกินถั่ว คุณอาจจะได้ตัวที่เป็นกรดอะมิโนจำเป็นไม่ครบ คุณต้องกินถั่วบวกข้าว ทดแทนได้แต่ต้องกินหลายอย่างเพื่อให้ได้กรดอะมิโนครบถ้วน

การกินอาหารแบบ Animal Base ต้องรู้ว่ากินเพื่อวัตถุประสงค์อะไร แล้วสภาวะร่างกายของเราตอนนั้นต้องการแบบไหน สมมุติว่าตอนนี้เราต้องการกินเพื่อที่จะลดน้ำหนัก ต้องการกินเพื่อที่จะรักษาเบาหวาน สัดส่วนของ Animal Base อาจจะจำเป็นต้องสูงกว่าเพื่อที่จะลดคาร์บที่มาจากตัว Plant Base แต่ถ้าสมมุติว่าตอนนี้เราเป็นคนที่มีสุขภาพดี แล้วรู้สึกว่าเราได้รูปร่างที่เราพอใจ ได้สุขภาพที่เราพอใจแล้ว เริ่มระบบเผาผลาญดีแล้ว เราสามารถกลับไปกินคาร์บเพิ่มขึ้นได้ ก็สามารถสวิตช์จากการกิน Animal Base ไปกิน Plant Base มากขึ้น เช่น อยากได้โปรตีนใน 1 วัน 100 อาจจะเอาโปรตีนจากเนื้อสัตว์ครึ่งหนึ่ง แล้วโปรตีนจากเต้าหู้อีกได้ไหม ได้อีกครึ่งหนึ่งก็สามารถทำได้ เอาจากถั่วอีกสักหน่อยหนึ่งได้ไหมก็สามารถทำได้ แต่เราต้องรู้ก่อนว่าจริงๆ แล้วในอาหารที่เรากิน มันมีสัดส่วนของคาร์โบไฮเดรตด้วยไหม ตอนนั้นเราต้องการคาร์โบไฮเดรตหรือเปล่า

ซูเปอร์ฟู้ดของ Animal Base คือ อาหารจากธรรมชาติ ต้องเป็นอาหารที่สารอาหารเยอะแต่แคลอรี่น้อย ก็คือสารอาหารอัดแน่นเลยโดยที่เราได้แคลอรี่ไม่เยอะ แล้วควรจะมีคุณสมบัติเป็นแอนตี้ออกซิแดนท์ ช่วยซ่อมแซมการอักเสบในร่างกายได้ ซึ่งถ้าเอาที่หาง่ายที่สุดเลย คือ ไข่ ราคาไม่แพง แล้วก็เป็นโปรตีนที่ดีที่สุดด้วย แล้วก็ Bone Broth น้ำซุปกระดูก

ส่วนผักถ้าบริโภคมากๆ ก็มีผล จริงๆ ก็ทำให้ร่างกายเกิดการอักเสบในระยะยาวได้ด้วย เพราะผักอาจจะมีสารพิษ เพราะฉะนั้นดีที่สุดก็คือ อย่ากินอาหารจำเจ คนที่กินอาหารจำเจก็มีโอกาสที่จะได้สารพิษจากของเดิมๆ ซ้ำๆ แล้วสะสมในปริมาณมาก เพราะฉะนั้นการที่เราสลับไปกินอันนั้นบ้าง อันนี้บ้างจากแหล่งนั้นบ้าง แหล่งนี้บ้าง แล้วก็เลือกให้ดีที่สุดเท่าที่ทำได้ว่านี่คือออร์แกนิกที่สุดที่ฉันหาได้แล้วนะ

เนื้อสัตว์สามารถรักษาแบบภาวะซึมเศร้า ไบโพลาร์ได้จริงหรือ ?

เคยมีการรายงานว่าคนที่กินคีโตเจนิก ไดเอต มีความสามารถในการที่ทำให้ตัวเอง ไม่ได้หมายว่าหายเลย อาการดีขึ้นได้ ถามว่ามันทำอย่างนั้นได้ยังไง คือบางทีเราอ่านงานวิจัยหรือแรงงาน เราไม่ใช่แค่เชื่ออย่างเดียวก็ต้องมานั่งคิดก่อน เพราะว่าเขาบอกว่าการที่คนเราเป็นโรคทางใจ ไม่ว่าจะเป็นซึมเศร้า เป็นไบโพลาร์ พวกนี้สัมพันธ์กับ Chronic Inflammation ของสมอง ก็คือมีการอักเสบ ที่เป็นเรื้อรัง เพราะฉะนั้นถ้ามีสารอะไรชนิดหนึ่งที่สามารถลดการอักเสบได้ น่าจะทำให้อาการดีขึ้นได้ ซึ่งสารตัวนั้นที่เราพูดถึงก็คือ EPA

เคยได้ยินว่ามี DHA และ EPA พวกนี้เป็นกลุ่มโอเมก้า 3 จะมีทั้งหมด 3 ตัวที่เราพูดกันหลักๆ ก็คือมี ALA EPA แล้วก็ DHA ตัว ALA ส่วนใหญ่เราจะได้จากพวก Plant Base ส่วน EPA และ DHA จะได้จาก Animal Base แต่ตัว ALA ร่างกายเราเปลี่ยน EPA กับ DHA ได้ปริมาณที่น้อยมาก เพราะฉะนั้นเขาเลยบอกว่าแสดงว่าตัว EPA หรือเปล่าที่ทำให้การอักเสบในสมองเรามันลดลง เพราะสมัยนี้เราตรวจการอักเสบในร่างกายได้ ตัวที่เขาตรวจก็คือตัว EPA นี้แหละครับว่าเรามี EPA เยอะหรือน้อย แต่การที่เรากินอาหารที่มาจาก Animal Base เยอะๆ แล้วพึ่งพา Animal Base อย่างเดียวโดยที่ไม่ได้ไฟเบอร์จากพวกพืชผักบ้างเลย กลุ่มนี้โอกาสในการเกิดการอักเสบในร่างกายก็จะมี แล้วทำให้โอกาสที่กระดูกของเรามีโอกาสสูญเสียแคลเซียมได้

ถ้าเอาจริงๆ แล้ว 2 ฝั่ง ทั้ง Animal Base กับ Plant Base จริงๆ ลดการอักเสบได้ทั้งคู่ เพราะคนๆ หนึ่งที่ร่างกายอักเสบเยอะอยู่แล้ว พอกิน Animal Base ปั๊บ เขาตัดสิ่งที่เป็นน้ำตาลทิ้ง พอตัดน้ำตาลทิ้ง ร่างกายอักเสบลดลง ส่วนคนที่เขาเป็น Plant Base ที่เป็น Plant Base แบบสุขภาพดีจริงๆ Plant Base แบบนั้น เขาจะไม่กินน้ำตาลเหมือนกัน แล้วก็ไม่กินพวกคาร์บที่แปรรูปมา เพราะฉะนั้นร่างกายของเราลดการอักเสบลงจากการที่เราไม่ได้น้ำตาล ไม่ได้แป้งแปรรูป เพราะฉะนั้นดีที่สุดก็คือพอเราได้จุดที่พอใจ ยังไงก็ต้องกลับไปกินแป้งจาก Plant Base บ้าง แต่ให้เลือกแป้งที่ไม่ได้ผ่านกระบวนการมา อย่างน้อยขอให้แป้งนั้นมีใยอาหาร สุขภาพเราจะดีในระยะยาว

Advertisement

แชร์
กินเนื้อเสี่ยงมะเร็งจริงไหม แล้วกินแบบไหนชีวิตอยู่ได้ยืนยาว