
บริษัท ออโต้ อัลลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ เอเอที (AAT) ซึ่งเป็นโรงงานร่วมทุนระหว่างฟอร์ด มอเตอร์ คัมปะนี และมาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ได้จัดงานเฉลิมฉลองการดำเนินงานในประเทศไทยครบรอบ 30 ปี อย่างยิ่งใหญ่ เพื่อตอกย้ำถึงบทบาทสำคัญในการเป็นหนึ่งในผู้ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยให้ก้าวหน้าด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง ภายใต้นโยบาย ‘One AAT’ ที่หลอมรวมพนักงานทุกคนสู่ความเป็นเลิศ
เอเอทีได้ก่อตั้งขึ้นในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2538 ด้วยเงินลงทุนเริ่มต้นกว่า 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตลอดสามทศวรรษที่ผ่านมา โรงงานแห่งนี้ไม่เพียงเป็นฐานการผลิตยานยนต์แบบครบวงจรที่ทันสมัย แต่ยังเป็นพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมีการลงทุนอย่างต่อเนื่องจากทั้งฟอร์ดและมาสด้า สร้างงานให้กับพนักงานกว่า 5,400 คน และยกระดับทักษะแรงงานไทยสู่มาตรฐานสากล นอกจากนี้ การจัดซื้อชิ้นส่วนภายในประเทศในสัดส่วนสูงถึง 67% ยังเป็นการสนับสนุนผู้ประกอบการในประเทศไทยอย่างเป็นรูปธรรม ความสำเร็จนี้สะท้อนจากยอดการผลิตรถยนต์สะสมมากกว่า 4 ล้านคัน ซึ่งตอกย้ำถึงบทบาทของเอเอทีในการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางยานยนต์ชั้นนำระดับโลก
เอเอทียึดมั่นในปรัชญา ‘ฝีมือและทักษะในการผลิต’ (craftsmanship) โดยเชื่อว่าพนักงานคือหัวใจของกระบวนการผลิตรถยนต์ พนักงานแต่ละคนถูกยกย่องให้เป็น ‘ผู้สร้างสรรค์’ ที่ประกอบรถยนต์ทุกคันด้วยความใส่ใจในทุกรายละเอียด ทำให้รถยนต์ที่ออกจากสายการผลิตของเอเอทีมีคุณภาพมาตรฐานระดับโลก
ตลอด 30 ปีที่ผ่านมา เอเอทีเติบโตอย่างมั่นคงพร้อมกับการพัฒนาบุคลากรอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบัน ทีมผู้บริหารหลักในทุกหน่วยงานของเอเอทีล้วนเป็นคนไทย ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสำเร็จในการพัฒนาศักยภาพและความสามารถของคนไทยให้ก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำในระดับสากล และความเชื่อมั่นที่ทั้งฟอร์ดและมาสด้ามีต่อบุคลากรชาวไทยในการขับเคลื่อนองค์กรให้ก้าวหน้าอย่างยั่งยืน
เอเอทีทำหน้าที่เป็นฐานการผลิตที่สำคัญของทั้งสองบริษัท โดยผลิตรถยนต์หลากหลายรุ่น ได้แก่
เอเอทีเป็นโรงงานเดียวในโลกที่ผลิต ฟอร์ด เอเวอเรสต์ เพื่อจำหน่ายในประเทศและส่งไปจำหน่ายในกว่า 100 ประเทศทั่วโลก และล่าสุดยังได้รับความไว้วางใจจากฟอร์ดให้เป็นโรงงานเดียวในโลกที่ผลิต ฟอร์ด เรนเจอร์ ซูเปอร์ ดิวตี้ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดที่เพิ่งเปิดจำหน่ายในออสเตรเลีย และกำลังจะเปิดตัวในประเทศไทยอย่างเป็นทางการในปีหน้า นอกจากนี้ ยังมีการส่งออกรถ Mazda CX – 3 ไปขายในตลาดประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย
มร. ซิลวิโอ อิลลี ประธานบริษัทและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอเอที กล่าวว่า “การฉลองครบรอบ 30 ปีของเอเอที เป็นการยกย่องพนักงานทุกคนที่ยึดมั่นใน ‘ฝีมือและทักษะในการผลิต’ เราภูมิใจที่คนไทยได้ก้าวขึ้นเป็นผู้นำในการขับเคลื่อนองค์กรให้เป็นที่ยอมรับระดับสากล” โดยยืนยันว่า เอเอทีจะยังคงมุ่งมั่นพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อเป็นผู้นำในการผลิตรถยนต์คุณภาพแห่งอนาคต ด้วยการลงทุนต่อเนื่องในการยกระดับบุคลากรให้เชี่ยวชาญเทคโนโลยีขั้นสูง พร้อมยึดมั่นในหลักการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนและรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยให้ก้าวหน้าอย่างมั่นคงต่อไป