บริษัท ฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด ได้จัดกิจกรรม "Honda Automotive Technology Workshop" เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2568 เพื่อเปิดเผยข้อมูลเทคโนโลยีสำหรับรถยนต์รุ่นใหม่ที่มีแผนจะเปิดตัวในช่วง ครึ่งหลังของทศวรรษ 2020 โดยเน้นการพัฒนาทั้งรถยนต์ไฟฟ้า (EV) และรถยนต์ไฮบริด (HEV) ภายใต้แนวคิด "Enjoy the Drive" และเป้าหมายระยะยาวในการบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนและการลดอุบัติเหตุให้เป็นศูนย์ภายในปี ค.ศ. 2050
แพลตฟอร์มขนาดกลางสำหรับรถยนต์ไฮบริดเจเนอเรชันใหม่ (เริ่มปี 2027)
ฮอนด้ากำลังพัฒนาแพลตฟอร์มไฮบริดรุ่นใหม่เพื่อยกระดับ "ความสนุกในการขับขี่" และประสิทธิภาพ
น้ำหนักลดลง แพลตฟอร์มสำหรับรถไฮบริดจะมีน้ำหนักลดลงถึง 90 กิโลกรัม เมื่อเทียบกับรุ่นปัจจุบัน มุ่งเน้นการมอบทั้งความสนุกในการขับขี่และประสิทธิภาพการ ประหยัดน้ำมันที่ยอดเยี่ยม โครงสร้างและความแข็งแกร่ง พัฒนาแนวทางใหม่ในการจัดการความแข็งแรงของตัวถัง เพื่อเพิ่ม เสถียรภาพในการขับขี่ และเตรียมนำเทคโนโลยีนี้ไปประยุกต์ใช้กับแพลตฟอร์มรถไฟฟ้าในอนาคต การใช้ชิ้นส่วนร่วมกัน (Modular) ใช้แนวคิดการออกแบบแบบโมดูลเพื่อเพิ่มการใช้ชิ้นส่วนร่วมกันได้มากกว่า 60% ในทุกรุ่นที่ใช้แพลตฟอร์มนี้ ซึ่งจะช่วยควบคุมต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต เทคโนโลยีควบคุมการเคลื่อนที่ นำระบบ Motion Management และเทคโนโลยี Pitch Control เข้าไปในระบบ Agile Handling Assist (AHA) เพื่อช่วยให้ผู้ขับขี่ควบคุมรถได้อย่างแม่นยำในทุกสภาพถนน
แพลตฟอร์มขนาดใหญ่สำหรับไฮบริดเจเนอเรชันใหม่ (ตลาดอเมริกาเหนือ)
เพื่อตอบสนองความต้องการรถไฮบริดขนาดใหญ่ในตลาดอเมริกาเหนือ ฮอนด้ากำลังพัฒนาระบบไฮบริดใหม่สำหรับรถยนต์ในกลุ่ม D-segment ขึ้นไป
องค์ประกอบ ประกอบด้วย เครื่องยนต์ V6 ที่พัฒนาขึ้นใหม่, ชุดขับเคลื่อน, และชุดแบตเตอรี่ใหม่ เพื่อประสิทธิภาพที่ดีเยี่ยมและต้นทุนต่ำ ประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมัน ตั้งเป้าให้ดีขึ้น มากกว่า 30% เมื่อเทียบกับรถยนต์สันดาปในเซกเมนต์เดียวกัน ด้วยการผสานเครื่องยนต์ V6 ใหม่ และระบบควบคุมพลังงานอัจฉริยะ สมรรถนะ ปรับปรุงสมรรถนะด้านอัตราเร่งและการเร่งความเร็วเมื่อเหยียบคันเร่งแบบเต็มกำลังให้ดีขึ้น มากกว่า 10% เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่ที่ทรงพลังและ ความสามารถในการลากจูงสูง (High Towing Capability)
เทคโนโลยีไดนามิกสำหรับรถยนต์ Compact EV ต้นแบบ Super-ONE (เปิดตัวปี 2026)
รถยนต์รุ่นผลิตจริงที่พัฒนาจาก Super-ONE Prototype ซึ่งจะเริ่มวางจำหน่ายที่ประเทศญี่ปุ่นในปี ค.ศ. 2026 ได้รับการพัฒนาภายใต้แนวคิด “e: Dash BOOSTER” เน้นการมอบประสบการณ์ที่สนุกสนาน
แพลตฟอร์มน้ำหนักเบา พัฒนาต่อยอดจากรถในกลุ่ม Honda N Series โดยมีจุดเด่นเรื่อง น้ำหนักเบาที่สุดรุ่นหนึ่งในกลุ่ม A-segment EV และมี จุดศูนย์ถ่วงต่ำ กว่ารถยนต์สันดาปขนาด Compact ทั่วไป ซึ่งช่วยให้การควบคุมรถมีความฉับไวและมั่นคง ฟังก์ชัน “Boost Mode” เป็นฟังก์ชันพิเศษที่พัฒนาขึ้นเพื่อ เพิ่มกำลังขับเคลื่อนสูงสุด ระบบจำลองเกียร์ 7 สปีดและ Active Sound Control เทคโนโลยีสำคัญที่ช่วยจำลองเสียงเครื่องยนต์ที่ทรงพลังและความรู้สึกของการ เปลี่ยนเกียร์ที่เฉียบคม (รวมถึงการจำลอง "คิกดาวน์" และ "fuel cut") เพื่อให้ผู้ขับขี่รู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับรถ และถ่ายทอดเอกลักษณ์การขับขี่ของรถยนต์สันดาปสู่ยุค EV ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
เทคโนโลยีใหม่เหล่านี้สะท้อนความมุ่งมั่นของฮอนด้าในการพัฒนาสู่ยุคแห่งการขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า โดยยังคงให้ความสำคัญกับ "ความสนุกในการขับขี่" ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์