
เบนท์ลีย์ มอเตอร์ส ประกาศความพร้อมครั้งสำคัญในการก้าวเข้าสู่ยุคพลังงานไฟฟ้าอย่างเต็มตัว ด้วยการเปิด ศูนย์เทคนิคทางวิศวกรรมแห่งใหม่ (New Engineering Technical Centre) อันทันสมัย ณ โรงงานหลักในเมืองครูว์ ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2568 ศูนย์แห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการลงทุนขนาดใหญ่ เพื่อรองรับกลยุทธ์ Beyond100+ และเป็นหัวใจสำคัญในการวิจัยและพัฒนารถยนต์ในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำโลกเสมือนจริงมาผสานเข้ากับการบูรณาการผลิตภัณฑ์ เพื่อเตรียมการสำหรับการผลิตยนตรกรรมพลังงานไฟฟ้าแบบเต็มรูปแบบในปี 2578
พิธีเปิดศูนย์เทคนิคทางวิศวกรรมแห่งใหม่ได้รับเกียรติจาก ดร. แฟรงค์-สเตฟเฟน วอลลิเซอร์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ ดร. แมทเทียส เรบบ์ กรรมการบริหารฝ่ายวิจัยและพัฒนาเป็นประธาน
 
ศูนย์ฯ แห่งใหม่นี้ครอบคลุมพื้นที่รวมกว่า 13,000 ตารางเมตร บนพื้นที่สองชั้น ถูกออกแบบมาเพื่อเพิ่มศักยภาพในการพัฒนาและวิจัยรถยนต์รุ่นใหม่ในอนาคต โดยมีการนำ เทคโนโลยีโลกเสมือนจริง (Virtual Reality) มาผสานเข้ากับการบูรณาการผลิตภัณฑ์ในโลกแห่งความเป็นจริง เพื่อให้เกิดการทำงานร่วมกันตลอดกระบวนการพัฒนาอย่างมีระบบ
ภายในศูนย์ฯ ประกอบด้วย
หัวใจสำคัญของการบูรณาการคือการประยุกต์ใช้ทักษะอย่างครอบคลุมในด้าน การฝึกอบรม, การทดสอบ, และการเตรียมการเปิดตัวระบบซอฟต์แวร์, ระบบไฟฟ้าแรงสูงแบบดิจิทัล และระบบไฟฟ้าทั้งหมด
 
การเปิดศูนย์ฯ นี้สอดคล้องกับ กลยุทธ์ Beyond100+ ของเบนท์ลีย์ ที่มุ่งเน้นการเปลี่ยนแปลง โดย ดร. แฟรงค์-สเตฟเฟน วอลลิเซอร์ กล่าวว่า กลยุทธ์นี้จะนำไปสู่การพัฒนารถยนต์ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่เชื่อมต่อระบบดิจิทัลและมีระบบขับขี่อัตโนมัติ เพื่อยกระดับและบรรลุเป้าหมายสูงสุดในการผลิตยนตรกรรมหรู โดยเน้นย้ำว่าศูนย์ฯ แห่งนี้เป็น "ส่วนสำคัญในการส่งมอบกลยุทธ์นี้ให้ประสบความสำเร็จ"
 
แผนกส่วนใหญ่ของศูนย์ฯ ได้ย้ายมาจากอาคาร A1 ซึ่งเป็นอาคารที่เก่าแก่ที่สุดของโรงงาน และกำลังถูกแปลงโฉมเป็น สถานที่ประกอบรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ที่จะเริ่มต้นการผลิตในปี 2570 (ค.ศ. 2027) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการเปิดตัวยนตรกรรมรุ่นไฮบริดและพลังงานไฟฟ้ารุ่นใหม่ทุกปี ก่อนการผลิตยนตรกรรมไฟฟ้าแบบเต็มรูปแบบในปี 2578 (ค.ศ. 2035)
ศูนย์เทคนิคทางวิศวกรรมแห่งใหม่ไม่เพียงแต่สนับสนุนเป้าหมายของเบนท์ลีย์ในการสร้างยนตรกรรมที่หรูหราและสมรรถนะสูงสุดเท่านั้น แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของการขยายพื้นที่และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่จะเปิดใหม่ตามมา ซึ่งรวมถึงสตูดิโอการออกแบบที่เพิ่งเปิดตัว และการก่อสร้างศูนย์ทำสีและศูนย์โลจิสติกส์แบบบูรณาการแห่งใหม่ที่กำลังจะเปิดในปีหน้า การลงทุนครั้งนี้จึงเป็นการปูทางให้เบนท์ลีย์สามารถพลิกโฉมเพื่อรองรับอนาคตแห่งการใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างสมบูรณ์แบบ
