การเดินทางในช่วงเทศกาลปีใหม่ เป็นช่วงเวลาที่หลายครอบครัวได้ใช้เวลาร่วมกันอย่างเต็มที่ แต่สำหรับครอบครัวที่มีผู้สูงอายุหรือผู้พิการ หัวใจสำคัญของการเดินทางไม่ใช่แค่จุดหมายปลายทางที่สวยงามเท่านั้น แต่คือการทำให้พวกเขารู้สึกถึงความสะดวกสบายและได้รับความใส่ใจในทุกกิโลเมตรที่ผ่านไป
ในยุคที่รถยนต์ไม่ได้แข่งขันกันแค่เรื่องความแรง นวัตกรรมใหม่ๆ กำลังมุ่งหน้าสู่การออกแบบเพื่อทุกคน หรือที่เรียกว่า Universal Design เพื่อเปลี่ยนจากรถที่ทำหน้าที่เพียงแค่รับส่ง ให้กลายเป็นรถที่ช่วยดูแลคุณภาพชีวิตของคนที่เรารักได้จริง
นิยามใหม่ของรถที่ใช่ เมื่อความสูงคือตัวตัดสิน
สำหรับผู้สูงอายุที่มีปัญหาข้อเข่า หรือผู้พิการที่เคลื่อนไหวลำบาก การเลือกความสูงของเบาะนั่งคือสิ่งแรกที่ต้องพิจารณา
- ระดับเบาะนั่งที่พอดี รถยนต์ประเภท Crossover หรือ SUV ขนาดกลางมักมีระดับเบาะนั่งที่เหมาะสมที่สุด เพราะอยู่ในระยะที่สามารถสไลด์ตัวเข้าได้พอดี ไม่ต้องเขย่งเพื่อปีนขึ้นเหมือนรถกระบะ และไม่ต้องย่อตัวจนเจ็บเข่าเหมือนรถเก๋งซีดานทั่วไป
- ประตูเปิดกว้าง ควรเลือกรถที่ประตูหลังเปิดได้กว้าง เพื่อให้ผู้ดูแลเข้าพยุงได้สะดวก หรือมีพื้นที่เพียงพอสำหรับวางวีลแชร์แบบพับได้ง่ายขึ้น
นวัตกรรมเปลี่ยนอุปสรรคให้เป็นอิสระ
ปัจจุบันมีเทคโนโลยีที่ช่วยให้ผู้ที่มีข้อจำกัดทางร่างกายกลับมาขับรถได้เอง หรือช่วยให้การขึ้นลงรถเป็นเรื่องง่ายขึ้นมาก
- ระบบควบคุมด้วยมือ การติดตั้งชุดควบคุมเบรกและคันเร่งไฟฟ้าที่พวงมาลัย ช่วยให้ผู้พิการทางขาขับรถได้อย่างแม่นยำและปลอดภัย
- เบาะนั่งหมุนไฟฟ้า อุปกรณ์เสริมที่ช่วยให้เบาะหมุนออกนอกรถและลดระดับลงมา เพื่อรับผู้ใช้จากวีลแชร์ขึ้นสู่ตัวรถได้โดยแทบไม่ต้องออกแรงยก
- ระบบช่วยจอดและกล้องรอบคัน ช่วยลดภาระในการหันไปมองข้างหลัง ซึ่งมักเป็นปัญหาสำหรับผู้สูงอายุที่มีอาการปวดต้นคอหรือสายตาไม่เอื้ออำนวยเหมือนแต่ก่อน
รถยนต์ไฟฟ้ากับผู้สูงวัย ความเรียบง่ายที่ลงตัว
หลายคนอาจกังวลว่ารถยนต์ไฟฟ้าจะซับซ้อน แต่ในความจริงแล้วถือเป็นรถที่ตอบโจทย์ผู้สูงอายุได้ดีมาก
- ความเงียบและแรงสั่นสะเทือนต่ำ ช่วยลดความเครียดและความเหนื่อยล้าสะสมระหว่างเดินทางไกลได้ดี
- การขับขี่แบบแป้นเดียว ระบบที่ช่วยให้ใช้แป้นเดียวในการเร่งและชะลอ ลดความสับสนในการสลับเท้าระหว่างเบรกและคันเร่งในสถานการณ์ฉุกเฉิน
- การชาร์จที่บ้าน ช่วยลดภาระในการต้องแวะปั๊มน้ำมันบ่อยๆ ทำให้การเดินทางมีความเป็นส่วนตัวและปลอดภัยมากขึ้น
Checklist 5 ข้อที่ต้องลองให้ชัด ก่อนตัดสินใจพาผู้ใหญ่ไปออกรถใหม่
เพื่อให้ได้รถที่ตอบโจทย์จริงๆ ก่อนพาคุณพ่อคุณแม่หรือผู้ใหญ่ในบ้านไปที่โชว์รูม ควรตรวจสอบ 5 ข้อนี้
- ลองเข้าและออกมากกว่า 3 ครั้ง ให้ท่านลองก้าวขึ้นและลงรถด้วยตัวเอง ดูว่าระดับมือจับอยู่ในตำแหน่งที่ช่วยพยุงตัวได้ถนัดหรือไม่ และบันไดข้างกว้างพอให้วางเท้าได้อย่างมั่นคงหรือไม่
- ตรวจสอบทัศนวิสัยจากเบาะคนขับ หากผู้สูงอายุเป็นคนขับเอง ให้ท่านลองปรับเบาะแล้วดูว่ามองเห็นหัวรถชัดเจนหรือไม่ มีจุดบอดที่เสาหนาเกินไปจนบังสายตาหรือไม่
- ความง่ายของปุ่มกด เลี่ยงรถที่มีระบบทุกอย่างฝังอยู่ในหน้าจอสัมผัสเพียงอย่างเดียว เพราะสำหรับผู้สูงอายุ ปุ่มปรับแอร์หรือปุ่มปรับเสียงที่เป็นแบบหมุนหรือกดจริงจะใช้งานง่ายและปลอดภัยกว่าในขณะขับขี่
- ลองพับและยกวีลแชร์ขึ้นท้ายรถ หากต้องใช้รถเข็น ให้ลองพับแล้วยกใส่ท้ายรถจริง ดูว่าความสูงของขอบห้องสัมภาระสูงเกินไปจนยกไม่ไหวหรือไม่ และพื้นที่เหลือเพียงพอสำหรับสัมภาระอื่นๆ หรือไม่
- ทดสอบความนุ่มของช่วงล่าง ในตอนขับทดสอบ ให้ลองวิ่งผ่านลูกระนาดหรือถนนไม่เรียบ เพื่อเช็กว่าการซับแรงกระแทกนุ่มนวลพอหรือไม่ เพราะแรงสั่นสะเทือนที่มากเกินไปอาจทำให้ผู้สูงอายุปวดหลังหรือเวียนหัวได้ง่าย
ข้อควรระวังสำคัญในการเลือกซื้อรถเพื่อผู้สูงอายุและผู้พิการ
- การดัดแปลงรถอาจทำให้การรับประกันสิ้นสุด หากมีการดัดแปลงตัวรถ เช่น การติดตั้งเบาะหมุนไฟฟ้า ชุดควบคุมด้วยมือ หรือทางลาดท้ายรถ ควรตรวจสอบกับศูนย์บริการโดยตรงว่าการกระทำดังกล่าวส่งผลต่อ การรับประกันคุณภาพรถยนต์ (Warranty) ในส่วนใดบ้าง โดยเฉพาะระบบไฟฟ้าและโครงสร้างรถ
- มาตรฐานของอุปกรณ์เสริม อุปกรณ์ดัดแปลงต้องได้รับมาตรฐานสากลและติดตั้งโดยช่างผู้ชำนาญการเท่านั้น อุปกรณ์ที่ไม่ได้มาตรฐานอาจก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรง เช่น ระบบเบรกมือหลุดขณะใช้งาน หรือเบาะไฟฟ้าเกิดการลัดวงจร
- สภาพร่างกายที่เปลี่ยนแปลงในอนาคต ผู้สูงอายุอาจมีสภาพร่างกายที่เปลี่ยนแปลงได้รวดเร็ว รถที่ใช้งานได้สะดวกในวันนี้ อาจไม่ตอบโจทย์ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ควรเลือกซื้อรถที่มีความยืดหยุ่นหรือเผื่อพื้นที่สำหรับอุปกรณ์ช่วยพยุงที่อาจต้องใช้เพิ่มขึ้นในอนาคต
- ภาระของผู้ดูแล บางครั้งรถตอบโจทย์ผู้สูงอายุแต่เป็นภาระแก่ผู้ดูแล เช่น ฝาท้ายรถที่หนักเกินไปจนผู้ดูแลยกปิดลำบาก หรือการพับเบาะที่ซับซ้อนเกินไป ควรให้ผู้ดูแลหลักร่วมทดลองใช้งานทุกฟังก์ชันก่อนการตัดสินใจ
- ระบบช่วยเหลืออัจฉริยะที่อาจทำให้สับสน เทคโนโลยีที่มากเกินไปอาจสร้างความกังวลหรือความสับสนให้กับผู้สูงอายุที่เป็นคนขับเอง ระบบเตือนที่ส่งเสียงดังหรือการแทรกแซงพวงมาลัยอย่างกะทันหันอาจทำให้เกิดความตกใจและนำไปสู่อุบัติเหตุได้ ควรเลือกเปิดใช้งานเฉพาะระบบที่จำเป็นและปรับระดับการเตือนให้เหมาะสม
- การตั้งค่าประกันภัยรถยนต์ เมื่อมีการดัดแปลงรถยนต์ หรือระบุตัวตนผู้ขับขี่ที่เป็นผู้พิการ/ผู้สูงอายุ ควรแจ้งบริษัทประกันภัยให้รับทราบเพื่อให้ครอบคลุมความคุ้มครองทั้งตัวบุคคลและอุปกรณ์ดัดแปลงที่ติดตั้งเพิ่มเข้าไป
อย่าลืม! เอกสารที่ต้องใช้
เอกสารที่ต้องใช้ทั้งในมุมของ "คนขับที่เป็นผู้พิการ" และ "ผู้โดยสารที่เป็นผู้สูงอายุหรือผู้พิการ" มีรายละเอียดดังนี้
กรณีคนพิการเป็น "คนขับเอง"
แม้รถจะไม่ดัดแปลง แต่กฎหมายให้ความสำคัญกับสมรรถภาพในการบังคับรถอย่างปลอดภัย เอกสารที่ต้องมีคือ
- ใบอนุญาตขับรถยนต์ส่วนบุคคล ต้องเป็นฉบับที่ไม่หมดอายุ โดยตอนไปทำหรือต่อใบขับขี่ ต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ว่ามีความพิการส่วนใด หากขนส่งประเมินแล้วว่าความพิการนั้นไม่เป็นอุปสรรคต่อการขับรถรุ่นปกติ (เช่น พิการหู หรือพิการแขนขาบางส่วนที่ยังบังคับรถได้ปลอดภัย) ก็สามารถใช้ใบขับขี่ปกติได้เลย
- ใบรับรองแพทย์ ควรเป็นฉบับที่ออกโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ระบุความเห็นว่าความพิการดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบต่อการขับรถยนต์อย่างปลอดภัย เพื่อใช้ยันยืนตอนทำใบขับขี่หรือหากเกิดอุบัติเหตุ
- บัตรประจำตัวคนพิการ ต้องพกติดตัวไว้เสมอเพื่อใช้แสดงตัวตนคู่กับใบขับขี่ และใช้สำหรับสิทธิจอดรถในที่จอดเฉพาะ
กรณีผู้สูงอายุหรือผู้พิการเป็น "ผู้โดยสาร"
กรณีนี้ตัวรถและการขับขี่เป็นเรื่องปกติ เอกสารจะเน้นไปที่การได้รับความช่วยเหลือและสิทธิต่างๆ
- บัตรประจำตัวคนพิการ (ของผู้โดยสาร) สำคัญมากสำหรับการขอใช้สิทธิช่องจอดรถคนพิการตามห้างสรรพสินค้าหรือสถานที่ราชการ เจ้าหน้าที่อาจขอเรียกดูบัตรตัวจริงเพื่อยืนยันว่ามีผู้พิการมาด้วยจริงก่อนอนุญาตให้เข้าจอด
- บัตรประจำตัวประชาชน (ของผู้สูงอายุ) ใช้เพื่อยืนยันสิทธิในกรณีที่สถานที่นั้นๆ มีบริการพิเศษสำหรับผู้สูงอายุ เช่น จุดรับ-ส่งใกล้ประตูทางออก หรือการขอใช้วีลแชร์ของสถานที่
- ข้อมูลประวัติการรักษาและเบอร์ติดต่อฉุกเฉิน แนะนำให้ทำเป็นบัตรเล็กๆ พกติดตัวผู้สูงอายุหรือผู้พิการไว้ หรือติดไว้ที่หลังที่บังแดดในรถ ระบุชื่อ-นามสกุล โรคประจำตัว ยาที่ต้องกินประจำ ยาที่แพ้ และเบอร์โทรลูกหลาน เพื่อความรวดเร็วหากเกิดเหตุฉุกเฉินระหว่างเดินทาง
เอกสารสำหรับการจอดรถ (สติ๊กเกอร์สัญลักษณ์)
- สติ๊กเกอร์รูปวีลแชร์ แม้จะไม่มีกฎหมายบังคับว่าต้องมีเอกสารรับรองสติ๊กเกอร์ (เพราะหาซื้อได้ทั่วไป) แต่การติดไว้ที่กระจกจะช่วยให้เจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกมองเห็นได้ง่ายขึ้นจากระยะไกล อย่างไรก็ตาม สติ๊กเกอร์อย่างเดียวไม่สามารถใช้ยืนยันสิทธิได้ ต้องใช้คู่กับบัตรคนพิการตัวจริงของผู้ที่มากับรถเสมอ
สรุปสิ่งที่ต้องเตรียม (กรณีรถเดิมๆ ไม่ดัดแปลง)
ประเภทบุคคล | เอกสารที่ต้องพกติดรถ/ติดตัว |
คนขับ (ผู้พิการ) | ใบขับขี่ (ที่ระบุเงื่อนไขถ้ามี), บัตรคนพิการ, ใบรับรองแพทย์ |
ผู้โดยสาร (ผู้พิการ) | บัตรประจำตัวคนพิการ (ตัวจริง) |
ผู้โดยสาร (ผู้สูงอายุ) | บัตรประชาชน, ข้อมูลโรคประจำตัวและเบอร์ฉุกเฉิน |
ข้อควรระวัง: การนำบัตรคนพิการของผู้อื่นมาใช้เพื่อจอดรถในที่จอดคนพิการโดยที่เจ้าของบัตรไม่ได้มาด้วย ถือเป็นการละเมิดสิทธิและอาจถูกดำเนินการตามระเบียบของสถานที่นั้นๆ
การเลือกรถยนต์เพื่อผู้สูงอายุหรือผู้พิการ ไม่ใช่เพียงการซื้อพาหนะ แต่คือการมอบกุญแจสู่โลกกว้างให้พวกเขาอีกครั้ง ปีใหม่นี้ขอให้ทุกครอบครัวเดินทางด้วยความอุ่นใจ เลือกเพื่อนร่วมทางสี่ล้อที่เข้าใจสรีระและหัวใจของคนทุกวัย เพื่อให้ทุกทริปเป็นความทรงจำที่มีค่าตลอดไป