Logo site Amarintv 34HD
อมรินทร์ทีวีแจกใหญ่ส่งท้ายปี ดูทั้งวันแจกทุกวันLogo Seagame2025Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
อย่าปล่อยให้ถุงลมกลายเป็น 'เครื่องประหาร'  รีบเช็กก่อนจะดับคาพวงมาลัย

อย่าปล่อยให้ถุงลมกลายเป็น 'เครื่องประหาร' รีบเช็กก่อนจะดับคาพวงมาลัย

17 ธ.ค. 68
12:30 น.
แชร์

วิกฤตความปลอดภัยจากถุงลมนิรภัยที่ไม่ได้มาตรฐาน นับเป็นประเด็นใหญ่ที่อุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยให้ความสำคัญอย่างสูงสุดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะกรณีของถุงลมนิรภัยยี่ห้อทาคาตะ (Takata) ซึ่งกลายเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ค่ายรถยนต์ชั้นนำเกือบทุกยี่ห้อต้องออกประกาศเรียกคืนรถยนต์จำนวนมหาศาลเพื่อเข้ารับการแก้ไข ปัญหานี้ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของความบกพร่องทางเทคนิคทั่วไป แต่เป็นภัยเงียบที่แฝงตัวอยู่พวงมาลัยและคอนโซลหน้ารถ ซึ่งอาจเปลี่ยนจากอุปกรณ์ช่วยชีวิตให้กลายเป็นอาวุธร้ายแรงที่คร่าชีวิตผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้ในเสี้ยววินาทีหากเกิดอุบัติเหตุ การตระหนักรู้ถึงอันตรายที่เกิดขึ้นและความกระตือรือร้นในการนำรถเข้าตรวจสอบจึงเป็นทางเลือกเดียวที่จะช่วยลดความเสี่ยงและสร้างความปลอดภัยที่ยั่งยืนบนท้องถนนไทย

กลไกอันตรายที่เกิดขึ้นจากถุงลมนิรภัยเจ้าปัญหานี้ มีสาเหตุมาจากชุดสร้างแรงดันก๊าซที่ใช้สารเคมีประเภทแอมโมเนียมไนเตรต ซึ่งเป็นสารที่มีความไวต่อสภาพอากาศ โดยเฉพาะในประเทศที่มีความร้อนชื้นสูงอย่างประเทศไทย เมื่อเวลาผ่านไปนานหลายปี ความร้อนและความชื้นจะสะสมจนทำให้สารเคมีดังกล่าวเสื่อมสภาพและทำงานผิดเพี้ยนไปจากที่ออกแบบไว้ เมื่อเกิดการชนที่รุนแรงจนถุงลมต้องทำงาน แทนที่ชุดสร้างแรงดันจะพองลมตามปกติ กลับเกิดการระเบิดที่รุนแรงเกินกว่าที่โครงสร้างโลหะของชุดถุงลมจะรับไหว แรงระเบิดมหาศาลนี้จะทำให้ตัวโครงโลหะแตกกระจายเป็นชิ้นส่วนเล็กๆ ที่มีความคมสูง พุ่งทะลุผ่านถุงลมออกมาใส่ใบหน้า หน้าอก หรือลำคอของผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้วยความเร็วสูงเปรียบเสมือนสะเก็ดระเบิด ซึ่งมักจะก่อให้เกิดอาการบาดเจ็บสาหัสหรือเสียชีวิตได้ทันที แม้จะเป็นการชนในระดับที่ไม่รุนแรงมากนักก็ตาม

สำหรับสถานการณ์ในประเทศไทย ค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่หลายรายทั้งจากฝั่งญี่ปุ่น ยุโรป และอเมริกา ต่างเร่งประชาสัมพันธ์ให้เจ้าของรถยนต์รุ่นเก่าที่ผลิตในช่วงปี พ.ศ. 2541 ถึง 2561 เข้ามาตรวจสอบและเปลี่ยนชิ้นส่วนใหม่โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น โดยรถยนต์รุ่นที่เข้าข่ายมีครอบคลุมตั้งแต่รถซีดานยอดนิยม รถกระบะ ไปจนถึงรถอเนกประสงค์หรูหรา ซึ่งในปัจจุบันทางสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยได้ร่วมมือกับกรมการขนส่งทางบกเพื่อเชื่อมโยงข้อมูลรถยนต์ที่ยังไม่ได้แก้ไขเข้ากับระบบการต่อภาษีรถยนต์ประจำปี เพื่อเป็นการแจ้งเตือนเชิงรุกให้ผู้ใช้รถทราบว่ารถของตนกำลังอยู่ในภาวะเสี่ยงภัย และหากปล่อยปละละเลยไว้นานวันเข้า โอกาสที่สารเคมีจะเสื่อมสภาพจนถึงขั้นวิกฤตก็จะยิ่งเพิ่มสูงขึ้นตามอายุการใช้งานของรถ

หากท่านกำลังใช้งานรถยนต์ที่ผลิตในข่วงปีดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นรถมือหนึ่งหรือรถมือสองก็ตาม ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดคือการตรวจสอบหมายเลขตัวถัง 17 หลัก ซึ่งระบุอยู่ในสมุดจดทะเบียนรถหรือแผ่นเพลทในตัวรถ โดยท่านสามารถนำหมายเลขดังกล่าวไปกรอกในช่องทางที่สะดวกที่สุดคือ เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยที่จัดทำขึ้นเพื่อภารกิจนี้โดยเฉพาะ ซึ่งระบบจะแสดงผลทันทีว่ารถของท่านอยู่ในข่ายที่ต้องเข้ารับการแก้ไขหรือไม่ นอกจากช่องทางส่วนกลางแล้ว ค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่ไม่ว่าจะเป็น Honda, Toyota, Nissan, Mitsubishi, Mazda, Ford, BMW หรือ Chevrolet ยังมีเครือข่ายศูนย์บริการหลังการขาย) ต่างก็มีหน้าเว็บตรวจสอบเฉพาะของแต่ละแบรนด์เอง โดยท่านสามารถค้นหาด้วยคำว่า "ตรวจสอบถุงลมนิรภัย" ตามด้วยชื่อยี่ห้อรถในโปรแกรมค้นหาได้ทันที หากพบว่ารถเข้าข่ายต้องเปลี่ยน เจ้าของรถสามารถนัดหมายกับศูนย์บริการมาตรฐานที่ใกล้บ้านที่สุดเพื่อจองคิวเข้ารับการบริการ โดยไม่มีการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น

วิธีเช็กสิทธิ์ว่ารถของคุณต้องเปลี่ยนหรือไม่

ก่อนเดินทางไป แนะนำให้เช็กก่อนว่ารถของคุณอยู่ในข่ายที่ต้องเปลี่ยนถุงลมหรือไม่ โดยเตรียม "หมายเลขตัวถัง (VIN) 17 หลัก" (ดูได้จากสมุดจดทะเบียนรถ หรือแผ่นเพลทหน้ารถ) แล้วตรวจสอบได้

  • เว็บไซต์กลาง www.checkairbag.com (เช็กได้ทุกยี่ห้อ)

ความเสี่ยงจากถุงลมนิรภัยที่ไม่ได้มาตรฐานไม่ใช่เรื่องไกลตัวและไม่ใช่สิ่งที่ควรละเลย แม้เทคโนโลยียานยนต์จะพัฒนาไปไกลเพียงใด แต่หากอุปกรณ์พื้นฐานที่ใช้ในการรักษาชีวิตกลับกลายเป็นแหล่งกำเนิดอันตรายเสียเอง ความอุ่นใจในการขับขี่ก็ย่อมไม่เกิดขึ้น การสละเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงเพื่อนำรถเข้าศูนย์บริการเพื่อเปลี่ยนชุดสร้างแรงดันก๊าซใหม่ที่ได้มาตรฐานจึงเป็นการตัดสินใจที่คุ้มค่าที่สุด การตื่นตัวต่อประกาศเรียกคืนของค่ายรถยนต์จึงเป็นหน้าที่รับผิดชอบที่สำคัญยิ่งของผู้ใช้รถทุกคน เพื่อให้มั่นใจว่าทุกครั้งที่สตาร์ทรถและออกเดินทาง อุปกรณ์ความปลอดภัยทุกชิ้นจะทำหน้าที่ปกป้องชีวิตได้อย่างแท้จริง มิใช่เป็นเพียงวัตถุอันตรายที่รอวันปะทุขึ้นในยามที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน

แชร์
อย่าปล่อยให้ถุงลมกลายเป็น 'เครื่องประหาร'  รีบเช็กก่อนจะดับคาพวงมาลัย