ช่วงฤดูมรสุมของภาคใต้ที่มักมาพร้อมกับปริมาณน้ำฝนที่สูงจนเกิดน้ำท่วมฉับพลัน ทำให้พี่น้องประชาชนผู้ใช้รถยนต์ต้องเผชิญกับความกังวลใจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ว่าในสถานการณ์วิกฤตเช่นนี้ รถจะสามารถขับผ่านเส้นทางที่ถูกตัดขาดไปได้หรือไม่ และความเสียหายต่อรถยนต์จะรุนแรงเพียงใด การประเมินสถานการณ์อย่างมีสติและรู้ขีดจำกัดความสามารถของรถแต่ละประเภท จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่จะช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงการติดค้างหรือเกิดความเสียหายต่อรถในพื้นที่ประสบภัยได้
นี่คือระดับความสูงของน้ำท่วมและข้อควรปฏิบัติสำหรับรถแต่ละประเภท
ระดับความสูงของน้ำและขีดจำกัดของรถ
ระดับน้ำสูง 5-10 เซนติเมตร ขับผ่านได้ทุกคัน
- สถานการณ์ น้ำท่วมขังเล็กน้อย
- ข้อปฏิบัติ รถทุกคันสามารถขับผ่านได้ แต่ควร ลดความเร็วลง เพื่อป้องกันการเสียการทรงตัว เนื่องจากถนนลื่นและน้ำอาจทำให้เกิดอาการเหินน้ำ (Hydroplaning)
ระดับน้ำสูง 10-20 เซนติเมตร รถทุกประเภทยังขับผ่านไปได้
- สถานการณ์ น้ำเริ่มท่วมสูงขึ้น
- ข้อปฏิบัติ รถทุกประเภทสามารถขับผ่านไปได้ แต่ต้องเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ ควรขับช้าๆ และใจเย็น เพื่อลดโอกาสที่น้ำจะกระเด็นเข้าไปในตัวรถหรือห้องเครื่องยนต์
ระดับน้ำสูง 20-40 เซนติเมตร Eco Car ต้องระวัง
- สถานการณ์ น้ำเริ่มถึงท่อไอเสียของรถขนาดเล็ก
- ข้อปฏิบัติรถ Eco Car หรือรถเล็ก ต้องระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากรถถูกออกแบบให้มีความสูงจากพื้นประมาณ 15-17 เซนติเมตร น้ำอาจท่วมถึง ท่อไอเสีย และทำให้เครื่องยนต์มีปัญหาได้ควรขับอย่างต่อเนื่องและช้าๆ ไม่ควรหยุดรถกลางทาง
ระดับน้ำสูง 40-60 เซนติเมตร รถซีดานและรถขนาดเล็กควรเลี่ยง
- สถานการณ์ เป็นระดับที่อันตรายต่อรถซีดานส่วนใหญ่
- ข้อปฏิบัติรถ Eco Car ซีดาน หมดสิทธิ์ขับผ่าน ควรถอยกลับหรือหาเส้นทางอื่นรถกระบะ SUV ยังพอขับผ่านไปได้ แต่ต้อง ปิดเครื่องปรับอากาศ (แอร์) ทันที เพื่อป้องกันไม่ให้พัดลมแอร์หน้ารถดูดละอองน้ำเข้าไปในเครื่องยนต์ ซึ่งอาจทำให้รถดับกลางทางได้ ควรขับให้ช้าที่สุด และระวังคลื่นน้ำจากรถคันอื่นที่สวนมา
ระดับน้ำสูง 60-80 เซนติเมตร อันตรายต่อรถทุกคัน
- สถานการณ์ เป็นอันตรายต่อระบบไฟฟ้าและเครื่องยนต์ของรถทุกประเภท
- ข้อปฏิบัติ ไม่ควรขับฝ่าออกไปไม่ว่าจะเป็นรถกระบะหรือรถยกสูง SUV ก็ตาม เพราะมีความเสี่ยงสูงที่น้ำจะเข้าสู่เครื่องยนต์และระบบสำคัญอื่น ๆ ทำให้เครื่องยนต์ดับกลางทางและเกิดความเสียหายรุนแรง
ข้อควรปฏิบัติเพื่อความปลอดภัยขณะลุยน้ำ
- ปิดแอร์ (เมื่อน้ำเริ่มสูง) ปิดแอร์ทันทีที่ระดับน้ำเกิน 40 เซนติเมตร เพื่อป้องกันพัดลมแอร์ดูดน้ำเข้าไปในเครื่องยนต์
- ขับช้าๆ และต่อเนื่อง รักษาความเร็วให้ต่ำที่สุดและสม่ำเสมอ เพื่อลดการเกิดคลื่นน้ำที่อาจกระเซ็นเข้าสู่เครื่องยนต์หรือท่อไอเสีย
- รักษาระยะห่าง ระวังคลื่นน้ำจากรถคันอื่น โดยเฉพาะรถบรรทุกหรือรถใหญ่ที่สวนมา เพราะคลื่นน้ำเหล่านั้นสามารถยกระดับน้ำให้สูงเกินขีดจำกัดของรถคุณได้
- ย้ำเบรกหลังพ้นน้ำ หลังจากขับผ่านน้ำท่วมมาแล้ว ให้ เหยียบเบรกย้ำๆ หลายครั้ง เพื่อไล่น้ำออกจากระบบเบรกและผ้าเบรก ทำให้ระบบเบรกกลับมาทำงานได้ตามปกติ
ไปต่ออย่างมีสติ
การขับขี่ในช่วงหน้าฝนจำเป็นต้องใช้สมาธิและความระมัดระวังเป็นพิเศษ ทางที่ดีที่สุดคือการหลีกเลี่ยงการขับรถลุยน้ำท่วมที่สูงเกินขีดจำกัดของรถของคุณ โดยเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้าและรถที่มีการโหลดต่ำ (Low Profile)
การประเมินสถานการณ์อย่างถูกต้องและการทำประกันรถยนต์ที่ครอบคลุมความเสียหายจากน้ำท่วม ถือเป็นทางเลือกที่ดีในการลดความกังวลและเพิ่มความสบายใจในการใช้รถช่วงฤดูฝน