การขับรถในสภาพอากาศที่มีหมอกลงจัดอย่างหน้าหนาว ถือเป็นสถานการณ์ที่อันตรายที่สุดอย่างหนึ่งบนท้องถนน หมอกที่หนาทึบสามารถลดทัศนวิสัยในการมองเห็นอย่างรวดเร็วและรุนแรง ทำให้ผู้ขับขี่มองเห็นได้ในระยะที่จำกัดมาก การกะระยะเพื่อหยุดรถหรือประเมินสถานการณ์จึงทำได้ยากและเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุลูกโซ่ได้ง่าย ดังนั้น การมีความรู้และเทคนิคในการรับมือกับม่านหมอกสีขาวนี้อย่างถูกต้อง จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้ใช้รถใช้ถนนทุกคนไม่ควรมองข้าม
เทคนิคสำคัญในการขับขี่ฝ่าม่านหมอก
เพื่อให้การเดินทางผ่านสภาพอากาศที่มีหมอกเป็นไปอย่างปลอดภัย ผู้ขับขี่ต้องปรับพฤติกรรมการขับขี่และใช้อุปกรณ์ของรถอย่างถูกวิธี โดยแบ่งเป็นข้อปฏิบัติหลัก ๆ ดังนี้
การควบคุมความเร็วและระยะห่าง
หลักการพื้นฐานที่สำคัญที่สุดคือ การชะลอความเร็ว ความเร็วที่เหมาะสมคือความเร็วที่ผู้ขับขี่สามารถหยุดรถได้อย่างปลอดภัย ภายในระยะทางที่มองเห็นได้จริง บนถนน
- ลดความเร็วลงทันที ควรลดความเร็วลงอย่างมากจากปกติ และไม่ควรขับด้วยความเร็วคงที่เหมือนสภาวะปกติ เพื่อให้มีเวลาตอบสนองต่อสิ่งกีดขวางหรือรถคันอื่นที่อาจเบรก
- เพิ่มระยะห่างจากรถคันหน้า ควรเว้นระยะห่างจากรถคันหน้าให้มากขึ้นเป็นสองเท่าหรือมากกว่าปกติ เพราะหมอกทำให้ผู้ขับขี่ตอบสนองช้าลง และพื้นถนนอาจเปียกชื้น
- หลีกเลี่ยงการเบรกกะทันหัน หากจำเป็นต้องลดความเร็ว ควรแตะเบรกเบา ๆ เป็นจังหวะ เพื่อส่งสัญญาณไฟเบรกเตือนไปยังรถคันหลังให้ทราบว่ากำลังจะชะลอความเร็ว
- เพิ่มสมาธิให้เต็มที่ ปิดเครื่องเสียงและปิดโทรศัพท์มือถือ เพื่อให้ทุกประสาทสัมผัสรับรู้ถึงสภาพแวดล้อมภายนอกรถอย่างเต็มที่ และจ้องมองไปข้างหน้าเพื่อค้นหาสัญญาณไฟหรือขอบทาง
การใช้แสงสว่างอย่างถูกต้อง
ไฟส่องสว่างเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้เรามองเห็น และที่สำคัญกว่าคือช่วยให้รถคันอื่น มองเห็นเรา การใช้ไฟผิดประเภทจะยิ่งทำให้การมองเห็นแย่ลง
- ใช้ไฟต่ำคู่กับไฟตัดหมอก ให้เปิดใช้ ไฟต่ำ และ ไฟตัดหมอกหน้า แสงสีขาวหรือเหลืองอ่อนของไฟต่ำจะส่องผ่านหมอกได้ดีกว่าไฟสูง
- ห้ามใช้ไฟสูงเด็ดขาด การเปิดใช้ไฟสูงจะทำให้แสงไฟสะท้อนกลับมาจากละอองน้ำในหมอกอย่างรุนแรง ทำให้เกิดเป็นม่านสีขาวที่แยงตาผู้ขับขี่และลดทัศนวิสัยลงไปอีก
- ใช้ไฟตัดหมอกหลังเมื่อทัศนวิสัยต่ำกว่า 50 เมตร ไฟตัดหมอกหลังมีไว้เพื่อให้รถคันที่ตามมาทราบตำแหน่งของเรา ควรเปิดใช้เมื่อหมอกลงจัดจริง ๆ และที่สำคัญคือต้อง ปิดทันที เมื่อหมอกเริ่มจางลง เพื่อไม่ให้แสงสีแดงจ้ารบกวนสายตาของผู้ขับขี่รถคันหลัง
ข้อควรปฏิบัติและข้อห้ามอื่น ๆ
- มองตามเส้นแบ่งเลนหรือขอบทาง ให้ใช้เส้นแบ่งเลนสีขาวหรือขอบทางเป็นแนวทางในการขับขี่ แทนการมองไปยังรถคันหน้าโดยตรง เพื่อป้องกันการขับตามจนชน
- ใช้ที่ปัดน้ำฝนและไล่ฝ้า หมอกอาจกลั่นตัวเป็นหยดน้ำเกาะที่กระจกหน้ารถ ทำให้ทัศนวิสัยแย่ลงไปอีก ควรเปิดใช้ที่ปัดน้ำฝน และระบบไล่ฝ้าด้านหน้าและด้านหลังเพื่อรักษาความใสของกระจก
- ห้ามเปิดไฟฉุกเฉินขณะขับขี่ ไม่ควรเปิดไฟฉุกเฉินตลอดเวลาขณะขับรถฝ่าหมอก เพราะจะทำให้รถคันหลังสับสน ไม่รู้ว่ารถเรากำลังจะเลี้ยวหรือจอด ควรใช้ไฟฉุกเฉินเฉพาะเมื่อต้องจอดฉุกเฉินอยู่ข้างทางเท่านั้น
- ห้ามแซงเด็ดขาด หลีกเลี่ยงการแซงรถคันอื่น เนื่องจากไม่สามารถประเมินระยะห่างของรถที่สวนทางมาได้อย่างถูกต้องแม่นยำ
การขับขี่รถฝ่าหมอกต้องอาศัยความระมัดระวังเป็นพิเศษและความเข้าใจในการใช้อุปกรณ์ของรถอย่างถูกต้อง ชะลอความเร็ว และ เพิ่มระยะห่าง คือหัวใจหลัก ควบคู่ไปกับการใช้ ไฟต่ำ และ ไฟตัดหมอก อย่างถูกวิธี การหลีกเลี่ยงการใช้ไฟสูงและการใช้ไฟฉุกเฉินอย่างเหมาะสม จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ และทำให้ผู้ขับขี่สามารถผ่านพ้นสภาพอากาศที่อันตรายนี้ไปได้อย่างปลอดภัยและอุ่นใจตลอดการเดินทาง