Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
ทำไม "ปุ่ม" ในรถยนต์ถึงลดลงเรื่อย ๆ และทำไมบางคนถึงไม่ชอบ

ทำไม "ปุ่ม" ในรถยนต์ถึงลดลงเรื่อย ๆ และทำไมบางคนถึงไม่ชอบ

16 ต.ค. 68
16:00 น.
แชร์

รถยนต์ในอดีตเปรียบเสมือนห้องนักบินขนาดเล็กที่เต็มไปด้วย ปุ่ม สวิตช์ และลูกบิด สำหรับควบคุมฟังก์ชันต่างๆ แต่ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา โดยเฉพาะกับการมาของรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ดีไซน์ภายในได้เปลี่ยนไปสู่ความเรียบง่ายแบบสุดขั้ว โดยย้ายการควบคุมเกือบทั้งหมดไปไว้บนหน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่ (Touch screen) ที่อยู่ตรงกลางคอนโซล

นี่คือการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของการออกแบบห้องโดยสาร ซึ่งแม้จะดูทันสมัยและเรียบหรู แต่ในทางปฏิบัติและทางด้านความปลอดภัย มันกำลังนำมาซึ่งความท้าทายที่ร้ายแรงต่อผู้ขับขี่ทุกคน

สาเหตุที่ผู้ผลิตเลือกหน้าจอสัมผัส

เบื้องหลังการตัดสินใจครั้งใหญ่ที่ยกเลิกปุ่มจริง ๆ (Physical Controls) มาใช้หน้าจอสัมผัสเกือบทั้งหมด มีเหตุผลหลัก ๆ ดังนี้

  • ความทันสมัยและสุนทรียศาสตร์ (Aesthetics & Modernity) ในยุคที่ผู้บริโภคคุ้นเคยกับสมาร์ทโฟน การออกแบบที่ดูสะอาดตา (Minimalist) และเน้นจอภาพขนาดใหญ่ทำให้รถดู "พรีเมียม" และ "ล้ำยุค" ในสายตาของผู้ซื้อทันที
  • ความยืดหยุ่นในการอัปเดตซอฟต์แวร์ (Software Flexibility) การควบคุมด้วยซอฟต์แวร์ทำให้ผู้ผลิตสามารถแก้ไขปัญหา เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ๆ หรือเปลี่ยนอินเทอร์เฟซได้ง่ายผ่านการอัปเดตแบบ Over-the-Air (OTA) โดยไม่ต้องเปลี่ยนฮาร์ดแวร์เลย
  • การประหยัดต้นทุน (Cost Efficiency) ปุ่มและสวิตช์แบบดั้งเดิมต้องใช้แม่พิมพ์ ชิ้นส่วนกลไก และการประกอบที่ซับซ้อนและมีราคาแพง การใช้แผงวงจรเพียงชุดเดียวควบคุมทุกฟังก์ชันผ่านหน้าจอสัมผัสจึงช่วยลดต้นทุนการผลิตจำนวนมากได้

อันตรายที่ซ่อนอยู่ในความล้ำยุค

สำหรับผู้ขับขี่ หน้าจอสัมผัสได้เปลี่ยนพฤติกรรมการใช้งานที่เคยเป็นธรรมชาติและรวดเร็ว ให้กลายเป็นการกระทำที่เพิ่มความเสี่ยงบนท้องถนนอย่างมาก

ปัญหาการละสายตาจากถนน

การควบคุมที่ง่ายที่สุดกลายเป็นเรื่องซับซ้อนบนหน้าจอ

  • ปุ่มจริง (Physical Button) คุณสามารถ "คลำหา" ปุ่มปรับระดับเสียง หรือปุ่มเปิดแอร์ได้ โดยไม่ต้องมอง (Blind Operation) ด้วยความจำของกล้ามเนื้อ (Muscle Memory)
  • หน้าจอสัมผัส (Touchscreen) คุณจำเป็นต้อง มอง (Look) ที่หน้าจอเพื่อหาไอคอนที่ต้องการ เล็ง (Target) จุดนั้น และ แตะ (Tap) หรือ ปัด (Swipe) เพื่อสั่งการกระบวนการนี้อาจใช้เวลาเพียง 2-3 วินาที แต่ในขณะขับรถด้วยความเร็ว 100 กม./ชม. นั่นหมายถึงรถเคลื่อนที่ไปแล้วกว่า 50-80 เมตร โดยที่ผู้ขับขี่ไม่ได้มองถนนเลย

งานวิจัยหลายชิ้น รวมถึงการทดสอบของสถาบันความปลอดภัยบนทางหลวงของสวีเดน (Trafikverket) ได้ยืนยันว่า การใช้หน้าจอสัมผัสในการควบคุมฟังก์ชันพื้นฐาน เช่น การปรับเครื่องปรับอากาศหรือการเปิดเครื่องไล่ฝ้า ใช้เวลานานกว่าการใช้ปุ่มจริงถึง 3-4 เท่า

การขาดการตอบสนองด้วยสัมผัส

เมื่อเรากดปุ่มกลไก เราจะได้รับ การตอบสนองเชิงสัมผัส (Tactile Feedback) ทันทีเป็น "เสียงคลิก" หรือ "ความรู้สึกกดจม" ที่ยืนยันว่าคำสั่งได้ถูกส่งไปแล้ว ทำให้ผู้ขับขี่มั่นใจและกลับไปมองถนนได้ทันที

แต่การแตะหน้าจอสัมผัสให้การตอบสนองที่คลุมเครือกว่า (ส่วนใหญ่เป็นเพียงการสั่นหรือเสียงบี๊บ) ทำให้ผู้ขับขี่ต้อง เหลือบมอง เพื่อยืนยันว่าไอคอนบนหน้าจอได้เปลี่ยนสถานะแล้วจริง ๆ ซึ่งเป็นการเพิ่มความจำเป็นในการละสายตาโดยไม่จำเป็น

ความไม่เสถียรของระบบดิจิทัล

ปุ่มและลูกบิดทั่วไปทำงานได้เสมอ ไม่ว่าจะเปิดเครื่องหรือไม่ก็ตาม แต่ระบบหน้าจอสัมผัสนั้น

  • การบูทเครื่อง (Boot-up time) ต้องใช้เวลาระบบในการโหลดก่อนจึงจะใช้งานฟังก์ชันบางอย่างได้ หากคุณต้องรีบเปิดระบบไล่ฝ้าในวันที่ฝนตกหนัก คุณอาจต้องรอ 30-60 วินาที
  • อาการค้าง/หน่วง (Lagging) เช่นเดียวกับสมาร์ทโฟน ระบบอาจหน่วงหรือค้างได้ ทำให้การสั่งการที่รวดเร็วเป็นไปไม่ได้

ทางออกเพื่อความปลอดภัยที่สมดุล

การออกแบบภายในรถที่เน้นความปลอดภัยควรต้องหาจุดสมดุลระหว่างความล้ำสมัยกับการใช้งานจริง ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยส่วนใหญ่แนะนำว่ารถยนต์ยังควรมีปุ่มจริงสำหรับการควบคุมฟังก์ชันที่สำคัญและต้องเข้าถึงได้รวดเร็ว ดังนี้

  • ปุ่มควบคุมสภาพอากาศ การปรับอุณหภูมิ, การปรับพัดลม, และการเปิด/ปิดเครื่องไล่ฝ้า ควรเป็นปุ่มที่ใช้มือคลำหาได้ง่าย
  • ปุ่มควบคุมสื่อ ปุ่มปรับระดับเสียง (Volume Knob) และปุ่มเปลี่ยนเพลง/สถานี (Skip Track) ควรเป็นปุ่มบิดหรือปุ่มแข็งที่ใช้งานได้โดยไม่ต้องมอง
  • ปุ่มความปลอดภัยฉุกเฉิน ไฟฉุกเฉิน (Hazard Lights), ระบบช่วยจอด (Parking Assist) และระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ (ADAS) ควรมีปุ่มแยกที่เด่นชัดและเข้าถึงได้ทันที เพื่อลดความสับสนในสถานการณ์คับขัน

การออกแบบที่ดีที่สุดคือการรวมเอาเทคโนโลยีจอภาพมาใช้แสดงข้อมูลและฟังก์ชันรอง ๆ ขณะที่ยังคงรักษาปุ่มกายภาพสำหรับการสั่งการที่สำคัญ ซึ่งเป็นปรัชญาที่หลายบริษัทกลับมาให้ความสำคัญมากขึ้น หลังจากได้รับเสียงวิจารณ์จากผู้ใช้งานจริงและหน่วยงานด้านความปลอดภัย

แชร์
ทำไม "ปุ่ม" ในรถยนต์ถึงลดลงเรื่อย ๆ และทำไมบางคนถึงไม่ชอบ