Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
ข้อถกเถียงเรื่องแบตเสื่อม ชาร์จมือถือในรถยนต์ปลอดภัยจริงหรือแค่ข่าวลือ

ข้อถกเถียงเรื่องแบตเสื่อม ชาร์จมือถือในรถยนต์ปลอดภัยจริงหรือแค่ข่าวลือ

30 ก.ย. 68
12:00 น.
แชร์

การชาร์จโทรศัพท์มือถือในรถยนต์กลายเป็นกิจวัตรประจำวันของคนยุคใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการใช้พอร์ต USB ที่มากับรถ, ที่จุดบุหรี่, หรือแท่นชาร์จไร้สาย แต่คำถามที่ค้างคาใจหลายคนก็คือ "การชาร์จมือถือในรถยนต์ จะทำให้แบตเตอรี่มือถือเสื่อมเร็วกว่าปกติหรือไม่?"

ข้อสงสัยนี้ไม่ใช่เรื่องไร้สาระ เพราะความจริงแล้วการชาร์จในรถมีความแตกต่างและมีปัจจัยเสี่ยงบางอย่างที่ทำให้แบตเตอรี่โทรศัพท์ทำงานหนักขึ้น บทความนี้จะเจาะลึกถึงหลักการทำงาน ความเสี่ยง และข้อควรปฏิบัติที่ถูกต้องในการชาร์จมือถือในยานพาหนะ

หลักการทำงาน พลังงานในรถยนต์ไม่เหมือนไฟบ้าน

เมื่อคุณชาร์จมือถือด้วยไฟบ้าน (AC) ผ่านอะแดปเตอร์ คุณจะได้พลังงานที่ค่อนข้าง เสถียร (Stable) และ สะอาด (Clean Power) เพราะอะแดปเตอร์จะทำหน้าที่แปลงไฟจาก 220V ให้เป็นไฟ DC 5V (หรือมากกว่า) ที่จ่ายไฟได้อย่างราบรื่น

แต่พลังงานในรถยนต์นั้นมาจาก แบตเตอรี่รถยนต์ และ ไดชาร์จ (Alternator) ซึ่งมีความผันผวนสูงกว่ามาก

  • แรงดันไฟฟ้าไม่คงที่ เมื่อคุณสตาร์ทเครื่องยนต์ หรือเมื่อไดชาร์จทำงาน แรงดันไฟฟ้าในรถยนต์ (ประมาณ 12V-14V) อาจเกิดการแกว่งตัวหรือมี "สัญญาณรบกวน" (Noise) หากที่ชาร์จหรือพอร์ต USB ที่คุณใช้ไม่มีคุณภาพเพียงพอในการกรองและปรับเสถียรภาพของไฟก่อนส่งเข้ามือถือ ชิปควบคุมการชาร์จ ภายในโทรศัพท์จะต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อรับมือกับไฟที่ขึ้นลงไม่สม่ำเสมอ ซึ่งอาจนำไปสู่ความร้อนสะสมและการเสื่อมสภาพของแบตเตอรี่ในระยะยาว
  • กำลังไฟไม่เพียงพอ พอร์ต USB ที่ติดตั้งมาจากโรงงานในรถยนต์รุ่นเก่า มักจะจ่ายไฟได้เพียง 0.5A ถึง 1.0A เท่านั้น ซึ่งต่ำกว่ามาตรฐานการชาร์จเร็วสมัยใหม่อย่างมาก (ซึ่งต้องการ 2A ขึ้นไป) การชาร์จด้วยกระแสไฟที่ต่ำเกินไปไม่ได้ทำให้แบตเตอรี่เสื่อมโดยตรง แต่จะทำให้เกิด ความร้อนสะสม ได้ง่าย โดยเฉพาะหากคุณเปิดแอปพลิเคชันนำทาง (GPS) หรือใช้ข้อมูลมือถือไปพร้อม ๆ กัน เพราะแบตเตอรี่ต้องทำงานไปพร้อมกับการชาร์จที่ช้ามาก

ปัจจัยหลักที่ทำให้แบตเตอรี่ "เสื่อมไว" เมื่อชาร์จในรถ

แม้การชาร์จในรถจะไม่ได้เป็น "ภัยร้าย" ต่อแบตเตอรี่เสมอไป แต่ปัจจัยแวดล้อมต่อไปนี้คือตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดการเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ

ความร้อนสูง (The Heat Factor)

นี่คือปัจจัยอันตรายที่สุด หากคุณวางโทรศัพท์ไว้บนคอนโซลรถขณะชาร์จในวันที่อากาศร้อนจัด หรือชาร์จมือถือที่ใช้ แท่นชาร์จไร้สาย (Wireless Charger) ในรถยนต์ โดยเฉพาะแบบที่ไม่มีพัดลมระบายความร้อน การสะสมความร้อนจากแสงแดดภายนอก + ความร้อนที่เกิดจากการชาร์จ + ความร้อนที่เกิดจากการทำงานของ GPS/แอปพลิเคชัน จะทำให้ อุณหภูมิภายในโทรศัพท์พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน (Li-ion) นั้นอ่อนไหวต่อความร้อนมาก ความร้อนสูงคือศัตรูอันดับหนึ่งที่เร่งให้ความสามารถในการเก็บประจุของแบตเตอรี่ลดลงอย่างถาวร

คุณภาพของอุปกรณ์ชาร์จ (The Cheap Charger Risk)

การใช้ อะแดปเตอร์เสียบที่จุดบุหรี่ (Car Charger) หรือสายชาร์จที่ไม่ได้มาตรฐานและราคาถูก อาจนำมาซึ่งความเสี่ยงสูง เพราะอุปกรณ์เหล่านี้มักมีระบบป้องกันกระแสไฟกระชาก และวงจรควบคุมแรงดันไฟฟ้าที่ด้อยคุณภาพ เมื่อรถเกิดการกระชากไฟ (เช่น เปิดแอร์ทันที หรือเหยียบเบรกแรง ๆ) อะแดปเตอร์คุณภาพต่ำจะไม่สามารถกรองไฟที่ผิดปกติได้ทัน ทำให้กระแสไฟหรือแรงดันที่ผันผวนส่งตรงเข้าสู่มือถือ ซึ่งอาจสร้างความเสียหายต่อชิปการชาร์จและแบตเตอรี่โดยตรง

ชาร์จขณะสตาร์ทและดับเครื่องยนต์ (The Startup Spikes)

ในช่วงที่คุณ สตาร์ทเครื่องยนต์ หรือ ดับเครื่องยนต์ เป็นช่วงที่ระบบไฟฟ้าของรถยนต์เกิดความผันผวนของแรงดันไฟฟ้าสูงสุด (Voltage Spikes) การเสียบชาร์จมือถือในช่วงเวลาดังกล่าวเป็นความเสี่ยงที่ทำให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ได้รับแรงดันไฟฟ้าที่ผิดปกติในเสี้ยววินาที

วิธีชาร์จมือถือในรถอย่างปลอดภัยและถนอมแบตฯ

เพื่อให้คุณสามารถชาร์จมือถือในรถได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องแบตเตอรี่เสื่อมไว ควรปฏิบัติตามหลักการง่าย ๆ เหล่านี้

  • ลงทุนในอุปกรณ์คุณภาพสูง เลือกใช้อะแดปเตอร์ในรถยนต์ (Car Charger) ที่มีคุณภาพและได้มาตรฐาน โดยเฉพาะยี่ห้อที่เชื่อถือได้ และรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็วของมือถือคุณ (เช่น PD หรือ QC) เพื่อให้แน่ใจว่ามีการควบคุมแรงดันไฟฟ้าที่ดี
  • ระบายความร้อนให้ดีที่สุด ห้ามวางมือถือไว้บนคอนโซลรถหรือบริเวณที่มีแดดส่อง ขณะชาร์จหากเป็นไปได้ ให้ชาร์จมือถือโดยวางไว้ในช่องเก็บของ หรือบริเวณที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก
  • หลีกเลี่ยงการใช้พอร์ต USB เก่า หากพอร์ต USB ในรถของคุณจ่ายไฟต่ำกว่า 1A ควรหลีกเลี่ยงการใช้งานเพื่อชาร์จ แต่ให้ใช้เฉพาะอะแดปเตอร์ที่จุดบุหรี่คุณภาพดีแทน
  • ถอดสายชาร์จขณะสตาร์ท/ดับเครื่อง ควรเสียบสายชาร์จหลังจากที่คุณสตาร์ทเครื่องยนต์เรียบร้อยแล้ว และถอดสายออกก่อนที่คุณจะดับเครื่องยนต์ เพื่อป้องกันการเกิด Voltage Spikes ที่อาจเป็นอันตราย

การชาร์จมือถือในรถยนต์ไม่ได้ทำให้แบตเตอรี่เสื่อมไวโดยอัตโนมัติ แต่ ปัจจัยด้านความร้อนและคุณภาพของอุปกรณ์ชาร์จ ต่างหากที่เป็นตัวการเร่งให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพเร็วขึ้น หากคุณมั่นใจว่าใช้อุปกรณ์ชาร์จที่มีคุณภาพดี และจัดการไม่ให้โทรศัพท์ร้อนจัด การชาร์จในรถก็ถือว่าปลอดภัยและสะดวกสบายสำหรับชีวิตประจำวันของคุณครับ

แชร์
ข้อถกเถียงเรื่องแบตเสื่อม ชาร์จมือถือในรถยนต์ปลอดภัยจริงหรือแค่ข่าวลือ