การแต่งรถในสไตล์ "ล้อแบะ" หรือที่เรียกในภาษาช่างว่า การปรับมุมแคมเบอร์ (Camber) ให้เป็นลบ (Negative Camber) และการ "อมยาง" หรือ "ยางดึง" (Stretched Tire) คือการใช้ยางที่มีหน้าแคบกว่าขนาดของล้อแม็กที่ติดตั้งอยู่ จนทำให้แก้มยางถูกดึงให้ตึงและเฉียงออกเล็กน้อยเพื่อโอบรับขอบล้อ ซึ่งการแต่งสไตล์นี้มักทำควบคู่ไปกับการโหลดรถให้เตี้ยลงเพื่อความสวยงาม
ล้อแบะ อมยาง คืออะไร?
- ล้อแบะ (Negative Camber) เป็นการปรับมุมล้อให้ด้านบนของยางหุบเข้าหาตัวถังรถ และด้านล่างของยางกางออก ทำให้มองจากด้านหน้าหรือด้านหลังจะเห็นว่าล้อเอียง "แบะ" ออกจากแนวตั้งฉากกับพื้นถนน การปรับมุมนี้มักทำเพื่อไม่ให้ยางติดซุ้มล้อเมื่อโหลดเตี้ยลง
- อมยาง (Stretched Tire) คือการเลือกใช้ยางที่มีความกว้างหน้ายางน้อยกว่าความกว้างของล้อแม็ก (เช่น ล้อกว้าง 9 นิ้ว แต่ใช้ยางขนาด 215 มม.) ทำให้แก้มยางถูกดึงให้ตึงและเอียงจนดูเหมือน "โอบ" ขอบล้อไว้ ซึ่งเป็นสไตล์การแต่งที่นิยมในกลุ่มรถที่ต้องการความโดดเด่นและดูสปอร์ตเป็นพิเศษ
ข้อดีและประโยชน์ของการแต่งล้อแบะ อมยาง
แม้จะดูเหมือนเป็นการแต่งเพื่อความสวยงามเป็นหลัก แต่การปรับมุมแคมเบอร์และการอมยางก็มีผลต่อสมรรถนะของรถในบางแง่มุม
- หลบซุ้มล้อ นี่คือเหตุผลหลักที่คนส่วนใหญ่ทำ เพื่อให้สามารถโหลดรถให้เตี้ยลงและใส่ล้อแม็กที่มีออฟเซ็ตลึกหรือกว้างได้โดยที่ยางไม่ไปเบียดหรือเสียดสีกับซุ้มล้อ
- เพิ่มการยึดเกาะขณะเข้าโค้ง ในทางทฤษฎี การปรับมุมแคมเบอร์ลบจะช่วยให้หน้ายางมีพื้นที่สัมผัสกับพื้นผิวถนนได้เต็มที่มากขึ้นในขณะที่เข้าโค้งด้วยความเร็วสูง ทำให้การยึดเกาะถนนและการควบคุมรถทำได้ดีขึ้น
- ความสวยงามและสไตล์ ปฏิเสธไม่ได้ว่าการแต่งสไตล์นี้ช่วยเสริมให้รถดูดุดันและโดดเด่น เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ดึงดูดสายตาผู้คนบนท้องถนน
ข้อเสียและความเสี่ยงที่ต้องเจอ
การแต่งล้อแบะ อมยาง มีข้อเสียและความเสี่ยงที่ควรพิจารณาอย่างถี่ถ้วน โดยเฉพาะในแง่ของความปลอดภัยและการใช้งานจริง
- ยางสึกหรอไม่สม่ำเสมอ นี่คือข้อเสียที่ชัดเจนที่สุด ยางจะสึกหรอเฉพาะบริเวณด้านในมากกว่าด้านนอก เพราะหน้ายางสัมผัสกับพื้นถนนไม่เต็มที่ ทำให้ต้องเปลี่ยนยางบ่อยขึ้นและมีค่าใช้จ่ายสูง
- การขับขี่บนทางตรงไม่มั่นคง เมื่อวิ่งบนถนนทางตรง หน้าสัมผัสของยางจะน้อยลง ทำให้การยึดเกาะถนนลดลงไปด้วย ส่งผลให้รถมีอาการเลื้อยหรือขับไม่นิ่งเท่าที่ควร
- ลูกปืนล้อและชิ้นส่วนช่วงล่างเสื่อมเร็ว การปรับมุมล้อให้แบะออกจะสร้างภาระให้กับลูกปืนล้อและอุปกรณ์ช่วงล่างต่างๆ มากขึ้น ทำให้ชิ้นส่วนเหล่านี้มีอายุการใช้งานสั้นลง
- ความนุ่มนวลลดลง การอมยางทำให้แก้มยางที่ควรจะเป็นตัวซับแรงกระแทกจากถนนทำหน้าที่ได้ไม่เต็มที่ เมื่อเจอลูกระนาดหรือหลุมบ่อจะรู้สึกกระด้างและแข็งกระด้างมากขึ้น
- อันตรายเมื่อเกิดอุบัติเหตุ หากเกิดการกระแทกแรงๆ แก้มยางที่ถูกดึงจนตึงมีความเสี่ยงที่จะระเบิดหรือหลุดจากขอบล้อได้ง่ายกว่ายางปกติ ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต
แต่งรถสไตล์นี้อาจมีโทษที่ได้รับ
ตามหลักกฎหมายของกรมการขนส่งทางบกและ พ.ร.บ.รถยนต์ การแต่งรถแบบ "ล้อแบะ" หรือ "อมยาง" ถือเป็นการดัดแปลงสภาพรถที่ ผิดกฎหมาย เนื่องจากมีลักษณะที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้อื่นบนท้องถนนได้
เหตุผลที่ผิดกฎหมาย
กฎหมายไม่ได้ระบุไว้เป็นตัวเลขว่าล้อจะแบะได้กี่องศา หรือต้องอมยางขนาดไหน แต่มีหลักเกณฑ์สำคัญที่เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้พิจารณาคือ
- ล้อยื่นออกนอกตัวถัง กฎหมายกำหนดให้ล้อและยางรถยนต์จะต้องไม่ยื่นล้ำออกไปจากแนว บังโคลน หรือ ซุ้มล้อ เดิมของตัวรถ หากมีการดัดแปลงจนล้อล้นออกมาอย่างชัดเจน จะถือว่าเป็นการดัดแปลงสภาพรถที่ผิดกฎหมาย เพราะอาจทำให้เศษหินหรือวัตถุต่างๆ กระเด็นไปโดนรถคันอื่น หรือเกิดอันตรายต่อผู้ร่วมทางได้
- ดัดแปลงส่วนควบ การปรับมุมแคมเบอร์ (ล้อแบะ) หรือการใช้ยางที่มีขนาดหน้าแคบกว่าล้อ (อมยาง) เป็นการเปลี่ยนแปลงส่วนประกอบของรถที่อาจส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพการขับขี่ ซึ่งถือเป็นการดัดแปลงสภาพรถที่แตกต่างไปจากที่จดทะเบียนไว้
หากถูกเจ้าหน้าที่เรียกตรวจสอบและพบว่ารถมีการดัดแปลงในลักษณะดังกล่าว อาจเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ. 2522 มาตรา 12 ฐาน "เปลี่ยนแปลงส่วนหนึ่งส่วนใดของรถให้ผิดไปจากรายการที่จดทะเบียนไว้" โดยมีโทษ ปรับไม่เกิน 2,000 บาท
แม้การแต่งรถแบบล้อแบะ อมยาง จะเป็นที่นิยมในกลุ่มคนรักรถเพื่อความสวยงามและเอกลักษณ์ แต่ในทางกฎหมายถือว่ามีความผิด และยังมีความเสี่ยงด้านความปลอดภัยในการขับขี่อีกด้วย
การแต่งรถด้วยสไตล์ "ล้อแบะ อมยาง" เป็นเรื่องของรสนิยมและความชอบส่วนบุคคลที่เน้นไปที่ความสวยงามและสไตล์เป็นหลัก ส่วนในเรื่องของสมรรถนะและความปลอดภัยถือเป็นเรื่องรองที่ต้องแลกมาด้วยความเสี่ยง ดังนั้น หากคุณกำลังคิดจะแต่งรถในสไตล์นี้ ควรศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดและยอมรับถึงข้อเสียที่อาจตามมาได้ เพื่อให้รถของคุณยังคงใช้งานได้อย่างปลอดภัย