Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
สองล้อแห่งสนามรบ มอเตอร์ไซค์ก็มีบทบบาท "คู่ใจ" ผู้ส่งสารในสงครามโลก

สองล้อแห่งสนามรบ มอเตอร์ไซค์ก็มีบทบบาท "คู่ใจ" ผู้ส่งสารในสงครามโลก

27 ก.ค. 68
12:00 น.
แชร์

ก่อนสงคราม มอเตอร์ไซค์ถูกมองว่าเป็นยานพาหนะสำหรับผู้มีอันจะกิน หรือใช้สำหรับการแข่งขันกีฬา แต่เมื่อโลกก้าวเข้าสู่ความขัดแย้งระดับโลก กองทัพต่างๆ เริ่มตระหนักถึงศักยภาพของมันในฐานะเครื่องมือทางทหารที่รวดเร็ว คล่องตัว และประหยัดเชื้อเพลิง เหนือกว่าม้าซึ่งเคยเป็นพาหนะหลักสำหรับการสื่อสารและการลาดตระเวน

ในสงครามโลกครั้งที่ 1 ซึ่งเริ่มต้นขึ้นในปี 1914 ได้นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในยุทธวิธีการรบ เทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น รถถัง เครื่องบิน และอาวุธเคมี ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญ แต่ท่ามกลางการพัฒนายุทโธปกรณ์ขนาดใหญ่ มียานพาหนะสองล้อชนิดหนึ่งที่เงียบเชียบแต่ทรงประสิทธิภาพ ได้พิสูจน์คุณค่าของมันในแนวหน้า นั่นคือ "มอเตอร์ไซค์"

จากหลังม้าสู่สองล้อ การเปลี่ยนผ่านทางยุทธวิธี

ในยุคก่อนมอเตอร์ไซค์ ทหารม้าและผู้ส่งสารมักใช้ม้าในการเคลื่อนที่และส่งข้อมูล แต่ในสภาพสนามรบที่เต็มไปด้วยโคลน หลุมเพลาะ และลวดหนาม ม้าไม่สามารถทำภารกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพเท่าที่ควร มอเตอร์ไซค์จึงเข้ามาเติมเต็มช่องว่างนี้ ด้วยความสามารถในการเข้าถึงพื้นที่แคบๆ เคลื่อนที่ไปบนถนนที่ขรุขระ และหลบเลี่ยงการถูกตรวจจับได้ง่ายกว่าขบวนม้าขนาดใหญ่

บทบาทที่โดดเด่นที่สุดของมอเตอร์ไซค์คือการเป็นพาหนะของ "ผู้ส่งสาร" (Dispatch Riders) ในยุคที่วิทยุสื่อสารยังไม่แพร่หลายและไม่น่าเชื่อถือเท่าที่ควร การส่งคำสั่ง ข่าวกรอง รายงาน และเอกสารสำคัญจากกองบัญชาการไปยังแนวหน้าและหน่วยรบต่างๆ เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง ผู้ส่งสารที่ขับขี่มอเตอร์ไซค์สามารถเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็วผ่านแนวหลังไปยังสนามเพลาะ ลดเวลาในการส่งสารลงได้อย่างมหาศาล และเป็นเส้นเลือดสำคัญในการไหลเวียนของข้อมูลที่แม่นยำและทันท่วงที

นอกจากนี้ มอเตอร์ไซค์ยังถูกใช้ในภารกิจ "การลาดตระเวน" (Reconnaissance) เพื่อสำรวจพื้นที่ ตรวจสอบตำแหน่งของศัตรู และเก็บข้อมูลเกี่ยวกับสภาพภูมิประเทศ ด้วยความคล่องตัว ผู้ขับขี่สามารถเข้าถึงพื้นที่ที่ยานพาหนะขนาดใหญ่ไม่สามารถทำได้ ทำให้ได้ข้อมูลเชิงลึกที่มีค่าต่อการวางแผนการรบ

บางครั้ง มอเตอร์ไซค์ยังถูกปรับแต่งเพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะ เช่น การติดตั้งปืนกลไว้ที่ "รถพ่วงข้าง" (sidecar) เพื่อสร้างเป็น "หน่วยปืนกลเคลื่อนที่" (Motorcycle Machine Gun Sections - MMGS) ซึ่งให้การสนับสนุนการยิงที่รวดเร็วและเคลื่อนที่ได้ มีประโยชน์ในการโจมตีแบบฉับพลัน หรือการคุ้มกันการถอยทัพ

จักรยานยนต์รุ่นเด่นแห่งสมรภูมิ

สงครามโลกครั้งที่ 1 เป็นช่วงเวลาที่ผู้ผลิตมอเตอร์ไซค์จำนวนมากจากหลายประเทศได้ร่วมมือกับกองทัพเพื่อจัดหายานพาหนะเหล่านี้ นี่คือบางรุ่นที่โดดเด่นและมีบทบาทสำคัญ

  • Triumph Model H (อังกฤษ) ฉายา "Trusty" หรือ "น่าเชื่อถือ" ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย Triumph Model H เป็นมอเตอร์ไซค์ที่ถูกผลิตเพื่อการใช้งานทางทหารมากที่สุดรุ่นหนึ่งของกองทัพอังกฤษ ด้วยเครื่องยนต์สูบเดียวขนาด 550 ซีซี และระบบเกียร์ที่ทนทาน ทำให้มันเป็นที่พึ่งพาได้ในสภาพแวดล้อมที่โหดร้าย มีการผลิตมากกว่า 30,000 คันในระหว่างสงคราม ทำให้เป็นสัญลักษณ์ของมอเตอร์ไซค์ในสงครามโลกครั้งที่ 1 อย่างแท้จริง
  • Douglas (อังกฤษ) อีกหนึ่งผู้ผลิตสัญชาติอังกฤษที่กองทัพนิยมใช้ Douglas ผลิตมอเตอร์ไซค์หลายรุ่น โดยเฉพาะรุ่น 2 3/4 แรงม้า และ 4 แรงม้า ซึ่งมีเครื่องยนต์แบบสูบนอน (Flat Twin) ที่ให้จุดศูนย์ถ่วงต่ำและมีความมั่นคงในการขับขี่ มีการจัดหามอเตอร์ไซค์ Douglas ให้กับฝ่ายสัมพันธมิตรถึงประมาณ 70,000 คันตลอดสงคราม
  • Indian PowerPlus Big Twin (สหรัฐอเมริกา) เมื่อสหรัฐอเมริกาเข้าร่วมสงครามในปี 1917 Indian ได้กลายเป็นซัพพลายเออร์รายใหญ่ที่สุดสำหรับกองทัพสหรัฐฯ โดยส่งมอบมอเตอร์ไซค์ประมาณ 50,000 คัน รุ่น Indian PowerPlus Big Twin ที่มีเครื่องยนต์ V-twin ขนาด 61 ลูกบาศก์นิ้ว (ประมาณ 1000 ซีซี) และให้กำลัง 18 แรงม้า เป็นที่รู้จักกันดีในด้านพละกำลังและความทนทาน
  • Harley-Davidson Model J (สหรัฐอเมริกา) แม้จะผลิตน้อยกว่า Indian แต่ Harley-Davidson ก็มีบทบาทสำคัญ กองทัพสหรัฐฯ ได้สั่งซื้อ Harley-Davidson ประมาณ 20,000 คัน โดยเฉพาะรุ่น Model J ที่มักจะถูกพ่นสีเขียวมะกอกและติดตั้งอุปกรณ์เสริมสำหรับการทหาร เช่น รถพ่วงข้าง โล่ป้องกัน และบางคันถึงกับติดตั้งปืนกล เป็นภาพที่น่าเกรงขามบนสมรภูมิ
  • Excelsior Model 19 (สหรัฐอเมริกา) Excelsior เป็นอีกหนึ่งผู้ผลิตจากสหรัฐฯ ที่มีชื่อเสียงด้านความเร็ว รุ่น Model 19 ซึ่งเป็นมอเตอร์ไซค์ V-twin ขนาด 1000 ซีซี ถูกนำมาใช้ในช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่ 1 และได้รับการทดสอบอย่างเข้มงวดในภูมิประเทศที่หลากหลาย แสดงให้เห็นถึงสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม
  • P&M (Phelon & Moore) (อังกฤษ) ผลิตขึ้นในปี 1913 ด้วยเครื่องยนต์ 4 จังหวะ สูบเดียว 498 ซีซี P&M ถูกนำมาใช้ในกองทัพอังกฤษ รวมถึงภารกิจสนับสนุนกองทัพอากาศ
  • NSU และ TWN (เยอรมนี) ฝ่ายมหาอำนาจกลางก็ใช้มอเตอร์ไซค์เช่นกัน โดยเฉพาะจากผู้ผลิตเยอรมันอย่าง NSU และ TWN (Triumph Werke Nürnberg) ซึ่งเป็นรุ่นที่ใช้เครื่องยนต์สูบเดียวและ V-twin ในการสนับสนุนการเคลื่อนที่และการสื่อสารของกองทัพ

การใช้งานมอเตอร์ไซค์อย่างกว้างขวางในสงครามโลกครั้งที่ 1 ได้เปลี่ยนแปลงมุมมองที่มีต่อยานพาหนะสองล้อนี้ไปอย่างสิ้นเชิง มันพิสูจน์แล้วว่าเป็นเครื่องมือทางยุทธวิธีที่มีประสิทธิภาพ สามารถเพิ่มความรวดเร็วในการสื่อสาร ลดการสูญเสียบุคลากรจากการเดินเท้า และเป็นกำลังสนับสนุนที่สำคัญในสนามรบ

สงครามได้เร่งให้เกิดการพัฒนาและปรับปรุงเทคโนโลยีมอเตอร์ไซค์อย่างรวดเร็ว บริษัทผู้ผลิตเรียนรู้จากความต้องการของกองทัพ นำไปสู่การออกแบบที่ทนทานขึ้น มีกำลังมากขึ้น และเชื่อถือได้มากขึ้น ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนามอเตอร์ไซค์ในยุคหลังสงคราม

ทุกวันนี้ ภาพของผู้ส่งสารที่ขับขี่มอเตอร์ไซค์ฝ่าดงกระสุนและโคลนตม ยังคงเป็นสัญลักษณ์ของความกล้าหาญและความเสียสละ มอเตอร์ไซค์อาจไม่ใช่ยานพาหนะที่โดดเด่นที่สุดในสงครามโลกครั้งที่ 1 หากเทียบกับรถถังหรือเครื่องบิน แต่บทบาทเงียบๆ ของมันในการเชื่อมโยงข้อมูลและบุคลากรในสมรภูมิ ได้มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อผลลัพธ์ของสงคราม และเป็นบทพิสูจน์ถึงความสามารถอันน่าทึ่งของเครื่องจักรสองล้อนี้

แชร์
สองล้อแห่งสนามรบ มอเตอร์ไซค์ก็มีบทบบาท "คู่ใจ" ผู้ส่งสารในสงครามโลก