Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
"ราชันย์แห่งสนามรบ" ทำไมรถถังยังคงเป็นหัวใจของการรบภาคพื้นดิน

"ราชันย์แห่งสนามรบ" ทำไมรถถังยังคงเป็นหัวใจของการรบภาคพื้นดิน

26 ก.ค. 68
12:01 น.
แชร์

รถถัง เป็นหนึ่งในสุดยอดนวัตกรรมทางการทหารที่เปลี่ยนแปลงโฉมหน้าของการรบภาคพื้นดินไปอย่างสิ้นเชิง ความเป็นมาของมันเต็มไปด้วยการคิดค้น ลองผิดลองถูก และการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองความต้องการในสนามรบ

รถถังคือ ยานรบหุ้มเกราะติดตีนตะขาบ ที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในการรบที่แนวหน้า มันเป็นเครื่องจักรที่รวมเอาสามคุณสมบัติสำคัญเข้าไว้ด้วยกัน อำนาจการยิง ที่มาจากปืนหลักขนาดใหญ่และปืนกลรอง, การป้องกัน ด้วยเกราะหนาที่ปกป้องจากการโจมตี, และ ความคล่องตัว ที่ได้จากตีนตะขาบทำให้สามารถเคลื่อนที่ไปบนพื้นที่ขรุขระได้ดี

แนวคิดเรื่องยานรบหุ้มเกราะมีมานานแล้ว แต่รถถังในรูปแบบที่เราเห็นกันทุกวันนี้เริ่มพัฒนาขึ้นอย่างจริงจังใน สงครามโลกครั้งที่ 1 โดยอังกฤษเป็นผู้บุกเบิกเพื่อแก้ปัญหาสงครามสนามเพลาะที่ติดขัด รถถังคันแรกคือ Mark I ที่ปรากฏตัวในปี ค.ศ. 1916 ซึ่งแม้จะยังไม่สมบูรณ์แบบ แต่ก็แสดงให้เห็นถึงศักยภาพอันยิ่งใหญ่

ส่วนประกอบหลักๆ ของรถถังประกอบด้วย ตัวถัง ซึ่งเป็นที่ตั้งของเครื่องยนต์และพลประจำรถ, ป้อมปืน ที่หมุนได้และติดตั้งปืนหลัก, ปืนหลัก ซึ่งเป็นอาวุธโจมตีสำคัญ, ปืนรอง สำหรับการป้องกันตัว, ตีนตะขาบ สำหรับการเคลื่อนที่, เครื่องยนต์ สำหรับขับเคลื่อน, และ เกราะ ที่ให้การป้องกัน

ในอดีต รถถังถูกแบ่งเป็นประเภทต่างๆ ตามน้ำหนักและบทบาท เช่น รถถังเบา กลาง และหนัก แต่ในปัจจุบัน แนวคิดของ "รถถังหลัก" (Main Battle Tank - MBT) ได้กลายเป็นมาตรฐาน โดยเป็นรถถังที่รวมเอาความสามารถในการโจมตี ป้องกัน และเคลื่อนที่ที่สมดุลเข้าไว้ด้วยกัน แม้จะมีอาวุธต่อสู้รถถังและเทคโนโลยีอื่นๆ พัฒนาขึ้น รถถังก็ยังคงเป็นกำลังสำคัญในการรบภาคพื้นดินในปัจจุบัน

ภาพจาก : wikipedia

กำเนิดของรถถัง สงครามโลกครั้งที่ 1 (ค.ศ. 1914-1918)

แนวคิดเกี่ยวกับยานเกราะที่มีปืนติดอาวุธไม่ได้เป็นของใหม่ แต่ความจำเป็นเร่งด่วนที่ทำให้รถถังถือกำเนิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมคือ สงครามโลกครั้งที่ 1

  • ปัญหา "สงครามสนามเพลาะ" (Trench Warfare) ในช่วงต้นของสงครามโลกครั้งที่ 1 แนวหน้าด้านตะวันตกกลายเป็น "สงครามสนามเพลาะ" ที่ทั้งสองฝ่ายสร้างแนวป้องกันที่แข็งแกร่งด้วยสนามเพลาะ ลวดหนาม และรังปืนกล ทำให้การโจมตีแต่ละครั้งนำมาซึ่งความสูญเสียมหาศาลโดยไม่มีฝ่ายใดสามารถทะลวงแนวป้องกันของอีกฝ่ายได้สำเร็จ
  • ความต้องการยานพาหนะ "กันกระสุน" ที่เคลื่อนที่ได้ นักคิดทางทหารและวิศวกรหลายคนเริ่มตระหนักถึงความจำเป็นของยานพาหนะที่สามารถ:ป้องกันกระสุนปืนเล็กและปืนกลได้ (เกราะ)บุกตะลุยลวดหนามและข้ามสนามเพลาะได้ (สายพาน)มีอำนาจการยิงเพื่อปราบปรามรังปืนกลได้ (ปืนใหญ่)
  • ชื่อ "Tank" เพื่อปกปิดวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของการผลิต ยานพาหนะเหล่านี้ถูกเรียกว่า "ถังน้ำ" (Water Tanks) หรือ "พาหนะขนส่งน้ำ" ในภาษาอังกฤษ จึงเป็นที่มาของคำว่า "Tank" ที่ใช้กันมาจนถึงปัจจุบัน
  • รถถังคันแรกของโลก Mark I (อังกฤษ) พัฒนาโดยอังกฤษ และปรากฏตัวครั้งแรกในสนามรบเมื่อวันที่ 15 กันยายน ค.ศ. 1916 ในยุทธการซอมม์ (Battle of the Somme) รูปร่างคล้ายสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน มีสายพานโอบรอบตัวรถ ติดปืนใหญ่และปืนกลแม้จะมีข้อจำกัดด้านความเร็ว ปัญหาขัดข้องทางเทคนิค และสภาพแวดล้อมที่ร้อนระอุภายใน แต่ Mark I ก็แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการบุกทะลวงแนวป้องกันของข้าศึกได้อย่างมีประสิทธิภาพ สร้างความตื่นตระหนกให้แก่ฝ่ายเยอรมันอย่างมาก

ช่วงระหว่างสงครามโลก (ค.ศ. 1918-1939)

หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ชาติต่างๆ เริ่มตระหนักถึงศักยภาพของรถถังและเริ่มพัฒนารุ่นใหม่ๆ

  • แนวคิด "สงครามสายฟ้าแลบ" (Blitzkrieg) นายพล Heinz Guderian ของเยอรมนี และนักทฤษฎีคนอื่นๆ เช่น Basil Liddell Hart และ J.F.C. Fuller ของอังกฤษ ได้พัฒนาแนวคิดการใช้รถถังจำนวนมากประสานงานกับเครื่องบินรบ เพื่อโจมตีอย่างรวดเร็วและลึกเข้าไปในแนวหลังของข้าศึก ทำให้เกิดการบุกทะลวงที่รวดเร็วและทำลายขีดความสามารถในการตอบโต้ของศัตรู
  • การพัฒนารถถังประเภทต่างๆ มีการพัฒนารถถังประเภทต่างๆ เช่น รถถังเบา (Light Tanks) เพื่อการลาดตระเวน, รถถังกลาง (Medium Tanks) ที่สมดุลทั้งความเร็วและอำนาจการยิง, และรถถังหนัก (Heavy Tanks) ที่เน้นเกราะหนาและปืนใหญ่

สงครามโลกครั้งที่ 2 (ค.ศ. 1939-1945)

สงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นยุคทองของการพัฒนารถถัง และเป็นช่วงเวลาที่รถถังได้พิสูจน์บทบาทสำคัญอย่างแท้จริง

  • เยอรมนีกับ Panzer IV และ Tiger เยอรมนีใช้รถถังอย่างมีประสิทธิภาพในสงครามสายฟ้าแลบในช่วงต้นสงคราม โดยเฉพาะรถถัง Panzer IV และต่อมาได้พัฒนารถถังหนักอย่าง Tiger I และ Tiger II ที่มีเกราะหนาและปืนที่ทรงพลัง
  • สหภาพโซเวียตกับ T-34 รถถัง T-34 ของโซเวียตถือเป็นหนึ่งในรถถังที่มีอิทธิพลมากที่สุดในประวัติศาสตร์ ด้วยการออกแบบที่สมดุลระหว่างเกราะลาดเอียง (sloped armour) ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกัน, อำนาจการยิงของปืน 76 มม. (และ 85 มม. ในภายหลัง), และความคล่องตัวในการเคลื่อนที่
  • สหรัฐอเมริกากับ M4 Sherman M4 Sherman เป็นรถถังที่ผลิตในจำนวนมากของสหรัฐฯ แม้จะไม่โดดเด่นเท่า T-34 หรือ Tiger ในด้านใดด้านหนึ่ง แต่ความน่าเชื่อถือ, ความสามารถในการผลิตจำนวนมาก, และการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง ทำให้มันเป็นกำลังสำคัญของฝ่ายสัมพันธมิตร
  • นวัตกรรมสำคัญ มีการพัฒนาระบบกันสะเทือน, วิทยุสื่อสาร, และการประสานงานระหว่างหน่วยรถถังกับทหารราบและเครื่องบิน

ยุคสงครามเย็น (ค.ศ. 1947-1991)

หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 การแข่งขันด้านอาวุธระหว่างสหรัฐฯ และสหภาพโซเวียตนำไปสู่การพัฒนารถถังที่ซับซ้อนและทรงพลังยิ่งขึ้น

  • รถถังประจัญบานหลัก (Main Battle Tank - MBT) แนวคิดนี้ถือกำเนิดขึ้นเพื่อรวมคุณสมบัติเด่นของรถถังเบา รถถังกลาง และรถถังหนักเข้าไว้ด้วยกัน เน้นความสมดุลระหว่างอำนาจการยิง, การป้องกัน, และความคล่องตัว
  • นวัตกรรมสำคัญ ปืนใหญ่ลำกล้องเรียบ (Smoothbore Guns) แทนที่ปืนลำกล้องเกลียว เพื่อให้สามารถยิงกระสุนเจาะเกราะแบบ APFSDS (Armour-Piercing Fin-Stabilized Discarding Sabot) ที่มีความเร็วและอำนาจการเจาะเกราะสูงขึ้นเกราะคอมโพสิต (Composite Armour) เช่น Chobham Armour ของอังกฤษ ที่ใช้ชั้นของวัสดุหลายชนิดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันกระสุนเจาะเกราะและหัวรบแบบ HEAT (High Explosive Anti-Tank) ระบบควบคุมการยิงด้วยคอมพิวเตอร์ (Computerized Fire Control Systems) ช่วยเพิ่มความแม่นยำในการยิงทั้งขณะหยุดนิ่งและเคลื่อนที่ระบบป้องกัน NBC (Nuclear, Biological, Chemical) เพื่อป้องกันลูกเรือจากอาวุธร้ายแรง
  • รถถังชื่อดังในยุคนี้ M1 Abrams (สหรัฐฯ), Leopard 2 (เยอรมนี), T-72/T-80 (โซเวียต), Challenger 1 (อังกฤษ), AMX-30 (ฝรั่งเศส)

ยุคปัจจุบันและอนาคต (ค.ศ. 1991-ปัจจุบัน)

หลังสงครามเย็นและจากการเรียนรู้จากความขัดแย้งต่างๆ เช่น สงครามในอ่าวเปอร์เซีย (Gulf War) และสงครามในอิรัก รถถังยังคงได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองภัยคุกคามที่หลากหลาย

  • ภัยคุกคามจาก ATGM และ IED การแพร่หลายของขีปนาวุธต่อต้านรถถัง (ATGM) และระเบิดแสวงเครื่อง (IED) ทำให้รถถังต้องมีระบบป้องกันที่ซับซ้อนมากขึ้น
  • ระบบป้องกันเชิงรุก (Active Protection Systems - APS) เป็นเทคโนโลยีสำคัญที่สามารถตรวจจับและยิงสกัดขีปนาวุธที่พุ่งเข้าหารถถังได้ ทำให้รถถังมีโอกาสรอดสูงขึ้น ตัวอย่างเช่น Trophy ของอิสราเอล หรือ Arena ของรัสเซีย
  • การรวมระบบดิจิทัล (Digital Integration) รถถังสมัยใหม่ถูกรวมเข้ากับระบบเครือข่ายในสนามรบ ทำให้สามารถแบ่งปันข้อมูล, ตรวจจับเป้าหมาย, และประสานงานกับหน่วยอื่นๆ ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
  • การเพิ่มความตระหนักรู้ในสถานการณ์ (Situational Awareness) ระบบเซ็นเซอร์รอบทิศทาง, กล้องอินฟราเรด, และระบบระบุเพื่อน-ข้าศึก (IFF) ช่วยให้ลูกเรือสามารถมองเห็นและเข้าใจสถานการณ์รอบตัวได้ดีขึ้น
  • การพัฒนาเกราะ เกราะยังคงได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยใช้วัสดุผสมใหม่ๆ และการออกแบบที่ซับซ้อนเพื่อต้านทานหัวรบรูปแบบต่างๆ
  • รถถังในปัจจุบัน ยังคงเป็น MBT ที่ได้รับการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง รุ่นที่ทันสมัยที่สุดในปัจจุบัน เช่น M1A2 SEPv3 Abrams, Leopard 2A7+, T-14 Armata (รัสเซีย, อยู่ระหว่างการพัฒนาและทดสอบ), K2 Black Panther (เกาหลีใต้), Type 10 (ญี่ปุ่น), VT4 (จีน)

แม้ว่าจะมีแนวคิดเกี่ยวกับหุ่นยนต์รบไร้คนขับและโดรนที่สามารถต่อต้านรถถังได้ แต่ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ยังคงเชื่อว่า รถถังยังคงเป็นกำลังรบหลักที่ขาดไม่ได้ในสงครามภาคพื้นดิน ด้วยความสามารถในการรวมอำนาจการยิง, การป้องกัน, และความคล่องตัวเข้าไว้ด้วยกันอย่างสมดุล และยังคงเป็นสัญลักษณ์ของอำนาจทางการทหารในสนามรบ

แชร์
"ราชันย์แห่งสนามรบ" ทำไมรถถังยังคงเป็นหัวใจของการรบภาคพื้นดิน