ประเทศไทยได้ชื่อว่าเป็น "ดีทรอยต์แห่งเอเชีย" หรือ "ฮับการผลิตรถยนต์ในอาเซียน" ด้วยปริมาณการผลิตที่สูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ปัจจัยที่ดึงดูดให้ค่ายรถยนต์จากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากญี่ปุ่น และล่าสุดคือจีน เข้ามาตั้งฐานการผลิตในประเทศไทยนั้นมีหลายประการ โดยสามารถสรุปเป็นประเด็นหลักๆ ได้ดังนี้
1. นโยบายภาครัฐที่เอื้อต่อการลงทุน
- มาตรการส่งเสริมการลงทุน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ได้มีบทบาทสำคัญในการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ โดยให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีและไม่ใช่ภาษีที่น่าสนใจ เช่น การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล, การยกเว้นภาษีนำเข้าเครื่องจักรและวัตถุดิบ รวมถึงการอำนวยความสะดวกในการจัดหาที่ดินและแรงงาน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยลดต้นทุนการผลิต
- นโยบาย "การใช้ชิ้นส่วนในประเทศ" รัฐบาลไทยในอดีตได้กำหนดนโยบายที่บังคับให้ค่ายรถยนต์ที่เข้ามาผลิตในประเทศต้องใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตในประเทศไทยในสัดส่วนที่กำหนดไว้ ซึ่งนโยบายนี้ได้สร้างและพัฒนาระบบอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ในประเทศให้แข็งแกร่ง มีผู้ผลิตชิ้นส่วนทั้งคนไทยและต่างชาติจำนวนมาก ทำให้บริษัทรถยนต์สามารถหาซัพพลายเออร์ชิ้นส่วนได้ง่ายและมีต้นทุนที่สามารถแข่งขันได้
- การเป็นพันธมิตร ไม่ใช่คู่แข่ง นโยบายของรัฐบาลไทยเน้นการเป็นฐานการผลิตให้กับบริษัทต่างชาติ แทนที่จะส่งเสริมการสร้างแบรนด์รถยนต์ของตนเอง ซึ่งทำให้ค่ายรถยนต์ต่างชาติมั่นใจว่าจะไม่มี "แบรนด์รถยนต์แห่งชาติ" เข้ามาเป็นคู่แข่งโดยตรงในตลาดภายในประเทศ
2. ความพร้อมของระบบนิเวศอุตสาหกรรม (Ecosystem)
- ซัพพลายเชนที่แข็งแกร่ง จากนโยบายที่กล่าวไปข้างต้น ทำให้ไทยมีฐานการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ที่ครบวงจร ตั้งแต่ชิ้นส่วนขนาดใหญ่ไปจนถึงขนาดเล็ก ผู้ผลิตรถยนต์สามารถหาชิ้นส่วนต่างๆ ได้อย่างสะดวกและรวดเร็วในประเทศ ไม่ต้องพึ่งพาการนำเข้าทั้งหมด ซึ่งช่วยลดต้นทุนและเวลาในการผลิต
- บุคลากรที่มีทักษะ อุตสาหกรรมยานยนต์ในไทยมีประวัติยาวนานหลายสิบปี ทำให้มีแรงงานที่มีทักษะและความเชี่ยวชาญในการประกอบและผลิตรถยนต์เป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีสถาบันการศึกษาและสถาบันฝึกอบรมที่ผลิตบุคลากรคุณภาพอย่างต่อเนื่อง
- โครงสร้างพื้นฐานที่รองรับ ประเทศไทยมีโครงสร้างพื้นฐานที่พร้อมสำหรับการผลิตและส่งออก เช่น ท่าเรือน้ำลึก สนามบิน และระบบคมนาคมขนส่งทางบกที่เชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาค ทำให้การขนส่งทั้งชิ้นส่วนและรถยนต์สำเร็จรูปเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
3. ที่ตั้งทางภูมิศาสตร์และโอกาสทางการตลาด
- ทำเลทองในอาเซียน ประเทศไทยตั้งอยู่ในใจกลางภูมิภาคอาเซียน ซึ่งเป็นตลาดขนาดใหญ่ที่มีประชากรกว่า 600 ล้านคน การตั้งฐานการผลิตในไทยทำให้สามารถเข้าถึงตลาดในประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ลาว กัมพูชา เมียนมาร์ และมาเลเซีย ได้อย่างง่ายดาย
- ประตูสู่ตลาดโลก นอกจากตลาดในภูมิภาคแล้ว ประเทศไทยยังเป็นศูนย์กลางการส่งออกรถยนต์ไปยังตลาดสำคัญๆ ทั่วโลก โดยเฉพาะออสเตรเลีย ตะวันออกกลาง และยุโรป ด้วยที่ตั้งที่ติดทะเลและท่าเรือที่มีประสิทธิภาพ ทำให้การส่งออกเป็นไปอย่างสะดวก
- ขนาดตลาดภายในประเทศ แม้จะไม่ใหญ่เท่าจีนหรืออินเดีย แต่ตลาดรถยนต์ในประเทศไทยก็มีขนาดใหญ่พอที่จะรองรับการผลิตได้จำนวนหนึ่ง โดยเฉพาะรถกระบะซึ่งไทยเป็นตลาดและฐานการผลิตสำคัญของโลก
4. ปัจจัยอื่นๆ ที่ช่วยเสริม
- การเมืองที่มีเสถียรภาพในระดับหนึ่ง เมื่อเทียบกับบางประเทศในภูมิภาค ประเทศไทยถือว่ามีความเสถียรภาพทางการเมืองที่เพียงพอสำหรับการลงทุนในระยะยาว
- การปรับตัวสู่ยุค EV รัฐบาลไทยได้กำหนดนโยบายที่ชัดเจนในการสนับสนุนการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ซึ่งรวมถึงมาตรการส่งเสริม EV3.0 และ EV3.5 ที่ให้เงินอุดหนุนและสิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่ผู้ผลิต ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ดึงดูดค่ายรถยนต์ EV จากจีนให้เข้ามาลงทุนในไทยอย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน
จากปัจจัยทั้งหมดนี้ ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นหนึ่งในฐานการผลิตรถยนต์ที่สำคัญที่สุดของโลก และยังคงเป็นจุดหมายปลายทางอันดับต้นๆ สำหรับการลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์ในภูมิภาคนี้ ทั้งในยุครถยนต์สันดาปภายในและยุคของยานยนต์ไฟฟ้าในปัจจุบัน