การขับรถในขณะที่ฝนตกไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะความเสี่ยงบนท้องถนนเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว ทั้งทัศนวิสัยที่แย่ลงและพื้นถนนที่เปียกลื่น ซึ่งอาจนำไปสู่เหตุการณ์อันตรายอย่าง "การเหินน้ำ" (Aquaplaning) บทความนี้จะให้ข้อมูลเชิงลึกและคำแนะนำที่ครอบคลุม เพื่อให้คุณขับขี่ได้อย่างปลอดภัยในทุกสถานการณ์
เตรียมพร้อมก่อนออกเดินทาง
ก่อนที่จะเริ่มสตาร์ทรถในวันฝนพรำ การเตรียมความพร้อมเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกที่ช่วยลดความเสี่ยงได้
- ตรวจเช็กยางรถยนต์ ดอกยางที่สมบูรณ์จะทำหน้าที่รีดน้ำออกจากหน้ายางได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตรวจสอบความลึกของดอกยางและแรงดันลมยางให้เป็นไปตามที่ผู้ผลิตกำหนด หากดอกยางตื้นกว่า 3 มิลลิเมตร ควรพิจารณาเปลี่ยนยางใหม่
- ที่ปัดน้ำฝนต้องพร้อมใช้งาน ตรวจสอบว่ายางปัดน้ำฝนไม่แข็งหรือเสื่อมสภาพ เพราะหากปัดไม่สะอาด จะทำให้การมองเห็นเส้นทางข้างหน้าลดลงอย่างมาก
- ระบบไฟส่องสว่าง ตรวจสอบให้แน่ใจว่าไฟหน้า ไฟท้าย และไฟเบรกทำงานปกติ เพื่อให้รถคันอื่นมองเห็นรถของคุณได้ชัดเจนในสภาพอากาศที่ขมุกขมัว
เทคนิคการขับขี่เมื่อฝนเริ่มตก
เมื่อเริ่มขับขี่เข้าสู่ช่วงที่มีฝนตก ให้ใช้เทคนิคดังต่อไปนี้เพื่อเพิ่มความปลอดภัย
- ลดความเร็วลง นี่คือกฎสำคัญที่สุด การขับด้วยความเร็วที่ต่ำลงจะทำให้คุณมีเวลามากขึ้นในการตอบสนองต่อเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด และช่วยให้รถยึดเกาะถนนได้ดีขึ้น
- เพิ่มระยะห่างจากคันหน้า ถนนที่เปียกทำให้ระยะเบรกยาวขึ้น 2-3 เท่า ควรเว้นระยะห่างจากรถคันหน้าให้มากกว่าปกติอย่างน้อย 2-3 วินาที เพื่อให้มีพื้นที่และเวลาเพียงพอสำหรับการเบรกฉุกเฉิน
- ใช้เบรกอย่างนุ่มนวลและสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงการเบรกกะทันหันหรือแรงเกินไป เพราะอาจทำให้ล้อล็อกและรถเสียการทรงตัวได้ โดยเฉพาะในรถรุ่นเก่าที่ไม่มีระบบ ABS (Anti-lock Braking System)
- หลีกเลี่ยงแอ่งน้ำท่วมขัง พยายามขับในเลนที่น้ำท่วมขังน้อยที่สุด หากจำเป็นต้องขับผ่าน ให้ชะลอความเร็วลงอย่างมาก เพราะคุณไม่สามารถรู้ได้ว่าใต้แอ่งน้ำนั้นมีหลุมบ่อหรือสิ่งกีดขวางใดๆ ซ่อนอยู่
- เปิดไฟหน้ารถเสมอ ไม่ว่าจะเป็นช่วงกลางวันหรือกลางคืน การเปิดไฟหน้าจะช่วยให้รถคันอื่นเห็นคุณได้ง่ายขึ้น และช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่ของคุณ
- ระวังการขับตามรถบรรทุกหรือรถใหญ่ รถบรรทุกหรือรถใหญ่จะสาดน้ำจากล้อขึ้นมาเป็นละอองน้ำจำนวนมาก ซึ่งจะบดบังทัศนวิสัยของคุณอย่างสิ้นเชิง
การรับมือเหตุการณ์ "การเหินน้ำ" (Aquaplaning)
การเหินน้ำ คือปรากฏการณ์ที่อันตรายที่สุดบนถนนเปียก โดยเกิดขึ้นเมื่อยางรถไม่สามารถรีดน้ำบนพื้นถนนออกได้ทัน ทำให้รถสูญเสียการยึดเกาะและเหมือนกับลอยอยู่บนผิวน้ำชั่วขณะ ซึ่งทำให้การบังคับรถทำไม่ได้เลย
สาเหตุหลักของการเหินน้ำ
- ความเร็วสูง ยิ่งขับเร็วเท่าไหร่ โอกาสที่ยางจะรีดน้ำออกไม่ทันยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น
- ดอกยางสึกหรอ ยางที่ดอกตื้นจะมีความสามารถในการรีดน้ำลดลงอย่างมาก
- ปริมาณน้ำบนถนน แอ่งน้ำที่มีความลึกหรือพื้นที่ถนนที่มีน้ำท่วมขังจะเป็นจุดเสี่ยงที่สุด
เมื่อเกิดอาการเหินน้ำ ควรทำอย่างไร?
เมื่อคุณรู้สึกว่ารถเริ่มมีอาการเหินน้ำ เช่น พวงมาลัยเบาหวิว, รอบเครื่องยนต์สูงขึ้นเอง, หรือรถเริ่มลอย ให้ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้อย่างใจเย็น
- ถอนคันเร่ง สิ่งแรกที่ต้องทำคือถอนเท้าออกจากคันเร่งทันที อย่าเร่งหรือเบรกอย่างเด็ดขาด เพราะจะทำให้รถเสียการทรงตัวและหมุนได้ง่าย
- จับพวงมาลัยให้มั่นคง จับพวงมาลัยด้วยสองมือให้มั่นคงและให้ล้อหน้าตรงที่สุด อย่าพยายามหักพวงมาลัยเพื่อบังคับทิศทาง
- รอให้รถชะลอตัว ปล่อยให้รถชะลอความเร็วลงเองด้วยแรงต้านของน้ำและอากาศ จนกว่าคุณจะรู้สึกได้ว่ายางกลับมาสัมผัสกับพื้นถนนอีกครั้ง
- ห้ามเบรกกะทันหัน การเหยียบเบรกในขณะที่รถเหินน้ำจะทำให้ล้อล็อกและรถอาจหมุนหรือพลิกคว่ำได้
การขับรถในฤดูฝนต้องใช้ความระมัดระวังมากกว่าปกติเสมอ การเตรียมความพร้อมและเข้าใจถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้น จะช่วยให้คุณสามารถเดินทางได้อย่างปลอดภัยในทุกสภาพอากาศ