Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
ความร้อนทำลายยาง ภัยเงียบที่ต้องรู้ เพื่อความปลอดภัยและสมรรถนะของรถ

ความร้อนทำลายยาง ภัยเงียบที่ต้องรู้ เพื่อความปลอดภัยและสมรรถนะของรถ

28 มิ.ย. 68
16:00 น.
แชร์

เมื่อพูดถึงความปลอดภัยและสมรรถนะของรถยนต์ ยางรถยนต์ คือส่วนสำคัญที่มักถูกมองข้าม แต่ในความเป็นจริง ยางคือจุดเชื่อมต่อเดียวระหว่างรถกับพื้นผิวถนน และเป็นส่วนที่ต้องรับภาระหนักที่สุดอย่างหนึ่งในระบบของรถยนต์ และหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพและความทนทานของยางอย่างมากคือ ความร้อน การทำความเข้าใจว่าทำไมยางถึงร้อน และความร้อนส่งผลอย่างไร จึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้ขับขี่ทุกคน

สาเหตุหลักที่ทำให้ยางรถยนต์ร้อน

ยางรถยนต์ร้อนขึ้นได้จากหลายปัจจัย ทั้งจากภายในและภายนอกตัวยางเอง

  • แรงเสียดทาน นี่คือสาเหตุหลัก ยางจะเสียดสีกับพื้นผิวถนนอย่างต่อเนื่องขณะขับขี่ ไม่ว่าจะเป็นการเร่ง การเบรก หรือการเลี้ยว แรงเสียดทานนี้จะเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อนสะสมอยู่ในเนื้อยาง ยิ่งขับขี่เร็วขึ้น หรือเบรกและเร่งบ่อยขึ้น ความร้อนที่เกิดขึ้นจากแรงเสียดทานก็จะยิ่งสูงขึ้น
  • การเสียรูปของยาง (Deflection) ขณะที่ยางหมุน น้ำหนักของรถจะกดทับยาง ทำให้ยางบริเวณที่สัมผัสพื้นถนนเกิดการบิดงอและคืนรูปอย่างต่อเนื่อง การบิดงอและคืนรูปซ้ำๆ นี้ก่อให้เกิดการเสียดสีภายในโมเลกุลของยาง ทำให้เกิดความร้อนขึ้นในเนื้อยางเช่นกัน ยิ่งยางมีลมยางน้อย (Underinflation) การเสียรูปจะยิ่งมากและทำให้เกิดความร้อนสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
  • ความเร็วในการขับขี่ ยิ่งขับขี่ด้วยความเร็วสูง ยางจะหมุนเร็วขึ้นและเกิดการเสียรูป รวมถึงการเสียดทานกับพื้นผิวถนนถี่ขึ้นและรุนแรงขึ้น ส่งผลให้ความร้อนสะสมในยางเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง
  • น้ำหนักบรรทุก รถที่บรรทุกน้ำหนักเกินกำหนด หรือมีน้ำหนักบรรทุกมาก ยางจะต้องรับภาระมากขึ้น ส่งผลให้การเสียรูปของยางมีมากขึ้น และเกิดความร้อนสูงขึ้นได้ง่าย
  • สภาพถนนและอุณหภูมิภายนอก การขับขี่บนถนนที่ร้อนจัด เช่น ถนนยางมะตอยกลางแดดจัดในฤดูร้อน จะส่งผ่านความร้อนสู่ยางได้โดยตรง นอกจากนี้ สภาพถนนที่ไม่เรียบหรือขรุขระยังทำให้ยางเกิดการเสียรูปและเสียดสีมากขึ้น
  • ลมยางที่ไม่เหมาะสม ลมยางอ่อน (Underinflation) เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ยางร้อนจัด เพราะการเสียรูปของยางจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก ทำให้ยางทำงานหนักกว่าปกติและเกิดความร้อนสะสมมหาศาล ซึ่งเป็นอันตรายอย่างยิ่ง ในทางกลับกัน ลมยางแข็งเกินไป (Overinflation) แม้จะช่วยลดการเสียรูป แต่ก็ลดพื้นที่สัมผัสถนน ทำให้สมรรถนะการยึดเกาะลดลง และอาจทำให้ยางสึกหรอผิดปกติ
  • ระบบเบรก การเบรกกะทันหันหรือเบรกบ่อยครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการขับขี่ด้วยความเร็วสูง จะสร้างความร้อนมหาศาลจากจานเบรกและผ้าเบรก ซึ่งความร้อนนี้สามารถถ่ายเทไปยังล้อและยางได้

ผลกระทบของความร้อนต่อยางรถยนต์และสมรรถนะ

ความร้อนที่สูงเกินไปส่งผลเสียต่อยางรถยนต์ในหลายมิติ

  • การสึกหรอที่เพิ่มขึ้น ยางที่ร้อนจะสึกหรอเร็วขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ความร้อนทำให้สารประกอบในเนื้อยางเสื่อมสภาพเร็วขึ้น ทำให้ดอกยางสึกหรอเร็วกว่าปกติ
  • ลดอายุการใช้งาน การสัมผัสกับความร้อนสูงเป็นเวลานานจะลดอายุการใช้งานโดยรวมของยาง ทำให้ยางแข็งกระด้าง แตก ลายงา หรือเกิดการแยกชั้นของเนื้อยางได้ง่ายขึ้น
  • ความเสี่ยงต่อยางระเบิด นี่คืออันตรายที่สุดเมื่อยางร้อนจัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อลมยางอ่อน ยางจะเกิดความร้อนสะสมจนถึงจุดที่โครงสร้างภายในไม่สามารถทนทานได้อีกต่อไป ทำให้เกิดการแยกตัวของโครงสร้างยาง และนำไปสู่การระเบิดในที่สุด ซึ่งอันตรายถึงชีวิต
  • ประสิทธิภาพการยึดเกาะลดลง ยางที่ร้อนจัดอาจทำให้เนื้อยางนิ่มลงมากเกินไป ทำให้ประสิทธิภาพในการยึดเกาะถนนลดลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการเบรกหรือการเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง ซึ่งอาจนำไปสู่การลื่นไถลและอุบัติเหตุได้
  • แรงดันลมยางสูงขึ้น ความร้อนจะทำให้โมเลกุลอากาศภายในยางขยายตัว ส่งผลให้แรงดันลมยางเพิ่มขึ้น แม้ว่าแรงดันที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจะไม่เป็นอันตราย แต่หากยางร้อนจัดและมีแรงดันสูงมาก อาจทำให้โครงสร้างยางรับไม่ไหว
  • ส่งผลต่อระบบช่วงล่าง ความร้อนจากยางสามารถถ่ายเทไปยังส่วนประกอบอื่นๆ ของระบบช่วงล่าง เช่น ลูกปืนล้อ ทำให้เกิดการสึกหรอเร็วกว่าปกติ

การป้องกันและลดความร้อนในยางรถยนต์

เพื่อยืดอายุการใช้งานของยางและเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ ผู้ขับขี่ควรปฏิบัติดังนี้

  • ตรวจเช็คลมยางอย่างสม่ำเสมอ นี่คือสิ่งสำคัญที่สุด ตรวจสอบแรงดันลมยางตามที่ผู้ผลิตรถยนต์กำหนด (มักจะระบุไว้ที่ขอบประตูฝั่งคนขับ, ในคู่มือรถ, หรือที่ฝาถังน้ำมัน) ควรตรวจเช็คขณะยางเย็นอย่างน้อยเดือนละครั้ง หรือก่อนเดินทางไกลทุกครั้ง
  • หลีกเลี่ยงการบรรทุกน้ำหนักเกิน การบรรทุกน้ำหนักเกินจะเพิ่มภาระให้ยางทำงานหนักและสร้างความร้อนสูง
  • ขับขี่ด้วยความเร็วที่เหมาะสม การขับขี่ด้วยความเร็วที่พอเหมาะ ไม่เร็วจนเกินไป และหลีกเลี่ยงการเร่งหรือเบรกกะทันหันบ่อยๆ จะช่วยลดการสะสมความร้อนในยาง
  • ตรวจสภาพยางเป็นประจำ หมั่นสังเกตสภาพยาง ความลึกของดอกยาง รอยแตกร้าว หรือความเสียหายอื่นๆ หากพบความผิดปกติ ควรรีบนำรถไปให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบ
  • เลือกยางที่เหมาะสมกับการใช้งาน ยางแต่ละประเภทถูกออกแบบมาให้เหมาะกับการใช้งานที่แตกต่างกัน การเลือกยางที่เหมาะสมกับประเภทรถและลักษณะการขับขี่จะช่วยให้ยางทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

ความร้อนเป็นศัตรูตัวฉกาจของยางรถยนต์ และเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความปลอดภัยและอายุการใช้งาน การเข้าใจถึงสาเหตุที่ยางร้อนและผลกระทบที่ตามมา จะช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถดูแลรักษายางได้อย่างถูกวิธี ลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ และยืดอายุการใช้งานของยางให้ยาวนานยิ่งขึ้น การใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ อย่างการดูแลลมยางและการขับขี่อย่างระมัดระวัง คือกุญแจสำคัญสู่การเดินทางที่ปลอดภัยและราบรื่น

แชร์
ความร้อนทำลายยาง ภัยเงียบที่ต้องรู้ เพื่อความปลอดภัยและสมรรถนะของรถ