Lifetime Warranty ยังเป็นเซฟโซนที่ดีอยู่ไหม สำหรับคนที่อยากได้รถไฟฟ้า
จากข่าวคราวของ NETA ที่เกิดขึ้นทั้งกับบริษัทแม่ในประเทศจีน รวมถึงความสั่นคลอนของแบรนด์ในประเทศไทย ทำให้มีความสงสัยถึงเรื่องการรับประกันที่ NETA เคยใช้เป็นกลยุทธ์ทางการตลาดนั่นก็คือ Lifetime Warranty หรือการรับประกันตลอดอายุการใช้งาน สร้างความเชื่อมั่นและโกยยอดขายได้เป็นกอบเป็นกำ จะยังมีผลต่อไปได้อย่างไรถ้าตัวบริษัทไม่อยู่แล้ว (อ่านบทความเกี่ยวกับ Lifetime Warranty ของ NETA)
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
หนึ่งในค่ายรถที่ใช้กลยุทธ์นี้เช่นกันนั่นก็คือ MG จะเรียกว่าเป็นค่ายบุกเบิกสำหรับการรับประกันแบบ Lifetime Warranty ในตลาดรถประเทศไทยก็คงไม่ได้ผิดไปจากนี้นัก ถามถึงผลกระทบว่ากลยุทธ์นี้ของ MG จะได้รับผลกระทบต่อความเชื่อมั่นหรือไม่ คงต้องบอกว่ามันย่อมมีคำถามกลับมาอย่างแน่นอนว่าสุดท้ายการรับประกันแบบตลอดอายุการใช้งาน มันมีประโยชน์จริงใช่หรือไม่ และนี่คือจุดที่ต้องเน้นย้ำว่า การรับประกับแบบ Lifetime Warranty นั้นถือเป็นกลยุทธ์ที่ดี แต่ต้องมีเรื่องพิจารณาอยู่บ้างเช่นกัน
ในตลาดวันนี้ NETA และ MG ต่างก็มีข้อเสนอรับประกันแบตเตอรี่ที่น่าสนใจ ภายใต้คำว่า "Lifetime Warranty" นั้น ทั้งสองแบรนด์มีแนวทางและ “ความมั่นคง” ที่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ
แบรนด์ที่รับประกัน ต้องแข็งแกร่ง
การจะรับประกันแบบตลอดอายุการใช้งาน ผู้รับประกัน (แบรนด์รถ) ต้องเป็นแบรนด์ที่แข็งแกร่งเพียงพอ เพราะลำพังการรับประกันแบบนี้อาจสร้างความเชื่อมั่นได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น แต่ถ้าตัวแบรนด์ไม่มั่นคงพอแล้ว สุดท้ายก็จะมีกลุ่มคนที่ไม่เชื่อมั่นอยู่ดี
ทีนี้ลองย้อนกลับมาที่แบรนด์ MG ซึ่งก็ต้องถือว่าตัวแบรนด์เอง มีความน่าเชื่อถือด้วยการดำเนินกิจการในประเทศไทย รวมถึงในตลาดโลกต่อเนื่องยาวนาน ถ้าพูดถึงในประเทศไทยเป็นหลัก ก็ยังเป็นความร่วมทุนกันระหว่าง SAIC Motor จีน กับเครือ CP ไทย ถือได้ว่าเป็นยักษ์ใหญ่ของทั้งสองประเทศ
สำหรับในประเทศไทย MG เข้าสู่ตลาดในช่วงปี 2557 มีศูนย์บริการทั่วประเทศกว่า 140 แห่ง และที่สำคัญมีโรงงานเป็นฐานการผลิตในจังหวัดระยอง ในขณะที่ NETA เริ่มทำตลาดในไทยราวปี 2566 ปัจจุบันมีศูนย์บริการราว 20 แห่งทั่วประเทศและคาดว่าจะลดลงหลังจากนี้ ตัวโรงงานเป็นการร่วมมือกับ บริษัท บางชันเยนเนอเรลเอเซมบลี จำกัด หรือ โรงงานประกอบรถยนต์บางชัน เปิดสายการผลิต NETA VII เป็นรุ่นแรก (ปัจจุบันหยุดการผลิตลงชั่วคราว)
จะเห็นได้ว่าการที่ตัวแบรนด์มี Backgroud ที่น่าเชื่อถือ การรับประกันแบบ Lifetime Warranty ก็จะมีความน่าเชื่อมั่นตามไปด้วย สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ต้องมองลงไปในมิติที่มากกว่าแค่คำว่า "รับประกัน" เพราะสุดท้ายถ้าตัวบริษัทไม่อยู่แล้ว ก็ไม่มีอะไรเป็นหลักประกันอยู่ดี
ความแตกต่างของประกันฯ ทั้ง 2 ค่าย
NETA จะเป็นการรับประกันตลอดอายุการใช้งานของแบตเตอรีแรงเคลื่อนสูง (ขับไม่เกิน 30,000 กิโลเมตร/ปี) โดยเป็นการรับประกันในรถยนต์ไฟฟ้า NETA X และ NETA V ที่จองและรับรถในช่วงเวลาที่กำหนด
ส่วนของทาง MG จะเป็นการรับประกันที่ครอบคลุมในส่วนของแบตเตอรีแรงเคลื่อนสูง ชุดมอเตอร์ขับเคลื่อน และชุดควบคุมมอเตอร์ขับเคลื่อน โดยที่รถยนต์ที่ได้รับการรับประกันมีมากถึง 6 รุ่น ไล่ตั้งแต่ MG S5 EV, MG IM6, MG CYBERSTER,MG MAXUS 9,MG MAXUS 7 และ MG4 ทุกรุ่นย่อย
อีกจุดที่แตกต่างคือการรับประกันแบบ NETA จะสิ้นสุดเมื่อรถมีการเปลี่ยนมือ ในขณะที่แบบ MG จะยังคงรับประกันต่อเนื่องแม้จะมีการเปลี่ยนมือกี่ครั้งก็ตาม
ย้อนฟังคำกล่าวของ คุณพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เมื่อครั้งประกาศการรับประกันตลอดอายุการใช้งานเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2567
"เอ็มจี ให้ความสำคัญกับการเตรียมความพร้อมให้ครอบคลุมในทุกๆ มิติที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งการประกาศเพิ่มการรับประกันคุณภาพตลอดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่แรงเคลื่อนสูง ชุดมอเตอร์ขับเคลื่อน และชุดควบคุมมอเตอร์ขับเคลื่อน ในครั้งนี้ ถือเป็นหนึ่งความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญของ เอ็มจี ในโอกาสครบรอบ 100 ปีของการเป็นโกลบอลแบรนด์ และสู่ทศวรรษที่ 2 ของการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย สะท้อนภาพ “ความกล้าลงมือทำก่อนใคร” เพื่อมุ่งสร้างมาตรฐานใหม่และสร้างความมั่นใจครั้งใหญ่ที่ทำให้วงการยานยนต์ไทยยกระดับไปอีกขั้น”
เงื่อนไขที่ต้องทำความเข้าใจ
การรับประกันตลอดอายุการใช้งาน มีเงื่อนไขสำคัญๆ ที่เจ้าของรถต้องรู้และเข้าใจ ไม่ว่าจะเป็นการที่รถยนต์คันนั้นๆ จะต้องเข้าตรวจเช็กระยะตลอดช่วงเวลาที่ยังมีประกัน ห้ามดัดแปลงสภาพรถหรือติดตั้งอุปกรณ์ที่ไม่เกี่ยวกับการใช้งานปกติ
รถใช้งานรับจ้างหรือรถเช่า จะไม่ได้รับสิทธิ์ รวมถึงการใช้งานรถแบบผิดวิธีจากที่ระบุในคู่มือ รวมถึงความเสียหายจากภัยธรรมชาติก็ไม่เข้าเงื่อนไขเช่นเดียวกัน
Lifetime Warranty ยังเป็นเซฟโซนที่ดีไหมสำหรับรถไฟฟ้า
ในตัวของการรับประกันแบบตลอดอายุการใช้งานนั้น เป็นสิ่งที่ดีอยู่แล้ว เพราะนอกจากสร้างความเชื่อมั่นในระยะยาว ยังส่งผลต่อเจ้าของรถแน่นอนว่าอย่างน้อยก็ยังมีตัวแบรนด์ที่หนุนหลัง แต่สิ่งที่ต้องพิจารณานั่นก็คือเรื่องของค่ายรถ รวมถึงตัวบริษัทใหญ่ในต่างประเทศเป็นสิ่งสำคัญยิ่งที่ต้องไม่มองข้าม และต้องบอกว่าไม่ใช่แค่เฉพาะเรื่องรับประกันเท่านั้น แต่มันรวมถึงการซื้อรถสักคันมาใช้งานมากกว่า ว่าควรที่ต้องดูที่ความน่าเชื่อถือและไว้ใจได้ของยี่ห้อด้วยนั่นเอง รถสักคันมันไม่ใช่แค่ราคาหลักแสน แต่มันคือการดูแลชีวิตของทุกคน
