กรอไมล์ หรือที่เรียกว่า "การปรับลดเลขไมล์" (Mileage Adjustment / Mileage Tampering) คือการเปลี่ยนแปลงตัวเลขระยะทางที่รถยนต์ได้วิ่งไปแล้วบนมาตรวัดระยะทาง (Odometer) ให้มีค่าน้อยลงจากความเป็นจริงอย่างจงใจ การกระทำนี้มักเกิดขึ้นกับรถยนต์มือสอง โดยมีเจตนาหลักเพื่อหลอกลวงผู้ซื้อ ให้เข้าใจผิดว่ารถมีสภาพดีกว่าความเป็นจริง หรือมีอายุการใช้งานน้อยกว่าที่ควรจะเป็น ซึ่งจะส่งผลให้สามารถตั้งราคาขายรถได้สูงขึ้นอย่างไม่เป็นธรรม
ทำไมต้อง "กรอไมล์" ใครได้ประโยชน์?
การกรอไมล์เป็นพฤติกรรมที่ไม่โปร่งใสที่ทำกันอย่างแพร่หลายในตลาดรถยนต์มือสองบางส่วน โดยมีแรงจูงใจหลักมาจากผลประโยชน์ทางการเงิน ผู้ที่ได้ประโยชน์จากการกรอไมล์คือ
- ผู้ขายที่ไม่ซื่อสัตย์ ไม่ว่าจะเป็นบุคคลทั่วไปที่ต้องการขายรถของตัวเอง หรือผู้ประกอบการเต็นท์รถมือสองบางรายที่ต้องการเพิ่มกำไรสูงสุด การกรอไมล์ทำให้รถยนต์ดูมีสภาพใหม่ขึ้น มีการใช้งานน้อยลง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ผู้ซื้อมักใช้ในการประเมินราคารถ
- นายหน้าหรือตัวกลาง บางครั้งนายหน้าหรือตัวกลางอาจมีส่วนร่วมในการแนะนำหรือดำเนินการกรอไมล์ เพื่อให้รถขายได้ง่ายขึ้นและเร็วขึ้น โดยอาจได้รับส่วนแบ่งจากกำไรที่เพิ่มขึ้น
- ผู้ซื้อที่ไม่มีประสบการณ์หรือความรู้เพียงพอ กลุ่มนี้ตกเป็นเหยื่อได้ง่ายที่สุด เพราะขาดความเข้าใจในการตรวจสอบประวัติรถ หรือมองไม่เห็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงการกรอไมล์ ทำให้ซื้อรถในราคาที่สูงเกินจริง และอาจต้องเผชิญกับปัญหาการซ่อมบำรุงที่ตามมาในภายหลัง
ผลเสียของการ "กรอไมล์" ที่ผู้ซื้อต้องเผชิญ
การกรอไมล์สร้างความเสียหายอย่างมากต่อผู้ซื้อรถยนต์มือสอง ทั้งในแง่ของทรัพย์สินและความปลอดภัย
- การประเมินราคารถผิดพลาด ผู้ซื้อจะจ่ายเงินในราคารถที่สูงเกินกว่ามูลค่าที่แท้จริง เนื่องจากเชื่อว่ารถมีระยะทางวิ่งน้อยกว่าความเป็นจริง
- ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาที่คาดไม่ถึง รถยนต์ที่มีระยะทางวิ่งจริงสูง ย่อมผ่านการใช้งานมามาก ชิ้นส่วนและอะไหล่ต่างๆ ย่อมเสื่อมสภาพตามการใช้งาน การกรอไมล์ทำให้ผู้ซื้อไม่ทราบถึง "อายุที่แท้จริง" ของชิ้นส่วนเหล่านั้น เมื่อซื้อไปแล้ว อาจจะต้องเผชิญกับค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงครั้งใหญ่ในเวลาอันรวดเร็ว เช่น การเปลี่ยนถ่ายของเหลวที่สำคัญ, การเปลี่ยนอะไหล่สิ้นเปลือง หรือแม้แต่การซ่อมแซมเครื่องยนต์และเกียร์
- ความเสี่ยงด้านความปลอดภัย การไม่ทราบระยะทางที่แท้จริงของรถทำให้ผู้ซื้อไม่สามารถวางแผนการบำรุงรักษาตามคู่มือได้อย่างถูกต้อง การละเลยการเปลี่ยนชิ้นส่วนสำคัญที่เสื่อมสภาพตามระยะทาง เช่น สายพานเบรก, ยางรถยนต์, หรือระบบช่วงล่าง อาจนำไปสู่อุบัติเหตุที่ไม่คาดฝันได้
- การประกันภัยและประกันรถยนต์ หากเกิดกรณีที่ต้องเคลมประกัน และบริษัทประกันตรวจสอบพบว่ารถมีการกรอไมล์ อาจส่งผลกระทบต่อการพิจารณาเคลม หรือทำให้ประกันเป็นโมฆะได้
- การเสียโอกาส ผู้ซื้ออาจพลาดโอกาสในการเลือกรถคันอื่นที่มีสภาพดีกว่าในราคาที่สมเหตุสมผลกว่า หากไม่ถูกหลอกลวงจากการกรอไมล์
- ผิดกฎหมาย ในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทย การกรอไมล์ถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย และผู้ที่กระทำอาจถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
รู้ได้อย่างไรว่ารถ "กรอไมล์" มา?
แม้ว่าการกรอไมล์จะทำได้ค่อนข้างแนบเนียนในรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ที่ใช้ระบบดิจิทัล แต่ก็ยังมีจุดสังเกตที่สามารถช่วยให้ผู้ซื้อระมัดระวังได้
- ตรวจสอบประวัติการเข้ารับบริการ หากรถมีประวัติการเข้าศูนย์บริการอย่างสม่ำเสมอ สามารถขอประวัติจากศูนย์บริการได้ ซึ่งจะแสดงเลขไมล์ ณ วันที่เข้ารับบริการแต่ละครั้ง หากเลขไมล์ปัจจุบันต่ำกว่าเลขไมล์ในประวัติที่ผ่านมา แสดงว่ามีการกรอไมล์แน่นอน
- สภาพการสึกหรอของภายในรถ สังเกตสภาพการสึกหรอของเบาะที่นั่ง, พวงมาลัย, หัวเกียร์, แป้นเหยียบ (คันเร่ง/เบรก/คลัตช์) และจุดที่สัมผัสบ่อยๆ หากเลขไมล์น้อย แต่สภาพภายในสึกหรอมาก แสดงว่าอาจมีการกรอไมล์
- สภาพภายนอกและยางรถยนต์ สภาพสีรถ, รอยบุบ, รอยขีดข่วน, และสภาพของยางรถยนต์ที่สัมพันธ์กับเลขไมล์ หากยางที่ติดมากับรถเป็นยางเดิมจากโรงงาน ควรมีอายุและสภาพที่สอดคล้องกับเลขไมล์ที่แสดง
- รอยงัดแงะที่มาตรวัดระยะทาง สังเกตรอบๆ แผงหน้าปัดหรือมาตรวัดระยะทางดิจิทัล หากมีรอยงัดแงะ, รอยแกะ, หรือฝุ่นเข้าไปด้านใน อาจเป็นสัญญาณ
- ความผิดปกติของตัวเลขบนมาตรวัด (ในรถรุ่นเก่า) สำหรับมาตรวัดแบบอนาล็อก ให้สังเกตการเรียงตัวของตัวเลขว่ามีการเยื้องหรือเหลื่อมกันหรือไม่
- การเปรียบเทียบกับปีที่ผลิตและการใช้งานเฉลี่ย โดยทั่วไป รถยนต์จะวิ่งเฉลี่ยประมาณ 15,000 - 25,000 กิโลเมตรต่อปี หากรถมีอายุ 5 ปี แต่เลขไมล์แสดงเพียง 50,000 กิโลเมตร อาจเป็นจุดที่ต้องสงสัย (เว้นแต่จะเป็นรถที่ใช้งานน้อยจริง ๆ)
- เอกสารประกอบ ตรวจสอบเอกสารอื่นๆ เช่น ใบเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง, ใบรับรองการตรวจสภาพรถ (ตรอ.) ซึ่งอาจมีบันทึกเลขไมล์ไว้
- ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ หากไม่แน่ใจ ควรนำรถไปให้ช่างผู้เชี่ยวชาญหรือศูนย์บริการที่น่าเชื่อถือตรวจสอบอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจซื้อ
การกรอไมล์รถยนต์ถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย และมีบทลงโทษที่ชัดเจน เนื่องจากเป็นการหลอกลวงผู้บริโภคให้เข้าใจผิดเกี่ยวกับสภาพและมูลค่าที่แท้จริงของรถยนต์
บทลงโทษหลักๆ ที่เกี่ยวข้องกับการกรอไมล์ในประเทศไทย มีดังนี้
- ความผิดฐานฉ้อโกง (ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343) การกรอไมล์รถยนต์เพื่อขายในราคาสูงกว่าความเป็นจริง หรือเพื่อทำให้ผู้ซื้อหลงเชื่อว่าเป็นรถที่มีการใช้งานน้อยกว่าความเป็นจริง เข้าข่ายการหลอกลวงประชาชนด้วยการปกปิดความจริง ซึ่งถือเป็นความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน บทลงโทษ: ผู้กระทำผิดอาจถูก จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
- การยกเลิกสัญญา (ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 391) หากผู้ซื้อพบว่ารถที่ซื้อมาถูกกรอเลขไมล์ สามารถ ยกเลิกสัญญาซื้อขายได้ทันที ตามกฎหมาย การยกเลิกสัญญาจะทำให้คู่สัญญาแต่ละฝ่ายกลับคืนสู่ฐานะเดิม คือ ผู้ซื้อต้องคืนรถให้ผู้ขาย และผู้ขายต้องคืนเงินให้ผู้ซื้อ พร้อมกับดอกเบี้ย
- ความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560 (มาตรา 14) ในกรณีที่มีการนำข้อมูลเท็จเกี่ยวกับการกรอไมล์ หรือรูปรถที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง ไปโพสต์หรือโฆษณาผ่านระบบคอมพิวเตอร์ (เช่น เว็บไซต์ขายรถ แอปพลิเคชัน หรือโซเชียลมีเดีย) เพื่อหลอกลวงผู้ซื้อ บทลงโทษ ผู้กระทำผิดอาจถูก จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ขั้นตอนเมื่อถูกหลอกกรอไมล์
หากคุณซื้อรถยนต์มาแล้วพบภายหลังว่ารถถูกกรอไมล์ ควรดำเนินการดังนี้:
- รวบรวมหลักฐาน หลักฐานการซื้อขายรถ เช่น สัญญาซื้อขาย, ใบเสร็จรับเงิน หลักฐานที่แสดงว่ารถถูกกรอไมล์ เช่น ประวัติการเข้าศูนย์บริการที่แสดงเลขไมล์ย้อนหลัง, ใบเสร็จการซ่อมบำรุงที่ระบุเลขไมล์, ผลการตรวจสอบจากช่างผู้เชี่ยวชาญ ภาพถ่ายสภาพรถที่แสดงความสึกหรอไม่สัมพันธ์กับเลขไมล์ หลักฐานการโฆษณาหรือประกาศขายรถ (ถ้ามี)
- แจ้งความดำเนินคดี นำหลักฐานทั้งหมดไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกงประชาชน
- ปรึกษาทนายความ เพื่อดำเนินการทางกฎหมายในการยกเลิกสัญญาและเรียกร้องค่าเสียหายที่เกิดขึ้น
- ร้องเรียนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สามารถร้องเรียนไปยังสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) สายด่วน 1135 เพื่อขอความช่วยเหลือและไกล่เกลี่ย
แม้ว่ากฎหมายจะมีการกำหนดบทลงโทษไว้อย่างชัดเจน แต่ในทางปฏิบัติ การพิสูจน์เจตนาและรวบรวมหลักฐานอาจทำได้ค่อนข้างยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากผู้ขายเป็นเพียงนายหน้าหรือมีการเปลี่ยนมือเจ้าของหลายทอด ดังนั้น การป้องกันตนเองด้วยการตรวจสอบรถอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจซื้อจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
การกรอไมล์เป็นปัญหาใหญ่ในตลาดรถยนต์มือสองที่ไม่เพียงแต่เป็นการกระทำที่ผิดจริยธรรม แต่ยังผิดกฎหมายและสร้างความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อผู้บริโภค การเข้าใจถึงสาเหตุ ผลกระทบ และวิธีการตรวจสอบ จะช่วยให้ผู้ซื้อรถยนต์มือสองสามารถตัดสินใจได้อย่างรอบคอบ และหลีกเลี่ยงการตกเป็นเหยื่อของการหลอกลวง เพื่อให้การซื้อขายรถยนต์มือสองเป็นไปอย่างโปร่งใสและเป็นธรรมมากที่สุด