Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
แก้วหรือเซรามิก เมื่อการดูแลผิวสีรถไม่ใช่แค่เรื่องเงา แต่คือความเข้าใจ

แก้วหรือเซรามิก เมื่อการดูแลผิวสีรถไม่ใช่แค่เรื่องเงา แต่คือความเข้าใจ

13 มิ.ย. 68
12:00 น.
แชร์

การดูแลรักษาสีรถยนต์ให้เงางามเหมือนใหม่อยู่เสมอเป็นสิ่งที่เจ้าของรถหลายคนให้ความสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคปัจจุบันที่มีนวัตกรรมและเทคโนโลยีการดูแลผิวสีรถก้าวหน้าไปมาก หนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายคือ "การเคลือบแก้ว" และ "การเคลือบเซรามิก" ซึ่งมักสร้างความสับสนให้กับผู้ที่กำลังตัดสินใจเลือกใช้บริการ ไปดู ข้อดี และข้อเสียของทั้งสองประเภทนี้ เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น

การดูแลรักษาสีรถยนต์ให้เงางามเหมือนใหม่อยู่เสมอเป็นสิ่งที่เจ้าของรถหลายคนให้ความสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคปัจจุบันที่มีนวัตกรรมและเทคโนโลยีการดูแลผิวสีรถก้าวหน้าไปมาก หนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายคือ "การเคลือบแก้ว" และ "การเคลือบเซรามิก" ซึ่งมักสร้างความสับสนให้กับผู้ที่กำลังตัดสินใจเลือกใช้บริการ ทั้งในแง่ของความแตกต่างของสารเคลือบ ประสิทธิภาพ และความคุ้มค่า วันนี้เราจะมาเจาะลึกถึงความแตกต่าง ข้อดี และข้อเสียของทั้งสองประเภทนี้ เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับรถยนต์คันโปรดของคุณ

ความแตกต่างระหว่างเคลือบแก้วและเคลือบเซรามิก

แม้ว่าทั้งการเคลือบแก้วและการเคลือบเซรามิกจะมีวัตถุประสงค์หลักคล้ายคลึงกันคือการปกป้องและเพิ่มความเงางามให้กับสีรถ แต่สารตั้งต้นและคุณสมบัติบางประการกลับมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพและอายุการใช้งาน

การเคลือบแก้ว (Glass Coating) การเคลือบแก้วเป็นนวัตกรรมที่เข้ามาในตลาดก่อนการเคลือบเซรามิก โดยมีสารตั้งต้นหลักคือ ซิลิก้าไดออกไซด์ (Silicon Dioxide หรือ SiO2) ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของแก้วและทราย เมื่อน้ำยาเคลือบแก้วถูกทาลงบนผิวรถยนต์และเกิดการเซ็ตตัว จะสร้างชั้นฟิล์มแข็งบางๆ ขึ้นบนชั้นแล็กเกอร์เดิมของสีรถ ทำให้ผิวรถมีความแข็งแรงขึ้นและเกิดความเงางามคล้ายกระจก ชั้นเคลือบนี้ทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันบางๆ ให้กับสีรถจากปัจจัยภายนอกที่ทำให้สีรถหมองหรือเสียหาย

การเคลือบเซรามิก (Ceramic Coating) การเคลือบเซรามิกถือเป็นวิวัฒนาการต่อยอดจากการเคลือบแก้ว โดยใช้สารตั้งต้นที่มีความซับซ้อนและมีคุณสมบัติที่เหนือกว่า สารประกอบหลักที่พบในน้ำยาเคลือบเซรามิกมักเป็น ซิลิกอนคาร์ไบด์ (Silicon Carbide หรือ SiC) ซึ่งเป็นสารประกอบที่ขึ้นชื่อเรื่องความแข็งแรงทนทานสูงมาก (มีความแข็งรองจากเพชร) หรือบางครั้งก็เป็นการผสมผสานระหว่าง SiO2 กับสารประกอบนาโนอื่นๆ ที่ช่วยเสริมความแข็งแรง ความยืดหยุ่น และความทนทานเป็นพิเศษ เมื่อเคลือบลงบนผิวรถ น้ำยาจะสร้างโครงสร้างผลึกที่แข็งแรงและมีความหนาแน่นสูงกว่าการเคลือบแก้วทั่วไป ทำให้เกิดเป็นชั้นฟิล์มที่ทนทานต่อการขีดข่วน การกัดกร่อนจากสารเคมี และสภาพอากาศที่รุนแรงได้ดียิ่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และมักจะมีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่าเคลือบแก้วทั่วไป ในบางกรณี น้ำยาเคลือบเซรามิกก็อาจถูกเรียกรวมๆ ว่า "เคลือบแก้วเซรามิก" หรือ "เคลือบแก้วคริสตัล" เนื่องจากมีลักษณะการใช้งานที่คล้ายคลึงกัน แต่ก็มีความแตกต่างกันในด้านโครงสร้างโมเลกุลที่ทำให้เกิดคุณสมบัติที่เหนือกว่า

  • สารตั้งต้น เคลือบแก้วเน้น SiO2 เป็นหลัก ส่วนเคลือบเซรามิกมักมี SiC หรือสารประกอบอื่นๆ ที่ให้ความแข็งแรงและทนทานสูงกว่า
  • ความแข็งแรงและทนทาน โดยทั่วไปแล้ว การเคลือบเซรามิกจะมีความแข็งแรงและความทนทานต่อการขีดข่วน การกัดกร่อนจากสารเคมี และสภาพอากาศได้ดีกว่า รวมถึงมีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่าการเคลือบแก้ว
  • ความเงางาม ทั้งสองแบบให้ความเงางามที่โดดเด่น แต่เคลือบเซรามิกมักจะให้ความเงาที่ลึกและฉ่ำกว่า (Wet Look)
  • ราคา การเคลือบเซรามิกมักมีราคาสูงกว่าการเคลือบแก้ว เนื่องจากมีต้นทุนน้ำยาที่สูงกว่าและกระบวนการเคลือบที่อาจซับซ้อนกว่า
  • การลดการเกาะตัวของน้ำและสิ่งสกปรก เคลือบเซรามิกมักมีคุณสมบัติ Hydrophobic (ไม่ชอบน้ำ) ที่ดีกว่า ทำให้คราบน้ำและสิ่งสกปรกเกาะติดได้ยากขึ้น และทำความสะอาดได้ง่ายกว่า

ข้อดีและข้อเสียของการเคลือบแก้ว

ข้อดีของการเคลือบแก้ว

  • เพิ่มความเงางาม ช่วยให้สีรถดูเงางามเป็นประกายคล้ายกระจก ทำให้รถดูใหม่และโดดเด่นอยู่เสมอ
  • ป้องกันรอยขีดข่วนเล็กน้อย ช่วยลดโอกาสการเกิดรอยขนแมว รอยขีดข่วนเล็กๆ น้อยๆ จากการใช้งานปกติ หรือการล้างรถ
  • ลดการเกาะตัวของน้ำและสิ่งสกปรก สร้างชั้นฟิล์มที่ทำให้หยดน้ำกลิ้งตัวออกจากผิวรถได้ง่ายขึ้น (Hydrophobic effect) ทำให้คราบน้ำ คราบฝุ่น โคลน หรือยางมะตอยเกาะติดได้ยากขึ้น และทำความสะอาดรถได้ง่ายกว่าเดิม
  • ป้องกันแสง UV ช่วยปกป้องสีรถจากการซีดจางที่เกิดจากรังสีอัลตราไวโอเลต (UV) จากแสงแดด
  • ยืดอายุการใช้งานสีรถ ช่วยรักษาสภาพสีรถเดิมให้คงความสดใหม่และเงางามได้ยาวนานขึ้น
  • ราคาเข้าถึงง่ายกว่า โดยทั่วไปแล้ว ค่าใช้จ่ายในการเคลือบแก้วจะย่อมเยากว่าการเคลือบเซรามิก

ข้อเสียของการเคลือบแก้ว

  • ไม่ป้องกันรอยขีดข่วนรุนแรง แม้จะป้องกันรอยขีดข่วนเล็กน้อยได้ แต่ไม่สามารถป้องกันรอยลึกที่เกิดจากสะเก็ดหิน กิ่งไม้ หรือการชนได้
  • อายุการใช้งานจำกัด โดยทั่วไปแล้ว การเคลือบแก้วจะมีอายุการใช้งานประมาณ 1-3 ปี ขึ้นอยู่กับคุณภาพของน้ำยา การดูแลรักษา และสภาพการใช้งาน
  • การดูแลรักษา ยังคงต้องมีการดูแลรักษาที่ถูกต้อง เช่น การล้างรถด้วยน้ำยาเฉพาะ และไม่ใช้ผ้าสกปรกเช็ดรถ เพื่อรักษาประสิทธิภาพของชั้นเคลือบ
  • อาจเกิดการแตกลายงา หากใช้สารเคลือบแก้วที่ไม่มีคุณภาพ หรือการเคลือบที่ไม่ได้มาตรฐาน อาจเกิดปัญหาชั้นเคลือบแตกลายงาได้เมื่อเวลาผ่านไป
  • ราคาค่อนข้างสูงกว่าการเคลือบแว็กซ์ เมื่อเทียบกับการเคลือบสีรถแบบเดิมๆ อย่างการลงแว็กซ์ การเคลือบแก้วมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่า

ข้อดีและข้อเสียของการเคลือบเซรามิก

ข้อดีของการเคลือบเซรามิก

  • ความแข็งแรงและทนทานสูง มีความแข็งแรงและทนทานต่อการขีดข่วน รอยขนแมว และการกัดกร่อนจากสารเคมีต่างๆ ได้ดีกว่าการเคลือบแก้วมาก
  • ประสิทธิภาพการลดการเกาะของน้ำและสิ่งสกปรกสูงสุด มีคุณสมบัติ Hydrophobic ที่ดีเยี่ยม ทำให้คราบน้ำ สิ่งสกปรก มูลนก ยางไม้ หรือยางมะตอยไม่สามารถเกาะติดฝังแน่นบนผิวรถได้ง่าย ทำให้การล้างรถเป็นเรื่องที่ง่ายและใช้เวลาน้อยลง
  • ปกป้องรังสี UV ได้ดีเยี่ยม ช่วยป้องกันสีรถจากการซีดจางและหมองคล้ำจากแสงแดดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้สีรถสดใสเหมือนใหม่อยู่เสมอ
  • ความเงางามที่ลึกและฉ่ำ ให้ความเงางามที่ดูมีมิติ ลึก และฉ่ำวาว (Wet Look) ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่หลายคนชื่นชอบ
  • อายุการใช้งานยาวนานกว่า โดยเฉลี่ยแล้ว การเคลือบเซรามิกสามารถคงทนได้ยาวนานกว่า 3-7 ปี ขึ้นอยู่กับคุณภาพของผลิตภัณฑ์และการดูแลรักษา
  • เพิ่มมูลค่ารถ การที่รถยนต์ได้รับการดูแลรักษาผิวสีอย่างดีด้วยการเคลือบเซรามิก สามารถช่วยรักษามูลค่าของรถเมื่อต้องการขายต่อ

ข้อเสียของการเคลือบเซรามิก

  • ค่าใช้จ่ายสูง เป็นข้อเสียที่สำคัญที่สุด เนื่องจากมีราคาที่สูงกว่าการเคลือบแก้วและวิธีการเคลือบอื่นๆ อย่างเห็นได้ชัด
  • ไม่ป้องกันรอยรุนแรงทุกประเภท แม้จะทนทานต่อรอยขีดข่วนได้ดีกว่า แต่ก็ไม่สามารถป้องกันรอยบุบ รอยยุบ หรือรอยลึกที่เกิดจากอุบัติเหตุ หรือสะเก็ดหินขนาดใหญ่ได้ การป้องกันที่ดีที่สุดสำหรับกรณีนี้คือการติดฟิล์มกันรอย
  • ความละเอียดในการเตรียมผิว การเคลือบเซรามิกต้องใช้ความละเอียดและพิถีพิถันในการเตรียมผิวรถก่อนการเคลือบอย่างมาก หากเตรียมผิวไม่ดี หรือมีรอยตำหนิอยู่ก่อน อาจทำให้ผลลัพธ์ไม่สมบูรณ์
  • ต้องดูแลรักษาอย่างต่อเนื่อง แม้จะทนทาน แต่ก็ยังคงต้องมีการดูแลรักษาอย่างถูกวิธีตามคำแนะนำของร้านที่ให้บริการ เพื่อยืดอายุการใช้งานของชั้นเคลือบ
  • หากเสียหายต้องแก้ไขโดยผู้เชี่ยวชาญ หากชั้นเคลือบเซรามิกเกิดความเสียหายหรือหลุดลอก จะต้องให้ผู้เชี่ยวชาญแก้ไขเท่านั้น ซึ่งอาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

ทั้งการเคลือบแก้วและการเคลือบเซรามิกเป็นทางเลือกที่ดีเยี่ยมในการปกป้องและเพิ่มความสวยงามให้กับสีรถยนต์ การเลือกระหว่างสองสิ่งนี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ

  • งบประมาณ หากมีงบประมาณจำกัดและต้องการความเงางามพร้อมการป้องกันเบื้องต้น การเคลือบแก้วอาจเป็นทางเลือกที่คุ้มค่า
  • ความต้องการในการป้องกัน หากต้องการการปกป้องที่เหนือกว่า ทนทานต่อการขีดข่วนและสารเคมีได้ดีเยี่ยม รวมถึงอายุการใช้งานที่ยาวนาน การเคลือบเซรามิกจะตอบโจทย์ได้ดีกว่า
  • สภาพการใช้งาน หากรถต้องเผชิญกับสภาพแวดล้อมที่รุนแรง เช่น จอดกลางแจ้งบ่อยๆ หรือวิ่งบนถนนที่มีฝุ่นควันและสิ่งสกปรกมาก การเคลือบเซรามิกจะช่วยปกป้องได้ดีกว่า

ตารางเปรียบเทียบความแตกต่างที่สำคัญ

คุณสมบัติ

การเคลือบแก้ว (Glass Coating)

การเคลือบเซรามิก (Ceramic Coating)

สารตั้งต้นหลัก

ซิลิก้าไดออกไซด์ (SiO2)

ซิลิกอนคาร์ไบด์ (SiC) หรือ SiO2 ผสมสารนาโนอื่นๆ

ความแข็งแรง

ปานกลาง (แข็งกว่าแล็กเกอร์ทั่วไป)

สูงมาก (ทนทานต่อรอยขีดข่วนได้ดีเยี่ยม)

ความทนทาน/อายุ

ประมาณ 1-3 ปี

ประมาณ 3-7 ปี หรือมากกว่า (ขึ้นอยู่กับผลิตภัณฑ์และการดูแล)

การลดการเกาะน้ำ

ดี (หยดน้ำกลิ้งตัว)

ดีเยี่ยม (Hydrophobic effect สูงมาก)

การป้องกันรอย

ป้องกันรอยขนแมวและรอยเล็กน้อยได้

ป้องกันรอยขนแมว รอยขีดข่วนเล็กน้อยได้ดีกว่ามาก

การป้องกันสารเคมี

ปานกลาง

สูง (ทนทานต่อมูลนก ยางไม้ คราบน้ำมันได้ดีกว่า)

ความเงางาม

เงางามเป็นประกายคล้ายกระจก

เงางามลึก ซ่อนมิติ มีความฉ่ำวาว (Wet Look)

ราคา

ย่อมเยากว่า

สูงกว่า

ไม่ว่าคุณจะเลือกเคลือบแก้วหรือเคลือบเซรามิก สิ่งสำคัญที่สุดคือการเลือกร้านที่น่าเชื่อถือ มีผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ และใช้น้ำยาที่มีคุณภาพมาตรฐาน เพื่อให้มั่นใจว่ารถของคุณจะได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด และชั้นเคลือบจะคงทนสวยงามตามที่คุณต้องการ

แชร์
แก้วหรือเซรามิก เมื่อการดูแลผิวสีรถไม่ใช่แค่เรื่องเงา แต่คือความเข้าใจ