Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
ชีวิตติดล้อ ความสำคัญของการ “ดูแลยางรถยนต์” ในวันที่อุณหภูมิเดือด!

ชีวิตติดล้อ ความสำคัญของการ “ดูแลยางรถยนต์” ในวันที่อุณหภูมิเดือด!

2 พ.ค. 68
10:00 น.
แชร์

เมื่อฤดูร้อนมาเยือน แสงแดดที่แผดจ้าและอุณหภูมิที่สูงขึ้นไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเพียงร่างกายของเราเท่านั้น แต่ยังส่งผลโดยตรงต่อ "เท้า" ของรถยนต์ที่เราใช้งานอยู่ทุกวัน นั่นคือ "ยางรถยนต์" หลายคนอาจมองข้ามความสำคัญของการดูแลยางรถยนต์ในช่วงหน้าร้อน แต่ในความเป็นจริงแล้ว สภาพอากาศที่ร้อนจัดสามารถส่งผลต่อแรงดันลมยาง โครงสร้าง และอายุการใช้งานของยาง ซึ่งมีความเชื่อมโยงโดยตรงกับความปลอดภัยในการขับขี่ของเราทุกคน การใส่ใจดูแลยางรถยนต์เป็นพิเศษในช่วงหน้าร้อนจึงไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย แต่เป็นความรับผิดชอบที่ผู้ใช้รถทุกคนควรตระหนัก

แรงดันลมยาง ศัตรูตัวร้ายที่มองไม่เห็นในวันที่อากาศร้อน

หนึ่งในผลกระทบที่สำคัญที่สุดของอุณหภูมิที่สูงขึ้นต่อยางรถยนต์คือ การเปลี่ยนแปลงของแรงดันลมยาง ตามหลักการทางฟิสิกส์ เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น โมเลกุลของอากาศจะขยายตัว ทำให้แรงดันลมภายในยางเพิ่มสูงขึ้น หากเราเติมลมยางในระดับปกติของวันที่อากาศเย็น เมื่อเจอสภาพอากาศร้อนจัด แรงดันลมยางอาจสูงเกินกว่าที่ผู้ผลิตกำหนด ซึ่งนำไปสู่ความเสี่ยงหลายประการ

  • ยางระเบิด แรงดันลมที่สูงเกินไปจะทำให้ยางแข็งกระด้างและมีความเค้นสูงขึ้น เมื่อเจอกับความร้อนจากพื้นถนนและการเสียดสีขณะขับขี่ ยางมีโอกาสระเบิดได้ง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากยางมีสภาพเก่า หรือมีรอยแตกร้าวอยู่แล้ว
  • การสึกหรอที่ไม่สม่ำเสมอ แรงดันลมที่สูงเกินไปจะทำให้ส่วนกลางของหน้ายางสัมผัสกับพื้นถนนมากกว่าส่วนอื่น ส่งผลให้เกิดการสึกหรอตรงกลางยางเร็วกว่าปกติ
  • ประสิทธิภาพการยึดเกาะถนนลดลง ยางที่แข็งกระด้างจากแรงดันลมที่สูงเกินไป จะลดพื้นที่สัมผัสกับพื้นถนน ทำให้ประสิทธิภาพในการยึดเกาะถนนลดลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขณะเข้าโค้งหรือเบรก

ในทางตรงกันข้าม หากแรงดันลมยางต่ำกว่ามาตรฐานในวันที่อากาศร้อน ยางจะเกิดการบิดตัวและเสียดสีกับพื้นถนนมากขึ้น ทำให้เกิดความร้อนสะสมภายในยางสูงขึ้น ซึ่งก็เพิ่มความเสี่ยงต่อการระเบิดและทำให้ยางสึกหรอเร็วกว่าปกติเช่นกัน

สังเกตสัญญาณเตือนภัยบนผิวยาง

นอกจากการเปลี่ยนแปลงของแรงดันลมยางแล้ว ความร้อนยังส่งผลกระทบต่อโครงสร้างและสภาพภายนอกของยางรถยนต์อีกด้วย การสังเกตลักษณะของยางอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้เราตรวจพบความผิดปกติได้ตั้งแต่เนิ่นๆ

  • รอยแตกร้าว ความร้อนและรังสี UV จากแสงแดดสามารถทำให้เนื้อยางเสื่อมสภาพและเกิดรอยแตกร้าวเล็กๆ บนแก้มยางหรือหน้ายาง หากปล่อยทิ้งไว้นานวัน รอยแตกร้าวเหล่านี้จะขยายใหญ่ขึ้นจนเป็นอันตราย
  • การบวม หากพบว่ามีส่วนใดส่วนหนึ่งของแก้มยางบวมออกมา อาจเป็นสัญญาณว่าโครงสร้างภายในยางได้รับความเสียหายจากความร้อนหรือการกระแทก ควรนำรถไปให้ช่างผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบโดยด่วน
  • การสึกหรอผิดปกติ นอกจากแรงดันลมยางที่ไม่เหมาะสมแล้ว ความร้อนยังสามารถเร่งอัตราการสึกหรอของยางได้อีกด้วย การสังเกตลักษณะการสึกหรอ หากไม่สม่ำเสมอ ควรตรวจสอบช่วงล่างของรถยนต์เพิ่มเติม

ขับขี่บนถนนร้อนต้องเพิ่มความระมัดระวัง

สภาพพื้นผิวถนนในช่วงหน้าร้อนก็เป็นอีกปัจจัยที่ต้องนำมาพิจารณา อุณหภูมิของพื้นผิวถนนที่โดนแสงแดดโดยตรงสามารถสูงกว่าอุณหภูมิอากาศภายนอกมาก ซึ่งส่งผลต่อยางรถยนต์โดยตรง

  • ความร้อนสะสม การขับขี่บนถนนที่ร้อนจัดเป็นเวลานานจะทำให้เกิดความร้อนสะสมในยางมากขึ้น เพิ่มความเสี่ยงต่อการระเบิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากยางมีสภาพไม่สมบูรณ์
  • การยึดเกาะถนนที่เปลี่ยนแปลง อุณหภูมิของพื้นผิวถนนที่สูงขึ้นอาจส่งผลต่อคุณสมบัติการยึดเกาะของยางในบางสถานการณ์ ผู้ขับขี่จึงควรเพิ่มความระมัดระวังในการควบคุมรถ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการเบรกและเข้าโค้ง

อายุการใช้งานที่อาจสั้นลงในหน้าร้อน

ความร้อนเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่ออายุการใช้งานของยางรถยนต์ การสัมผัสกับความร้อนสูงอย่างต่อเนื่องจะเร่งกระบวนการเสื่อมสภาพของเนื้อยาง ทำให้ยางแข็งกระด้าง สูญเสียความยืดหยุ่น และแตกร้าวได้ง่ายขึ้น การดูแลรักษายางอย่างเหมาะสมในช่วงหน้าร้อนจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยยืดอายุการใช้งานของยางและประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว

คู่มือดูแลยางรถยนต์รับมือหน้าร้อนอย่างมั่นใจ

เพื่อให้ยางรถยนต์ของคุณพร้อมรับมือกับสภาพอากาศร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย ควรปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้

  1. ตรวจสอบและปรับแรงดันลมยางอย่างสม่ำเสมอ ควรตรวจสอบแรงดันลมยางอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง หรือก่อนการเดินทางไกล และปรับให้เหมาะสมตามคู่มือรถยนต์ โดยควรตรวจเช็คในขณะที่ยางเย็น (ก่อนการใช้งาน หรือหลังจอดรถอย่างน้อย 3 ชั่วโมง) และ อย่าลดแรงดันลมยางออกเมื่อยางร้อน เพราะแรงดันที่เพิ่มขึ้นเป็นผลมาจากการขยายตัวของอากาศตามธรรมชาติ
  2. สังเกตสภาพยางอย่างละเอียด ตรวจสอบหน้ายาง แก้มยาง และไหล่ยางหารอยแตกร้าว บวม หรือการสึกหรอที่ผิดปกติ หากพบความผิดปกติ ควรรีบนำรถไปให้ช่างผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบ
  3. หลีกเลี่ยงการบรรทุกน้ำหนักเกิน การบรรทุกน้ำหนักเกินกว่าที่กำหนดจะเพิ่มภาระให้กับยาง ทำให้เกิดความร้อนสะสมมากขึ้น
  4. ขับขี่ด้วยความเร็วที่เหมาะสม การขับขี่ด้วยความเร็วสูงจะเพิ่มความร้อนและการสึกหรอของยาง
  5. หลีกเลี่ยงการเบรกและออกตัวอย่างรุนแรง พฤติกรรมการขับขี่ที่นุ่มนวลจะช่วยลดความร้อนและการสึกหรอของยาง
  6. จอดรถในที่ร่ม หากเป็นไปได้ ควรจอดรถในที่ร่มเพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับแสงแดดโดยตรง
  7. ดูแลรักษายางอย่างถูกวิธี ทำความสะอาดล้อและยางอย่างสม่ำเสมอ และหลีกเลี่ยงการใช้น้ำยาเคลือบเงายางที่ไม่เหมาะสม ซึ่งอาจทำให้ยางเสื่อมสภาพเร็วขึ้น
  8. ตรวจสอบอายุยาง ยางรถยนต์มีอายุการใช้งาน แม้ว่าจะใช้งานน้อย หากยางมีอายุเกิน 5 ปี ควรตรวจสอบสภาพอย่างละเอียดโดยช่างผู้เชี่ยวชาญ และพิจารณาเปลี่ยนเมื่อถึงเวลา
  9. ศึกษาคำแนะนำจากผู้ผลิต อ่านคู่มือรถยนต์และคำแนะนำจากผู้ผลิตยางรถยนต์เกี่ยวกับแรงดันลมยางที่เหมาะสมและการดูแลรักษายาง

ใส่ใจยางเพื่อความปลอดภัย

การดูแลยางรถยนต์ในช่วงหน้าร้อนไม่ใช่เรื่องที่ควรมองข้าม เพราะยางรถยนต์คือส่วนเดียวของรถยนต์ที่สัมผัสกับพื้นถนนโดยตรง สภาพที่ดีของยางจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความปลอดภัยในการขับขี่ การใส่ใจตรวจสอบแรงดันลมยาง สังเกตสภาพยาง ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการขับขี่ และดูแลรักษายางอย่างถูกวิธี จะช่วยให้คุณมั่นใจในทุกการเดินทางบนท้องถนนที่ร้อนระอุนี้ ดูแลยางรถยนต์ของคุณให้ดี แล้วทุกเส้นทางในหน้าร้อนนี้จะปลอดภัยและราบรื่นอย่างแน่นอน

แชร์
ชีวิตติดล้อ ความสำคัญของการ “ดูแลยางรถยนต์” ในวันที่อุณหภูมิเดือด!