
วันที่ 4 พ.ย.68 อ.ทรงฤทธิ์ โพนเงิน นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญกลุ่มประเทศลุ่มน้ำโขง เปิดเผยกรณีสถานการณ์บริเวณพื้นที่ปราสาทตาควาย ยอมรับว่า ตอนนี้ยังเป็นพื้นที่ต่างฝ่าย ต่างอ้างสิทธิ์ และจะชัดเจนว่าเป็นพื้นที่ของใครคือการสำรวจและใช้เทคโนโลยี ไลดาร์ (LiDAR) เข้ามาชี้วัด โดยขอให้เชื่อมั่นฝ่ายความมั่นคง ที่ทำหน้าที่รักษาอธิปไตยบริเวณแนวชายแดนมาอย่างยาวนาน
โดยที่ผ่านมาทาง พล.ต.ณัฏฐ์ ศรีอินทร์ รองแม่ทัพภาค 2 พูดชัดเจนแล้วว่าหากไทยต้องการจะยึดปราสาทตาควายคืน ก็สามารถยึดได้ แต่มันจะคุ้มค่าไหม หากต้องแลกกับชีวิตของทหาร เพราะที่ผ่านมาสู้กันมาแล้ว หากสู้รอบ 2 ก็จะวนมารูปแบบเดิม
มองว่าภายในข้อกำหนด 4 ข้อ ที่ทางไทยยื่นให้กับกัมพูชาต้องปฏิบัติตาม ถือว่าเป็นสิ่งได้เปรียบ ผูกมัดฝั่งกัมพูชาไว้ โดยเฉพาะเรื่องการ ใช้เทคโนโลยีไลดาร์ ที่ฝั่งกัมพูชาได้ยินยอม ให้ใช้สำรวจร่วมกัน
โดยเทคโนโลยีไลดาร์เป็นหลักสากลที่ทั่วโลกยอมรับ เพราะหากไลดาร์ชี้ชัดแบ่งเขตแดนได้แล้ว ว่าปราสาทตาควาย อยู่ในแนวสันปันน้ำของประเทศไทย หากกัมพูชาไม่ยอมรับก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะถือเป็นพยานหลักฐานที่ผูกมัดกัมพูชาไว้
สำหรับสถานการณ์ในพื้นที่ปราสาทตาควายตอนนี้ อาจารย์ทรงฤทธิ์ เล่าให้ฟังว่าในวันที่เริ่มการปะทะทหารไทย สามารถบุกเข้าไปถึงตัวประสาทตาควายส่วนหนึ่ง แต่เมื่อระหว่างเข้าไปพบว่ามีทุนระเบิด ที่ทางฝั่งกัมพูชาลักลอบมาวางไว้เป็นจำนวนมาก จึงต้องมีการถอยร่น ส่วนตัวเชื่อว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง ไม่ควรเอาชีวิตของทหารไปแลกกับโบราณสถาณ
ขณะเดียวกัน อ.ทรงฤทธิ์ บอกว่าตอนนี้ ยังไม่ได้รับการรายงานว่าทาง ฮุนเซน มีการล้อมรั้ว บริเวณโดยรอบปราสาทตาควาย หลังจากที่มีข้อมูลในโลกออนไลน์นำเสนอ ว่าตอนนี้ฮุนเซน เตรียมสร้างรั้วปราสาทตาควาย
ตอนนี้ขอให้คนไทยอย่าเพิ่งใจร้อน ค่อยๆติดตาม เพราะตอนนี้สถานการณ์กัมพูชา ไม่ได้ทะเลาะกับประเทศไทยประเทศเดียว แต่กำลังถูกโลกล้อมไว้ ทั้งเรื่องสแกมเมอร์ และ เรื่องทุ่นระเบิด
Advertisement