Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
ศึกแห่งก้น! เบาะผ้า VS เบาะหนัง ใครจะอยู่ใครจะไป ให้ก้นเป็นผู้ตัดสิน!

ศึกแห่งก้น! เบาะผ้า VS เบาะหนัง ใครจะอยู่ใครจะไป ให้ก้นเป็นผู้ตัดสิน!

23 เม.ย. 68
12:00 น.
แชร์

ในชีวิตของผู้ใช้รถทุกคน สิ่งที่คุณสัมผัสมากที่สุดบนรถไม่ใช่พวงมาลัย ไม่ใช่คันเร่ง… แต่มันคือ “เบาะนั่ง” ที่คุณนั่งอยู่ทุกวัน ตั้งแต่รถติดไฟแดงยันขับทางไกลไปเที่ยวต่างจังหวัด และนั่นทำให้เกิดคำถามคลาสสิกที่ถกกันไม่รู้จบว่า…

“เบาะผ้ากับเบาะหนัง อะไรดีกว่ากัน?”

วันนี้เราจะพาไปดูเรื่องเบาะ และการดูแลรักษา ไปจนถึงเรื่องจุกจิกอย่าง "ร้อนมั้ย? เหม็นมั้ย? ลอกมั้ย?" พร้อมเปรียบเทียบ เพื่อช่วยตัดสินใจว่าก้นของคุณเหมาะกับเบาะแบบไหน

รู้จักวัสดุให้ลึกก่อนตัดสินใจ

เบาะผ้าคืออะไร

เบาะผ้าถูกหุ้มด้วยวัสดุที่เป็นเส้นใย ไม่ว่าจะเป็นผ้าฝ้าย ผ้าโพลีเอสเตอร์ หรือผ้าทอผสม มีหลากหลายประเภท ทั้งแบบผ้าหนา ผ้ากำมะหยี่ หรือแบบเมช (Mesh) ที่มีความโปร่งและระบายอากาศได้ดี

โครงสร้างภายใน ส่วนใหญ่โครงเบาะทำจากโฟมและโครงเหล็กเหมือนกันกับเบาะหนัง แต่สิ่งที่ต่างคือชั้นบนสุดที่สัมผัสกับตัวผู้ใช้นั่นเอง

จุดเด่นของเบาะผ้าจะให้สัมผัสที่นุ่มกว่า ยืดหยุ่น และมีการ “หายใจ” ได้ ไม่อมความร้อนเหมือนหนัง

รถที่ใช้บ่อย รถเล็กรุ่นพื้นฐาน รถญี่ปุ่นส่วนใหญ่ และบางรุ่นของรถยุโรปที่เน้นความ Practical มากกว่าความหรู

เบาะหนังคืออะไร

เบาะหนังมีทั้งหนังแท้ หนังเทียม และหนังสังเคราะห์ เช่น PU (Polyurethane) หรือ PVC ซึ่งมีความใกล้เคียงกับหนังแท้มากขึ้นเรื่อย ๆ ตามเทคโนโลยีที่พัฒนาไป

ประเภทของเบาะหนัง

  • หนังแท้ – ทำจากหนังสัตว์ เช่น หนังวัว ให้ความหรูหราและทนทานมาก
  • หนังเทียม PU – หนังสังเคราะห์ที่ให้สัมผัสใกล้เคียงหนังแท้ที่สุดในราคาย่อมเยา
  • หนัง PVC – ทนทานมาก แต่แข็งและไม่ระบายอากาศเท่าหนัง PU

รถที่ใช้บ่อย รถหรู รถ SUV รุ่นท็อป รถยุโรปแทบทั้งหมด หรือแม้แต่กระบะตัวแรงที่ต้องการความพรีเมียมในห้องโดยสาร

ข้อดี-ข้อเสียของเบาะผ้า

จุดแข็งของเบาะผ้าของสายลุยเมืองร้อน

ข้อดี

  • ระบายอากาศดีเยี่ยม – เนื้อผ้า "หายใจ" ได้ ไม่อมเหงื่อ ไม่อับแม้ในหน้าร้อนหรือหน้าฝน
  • นั่งสบาย นุ่มตัว – ให้ความรู้สึกเป็นมิตรกับร่างกาย ไม่แสบ ไม่ลื่น
  • ไม่ร้อนหลังจอดกลางแดด – นั่งลงแล้วไม่ต้องผงะเพราะโดนย่างตูด
  • ไม่ลื่นเวลาเบรก – เหมาะสำหรับคนชอบนั่งมั่น ๆ ไม่ต้องเกร็งตอนเข้าโค้ง
  • ราคาถูก – ต้นทุนต่ำ ประหยัดเงินตั้งแต่ซื้อรถ ไม่ต้องอัปเกรดเพิ่ม

ข้อเสีย

  • เปื้อนง่าย ซึมน้ำเร็ว – หกกาแฟ หกน้ำ หกอะไรก็ซึมเข้าผ้าทันที
  • ทำความสะอาดยาก – ต้องใช้น้ำยาเฉพาะ และต้องใช้เวลาซักล้าง
  • เก็บกลิ่น – โดยเฉพาะกลิ่นเหงื่อ กลิ่นอาหาร หรือกลิ่นอับในฤดูฝน
  • ดูไม่หรู – แม้จะมีลวดลายสวย แต่ความพรีเมียมสู้หนังไม่ได้
  • อาจดูเก่าเร็ว – สีซีด ขุยขึ้นง่ายหากไม่ดูแลดีพอ

จุดแข็งของเบาะหนังสายหรู เน้นภาพลักษณ์และความง่าย

ข้อดี

  • หรูหรา มีระดับ – ขึ้นรถปุ๊บรู้เลย รถคนมีรสนิยม!
  • เช็ดล้างง่าย – กาแฟหก น้ำหก ไม่ต้องตกใจ แค่ผ้าเช็ดจบ
  • ไม่อมฝุ่น – ดีต่อคนแพ้ฝุ่นหรือภูมิแพ้ เพราะไม่มีเส้นใยให้ฝุ่นเกาะ
  • ทำความสะอาดง่ายกว่าในระยะยาว – แค่เช็ดก็จบ ไม่ต้องถอดซัก
  • เพิ่มมูลค่ารถ – รถดูดีขึ้น ขายต่อก็ได้ราคาดีกว่าเบาะผ้า

ข้อเสีย

  • ร้อนจี๋เวลาเจอแดด – เหมือนนั่งบนกระทะทอดไข่ โดยเฉพาะหนังสีดำ
  • ลื่น – โดยเฉพาะคนที่ใส่กางเกงผ้าลื่น ๆ หรือเวลาขับเร็วเข้าโค้ง
  • แตกลอกตามเวลา – หนังเทียมอาจแตกหรือลอกเป็นขุยหลังใช้งาน 3–5 ปี
  • ต้องดูแลพิเศษ – ต้องทาครีมบำรุงหนัง ถ้าไม่ดูแลจะกรอบเร็ว
  • แพง – โดยเฉพาะถ้าเป็นหนังแท้ หรือต้องจ่ายเพิ่มเป็น option

เบาะแบบไหนเหมาะกับใคร

กลุ่มผู้ใช้

เบาะผ้า เหมาะกับ…

เบาะหนัง เหมาะกับ…

คนใช้รถทุกวัน

/ ไม่ร้อน ไม่อับ

X อาจร้อนหากไม่มีที่จอดในร่ม

ครอบครัวมีเด็ก

X เปื้อนง่าย

/ เช็ดง่าย หายห่วง

คนชอบแต่งรถ

/ เปลี่ยนผ้าหุ้มง่าย

/ เปลี่ยนลุคได้ด้วยเบาะหนังสั่งตัด

คนแพ้ฝุ่น

X ผ้าสะสมฝุ่น

/ หนังไม่เก็บฝุ่น

คนเน้นความหรู

X ธรรมดาเกินไป

/ รถดูดีแบบมีคลาส

ควรเลือกเบาะแบบไหน

เลือกเบาะผ้า

  • คุณใช้รถในเมืองบ่อย ๆ จอดตากแดดบ่อย
  • ต้องการเบาะที่เย็น ไม่ลื่น และราคาประหยัด
  • ไม่ซีเรียสเรื่องลุคความหรู

เลือกเบาะหนัง

  • คุณต้องการภาพลักษณ์หรู ดูดีทั้งภายในและภายนอก
  • มีที่จอดในร่ม หรือพร้อมติดฟิล์มกันความร้อน
  • ต้องการความสะดวกในการทำความสะอาด

"ก้นคุณรู้ดีที่สุด"

ไม่มีคำตอบตายตัวว่าควรเลือกเบาะผ้าหรือเบาะหนัง เพราะขึ้นอยู่กับ พฤติกรรมการใช้งาน ไลฟ์สไตล์ และสภาพอากาศที่คุณเจอทุกวัน อย่าลืมว่า “เบาะ” อาจไม่ใช่สิ่งที่คนอื่นเห็นก่อน แต่เป็นสิ่งที่คุณต้องอยู่กับมันทุกวัน! ดังนั้นอย่าฟังแค่เสียงคนอื่น… ฟังเสียง “ก้น” คุณเอง!

การดูแลรักษาเบาะรถ – ผ้ากับหนัง ดูแลยังไงให้สวยนาน ไม่พังไว?

วิธีดูแลเบาะผ้า

เบาะผ้าจะให้ความรู้สึกอบอุ่น สบายตัว แต่ก็มีจุดอ่อนเรื่องการเก็บฝุ่น ความชื้น และการซึมน้ำ ดังนั้นถ้าอยากให้เบาะผ้าอยู่กับคุณนาน ๆ ต้องใช้ความเอาใจใส่มากกว่าเล็กน้อย

สิ่งที่ควรทำ

  • ดูดฝุ่นเป็นประจำ – อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง เพราะเส้นใยผ้าจะเก็บฝุ่นละออง เส้นผม และเศษอาหารได้ง่ายมาก
  • ใช้เครื่องฟอกอากาศหรืออบโอโซนในรถบ้าง – ช่วยลดกลิ่นอับและฆ่าเชื้อโรคที่สะสมในเนื้อผ้า
  • ใช้น้ำยาเฉพาะสำหรับเบาะผ้า – ห้ามใช้น้ำยาทำความสะอาดเอนกประสงค์หรือแปรงแข็ง เพราะจะทำลายเนื้อผ้าและสี
  • กันเปื้อนด้วยผ้ารองหรือเบาะคลุมแบบบาง – โดยเฉพาะถ้าคุณมีเด็กเล็กหรือสัตว์เลี้ยง
  • ทำความสะอาดลึกทุก 6 เดือน – 1 ปี – ถอดซัก (ถ้าเบาะแยกได้) หรือใช้บริการทำความสะอาดเบาะโดยผู้เชี่ยวชาญ

สิ่งที่ห้ามทำ

  • ห้ามใช้ไดร์เป่าผ้าแรง ๆ หรือเป่าลมร้อน เพราะความร้อนจะทำให้เนื้อผ้าหดตัวหรือซีด
  • ห้ามทิ้งของเปียกไว้บนเบาะ เพราะจะทำให้เกิดเชื้อราได้ง่ายมาก

วิธีดูแลเบาะหนัง

แม้เบาะหนังจะดูแลง่ายกว่าเบาะผ้า แต่ถ้าปล่อยปละละเลย ก็ลอก แตก แห้งกรอบได้เช่นกัน โดยเฉพาะในอากาศร้อนแบบบ้านเรา

สิ่งที่ควรทำ

  • เช็ดฝุ่นและสิ่งสกปรกเป็นประจำ – ใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์แห้งหรือผ้าชุบน้ำหมาด ๆ เพื่อเช็ดฝุ่นแบบเบา ๆ
  • ใช้น้ำยาทำความสะอาดเบาะหนังโดยเฉพาะ – อย่าใช้น้ำยาแรง ๆ ที่มีแอลกอฮอล์ หรือพวกน้ำยาเช็ดกระจก เพราะจะทำให้หนังแห้งและลอก
  • ทาครีมบำรุงหนัง (Leather Conditioner) – ทุก 2-3 เดือน เพื่อให้หนังนุ่ม ไม่แห้งกรอบ
  • จอดในที่ร่มหรือใช้ม่านบังแดด – รังสี UV เป็นศัตรูเบอร์หนึ่งของเบาะหนัง โดยเฉพาะสีดำ
  • ระบายอากาศในรถก่อนขึ้นนั่ง – ถ้าจอดกลางแดด ให้เปิดประตูหรือกระจกก่อนเข้า เพื่อไม่ให้ความร้อนสะสมทำร้ายเบาะ

สิ่งที่ห้ามทำ

  • ห้ามใช้ฟองน้ำหยาบหรือแปรงขัดหนังแรง ๆ เพราะจะทำให้เกิดรอยถลอก
  • ห้ามทิ้งน้ำไว้บนเบาะนาน ๆ โดยเฉพาะน้ำหวานหรือกาแฟ เพราะถึงจะเช็ดได้ แต่จะทิ้งคราบเหนียวและกลิ่น

เปรียบเทียบการดูแลรักษา เบาะผ้า VS เบาะหนัง

หัวข้อ

เบาะผ้า

เบาะหนัง

ความถี่ในการดูแล

ต้องดูดฝุ่นบ่อย ซักลึกปีละ 1 ครั้ง

เช็ดฝุ่นบ่อย ทาครีมบำรุง 3 เดือนครั้ง

อุปกรณ์ที่ใช้

น้ำยาเฉพาะผ้า แปรงนุ่ม ไมโครไฟเบอร์

น้ำยาเฉพาะหนัง ผ้านุ่ม ครีมบำรุง

ความทนทานหากไม่ดูแล

อับ กลิ่นแรง เก่าเร็ว

แตก ลอก แห้งกรอบ

ความยุ่งยากในการทำความสะอาด

สูง ต้องล้างและซัก

ต่ำ เช็ดแล้วจบ

ค่าใช้จ่ายในการดูแล

ต่ำ-กลาง (ซื้ออุปกรณ์ทั่วไป)

กลาง-สูง (น้ำยา+ครีมเฉพาะทาง)

แนะนำการดูแลเบาะ

  • เบาะผ้า ถ้าคุณอยากป้องกันเบาะผ้าไม่ให้เปื้อนง่าย แนะนำให้เคลือบสารกันน้ำ (Fabric Protector Coating) หรือใช้บริการเคลือบเบาะจากศูนย์ดูแลรถยนต์
  • เบาะหนัง ถ้าคุณไม่อยากให้หนังลอกเร็ว อย่าลืมเลือกน้ำยาบำรุงที่มีค่า pH Balance สำหรับหนังโดยเฉพาะ และทาทุกครั้งหลังล้างรถ

สรุปการดูแลเบาะ

สไตล์ผู้ใช้

เลือกเบาะ

เน้นดูแลด้วย...

สายสะอาดแต่ไม่ชอบวุ่นวาย

หนัง

น้ำยาเช็ด + ครีมบำรุง + ผ้าไมโครไฟเบอร์

สายรักธรรมชาติ ชอบสัมผัสนุ่ม

ผ้า

เครื่องดูดฝุ่น + น้ำยาทำความสะอาดผ้า

สายครอบครัวมีลูกซน

หนัง

เช็ดไวได้ ไม่ต้องห่วงคราบหรือกลิ่น

สายลุย ขับรถทุกวัน

ผ้า

หายใจได้ ไม่ร้อน ไม่มัน ไม่ลื่น

แชร์
ศึกแห่งก้น! เบาะผ้า VS เบาะหนัง ใครจะอยู่ใครจะไป ให้ก้นเป็นผู้ตัดสิน!