จากเหตุการณ์สุดระทึก ที่เฉียดความตายของ “ฌอห์ณ จินดาโชติ” พร้อมภรรยา “เพชร ภิพัชรา” กับโรดทริปที่ หลวงพระบาง สปป. ลาวระหว่างที่ขับท่องเที่ยว ที่ทั้งคู่เริ่มได้กลิ่นไหม้ จึงรีบจอดรถ และวิ่งออกไปนอกตัวรถ เห็นลูกไฟหล่นใต้ท้องรถ บริเวณที่ ฌอห์ณเป็นคนขับ เพียง 7- 8 วินาที รถก็ระเบิดขึ้นทันที
กลิ่นไหม้ในรถยนต์มาจากสาเหตุใดได้บ้าง
กลิ่นเหม็นไหม้ในรถยนต์สามารถเกิดจากหลายสาเหตุ ซึ่งอาจจะต้องตรวจสอบอย่างละเอียดเพื่อหาต้นตอที่แท้จริง ลองเช็กลิสต์ดังต่อไปนี้ดู อาจทำให้เกิดกลิ่นเหม็นไหม้ในรถ
- เบรกหรือคลัชต์ร้อนเกินไป หากเบรกถูกใช้งานหนักเกินไป หรือมีปัญหากับระบบเบรก เช่น เบรกหนึบหรือยางเบรกสึกหรอ อาจทำให้เกิดกลิ่นไหม้จากการเสียดสีระหว่างจานเบรกกับผ้าเบรก
- สายไฟหรือฟิวส์ไหม้ กลิ่นไหม้อาจเกิดจากการลัดวงจรในระบบไฟฟ้าของรถยนต์ เช่น สายไฟที่หักหรือสัมผัสกัน หรือฟิวส์ที่ไหม้ ซึ่งจะทำให้เกิดกลิ่นเหม็นไหม้จากพลาสติกหรือสายไฟ
- น้ำมันหรือน้ำหล่อเย็นรั่ว หากมีน้ำมันเครื่องหรือน้ำหล่อเย็นรั่วลงบนเครื่องยนต์ หรือส่วนอื่นๆ ของรถที่มีความร้อน อาจทำให้เกิดกลิ่นไหม้จากการที่น้ำมันหรือสารหล่อเย็นถูกทำให้ระเหยจากความร้อน
- ระบบปรับอากาศ (แอร์) การสะสมของฝุ่น หรือเชื้อราในระบบแอร์อาจทำให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์คล้ายไหม้ได้ อีกสาเหตุหนึ่งคือการเกิดปัญหากับมอเตอร์แอร์ที่อาจจะมีความร้อนเกินไปหรือสายไฟชำรุด
- ยางหรือพลาสติกละลาย หากมีวัตถุหรือวัสดุจากในรถ เช่น พลาสติกหรือยาง สัมผัสกับส่วนที่มีความร้อนสูงในเครื่องยนต์ อาจทำให้วัสดุนั้นละลายหรือไหม้และเกิดกลิ่นเหม็น
- ปัญหาจากคลัตช์ (สำหรับรถเกียร์ธรรมดา) การใช้คลัตช์ไม่ถูกวิธี หรือการเหยียบคลัตช์อย่างผิดวิธี (โดยเฉพาะการเหยียบค้างนาน) อาจทำให้เกิดการไหม้ของแผ่นคลัตช์และส่งกลิ่นเหม็น
การป้องกันและการแก้ไข
- การตรวจสอบไฟฟ้าภายในรถ ควรตรวจเช็คสายไฟต่างๆ โดยเฉพาะในระบบไฟฟ้า และควรใช้บริการช่างมืออาชีพในการตรวจสอบ
- หมั่นตรวจเช็คระบบเบรกและคลัตช์ ให้มั่นใจว่าไม่มีความผิดปกติในระบบเบรก และให้เช็คการใช้งานเบรกอย่างถูกวิธี
- การตรวจสอบระบบเครื่องยนต์และการรั่วซึม ควรตรวจสอบว่าน้ำมันหรือสารหล่อเย็นไม่รั่วไหลในระบบเครื่องยนต์
- การดูแลรักษาระบบแอร์ ควรทำความสะอาดหรือเปลี่ยนกรองแอร์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันการสะสมของฝุ่นหรือสิ่งสกปรกในระบบ
- ตรวจเช็คแบตเตอรี่ ควรตรวจสอบสภาพแบตเตอรี่และการเชื่อมต่อขั้วแบตเตอรี่ให้อยู่ในสภาพที่ปลอดภัย
ถ้าคุณได้กลิ่นไหม้ในรถ ควรหยุดขับและตรวจสอบทันที หรือหากไม่มั่นใจ ควรพารถไปให้ช่างที่มีความเชี่ยวชาญตรวจสอบ เพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากไฟไหม้ แต่หากเกิดไฟไหม้ในรถยนต์ การรับมืออย่างรวดเร็วและมีสติเป็นสิ่งสำคัญเพื่อลดความเสี่ยงและป้องกันไม่ให้สถานการณ์เลวร้ายลง
ขั้นตอนที่ควรทำหากเกิดไฟไหม้รถ
หยุดรถและจอดให้ปลอดภัย
- หยุดรถทันทีเมื่อคุณสังเกตเห็นไฟไหม้ โดยพยายามจอดรถให้ห่างจากยานพาหนะอื่น ๆ หรือสิ่งกีดขวางเพื่อป้องกันการลุกลามของไฟ
- เปิดไฟฉุกเฉินและหยุดอยู่ในสถานที่ปลอดภัย เช่น ใกล้ทางหลวงที่มีที่จอดรถ หรือสถานที่ที่ไม่มีก๊าซหรือวัสดุไวไฟ
ดับเครื่องยนต์
- ปิดเครื่องยนต์ทันทีเพื่อหยุดการจ่ายพลังงานให้กับระบบต่าง ๆ ซึ่งอาจลดความเสี่ยงในการเกิดการระเบิดหรือการลุกลามของไฟ
ออกจากรถทันที
- ออกจากรถโดยเร็วที่สุด หากเกิดไฟไหม้ ควรออกจากรถทันทีเพื่อหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บจากไฟหรือควันพิษ
- อย่าลืมให้ความสำคัญกับผู้โดยสารทุกคนในรถด้วย โดยให้ทุกคนออกจากรถให้เร็วที่สุด
- อย่าพยายามกลับเข้าไปในรถแม้จะลืมของสำคัญ เพราะความปลอดภัยสำคัญที่สุด
โทรแจ้งหน่วยดับเพลิง
- โทร 191 หรือหมายเลขฉุกเฉินในพื้นที่ของคุณ แจ้งเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเกี่ยวกับเหตุการณ์ไฟไหม้ และบอกสถานที่เกิดเหตุอย่างชัดเจน
- แจ้งลักษณะของไฟ (เช่น ไฟที่ห้องเครื่องยนต์ หรือไฟที่ภายในรถ) เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถเตรียมอุปกรณ์ที่เหมาะสมในการดับไฟได้
ใช้ถังดับเพลิง (ถ้ามี)
- หากคุณมีถังดับเพลิงอยู่ในรถและไฟยังไม่ลุกลามไปมาก สามารถใช้ถังดับเพลิงชนิด ABC ในการดับไฟที่เริ่มเกิดขึ้น
- จำไว้ว่าให้ใช้ถังดับเพลิงในระยะห่างที่ปลอดภัยจากไฟ และควรสังเกตทิศทางของการพ่นสารดับเพลิงให้ดี
- หากไฟเริ่มลุกลามมากขึ้น อย่าเสี่ยงพยายามดับไฟเอง ให้รีบหนีออกจากรถและรอเจ้าหน้าที่ดับเพลิง
อย่าลืมแจ้งประกันภัย
- เมื่อสถานการณ์คลี่คลายและไม่เป็นอันตรายแล้ว ติดต่อบริษัทประกันภัยของคุณเพื่อแจ้งเหตุการณ์และขอคำแนะนำในการดำเนินการต่อไป เช่น การเคลมประกันภัย
ข้อควรระวังหากเกิดไฟไหม้รถ
- อย่าพยายามเปิดฝากระโปรง หากไฟเริ่มจากเครื่องยนต์ อย่าพยายามเปิดฝากระโปรงรถ เพราะอาจทำให้ไฟลุกลามมากขึ้นจากการที่อากาศสามารถเข้าไปทำให้ไฟโหมกระหน่ำ
- ควันจากไฟไหม้รถ ควันจากไฟไหม้รถอาจมีสารพิษที่เป็นอันตราย เช่น คาร์บอนมอนอกไซด์ อย่าพยายามสูดดมควัน และหลีกเลี่ยงการเข้าใกล้
- การป้องกัน ควรตรวจสอบรถให้มีสภาพดีและเช็คอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น ระบบไฟฟ้า ระบบเบรก และตรวจสอบน้ำมันและสารหล่อเย็นให้อยู่ในระดับที่ปลอดภัยเพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดไฟไหม้
การเตรียมตัวและการมีสติในสถานการณ์ไฟไหม้ในรถยนต์จะช่วยลดความเสียหายและช่วยรักษาความปลอดภัยของทุกคนในรถได้