Logo site Amarintv 34HD
Logo LiveSearch
Search
Logo Live
Logo site Amarintv 34HD
ช่องทางติดตาม AMARINTV
  • facebook AMARIN TV 34 HD
  • x AMARIN TV 34 HD
  • line AMARIN TV 34 HD
  • youtube AMARIN TV 34 HD
  • instagram AMARIN TV 34 HD
  • tiktok AMARIN TV 34 HD
  • RSS Feed AMARIN TV 34 HD
เมื่อรถเสียระหว่างทาง ทำอย่างไรดี  จะมีทางแก้ไขเบื้องต้นได้อย่างไร?

เมื่อรถเสียระหว่างทาง ทำอย่างไรดี จะมีทางแก้ไขเบื้องต้นได้อย่างไร?

14 พ.ย. 67
16:00 น.
|
423
แชร์

หลายคนคงมีคำถามนี้เกิดขึ้นในใจ ว่าถ้าหากรถเราเกิดเสียหรือมีปัญหาขึ้นมาระหว่างเดินทาง แล้วเราจะทำยังไงกันดี? เพราะใช่ว่าคนที่ขับรถยนต์ได้ทุกคน จะสามารถรู้เรื่องรถยนต์ทุกคนซะเมื่อไหร่ น้อยคนนักที่ขับรถได้ และสามารถแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับรถยนต์ได้ นับเป็นเปอร์เซ็นต์จะถึง 10% หรือเปล่าก็ยังไม่รู้? แต่ที่แน่ ๆ คนที่ว่าขับรถและซ่อมรถเป็นในเวลาเดียวกันนั้น แทบร้อยทั้งร้อยคงเป็น “ผู้ชาย” ซะล่ะมากกว่า

อยากจะแนะนำ ไม่ว่าจะเป็นเพศชาย, เพศหญิง, หรือเพศกลาง ๆ เอาเป็นว่าเพศไหน ๆ ก็ตาม ที่ขับรถยนต์อยู่เป็นประจำ ใช้รถใช้ถนนอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ได้รับรู้กันคร่าว ๆ ว่า หากรถยนต์ที่เราขับอยู่เกิดปัญหาขึ้นมา จะมีหนทางแก้ไขได้อย่างไร?

วิธีปฏิบัติเบื้องต้นยามฉุกเฉิน

อาการ

         สาเหตุ

การตรวจสอบและแก้ไขเบื้องต้น

1. 

บิดกุญแจไปที่ตำแหน่งสตาร์ท แต่ไม่มีอาการหมุนของเครื่อง

       ขั้วแบตฯ สกปรก

  • ถอดขั้วแบตฯ ทำความสะอาดแล้วใส่กลับให้ แน่นลอง ติดเครื่องดูอีกครั้ง

 

 

       ไฟแบตฯ หมด

  • ถ้าไม่มีเครื่องมือให้หาสิ่งที่มีน้ำหนักมาเคาะที่ ขั้วแบตฯ อย่าเคาะแรงจนเกินไป เพราะอาจทำให้ ขั้วแบตฯ แตก ชำรุด ลองติดเครื่องดูอีกครั้ง

 

 

 

  • ให้พ่วงกับแบตฯ อื่น โดยต่อ บวก-บวก, ลบ-ลบ ลองติด เครื่องดู เมื่อเครื่องติดแล้วให้ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที เพื่อให้ ้ไฟชาร์จเข้าแบตฯ

 

 

 

  • ใช้วิธีเข็นสตาร์ทโดยให้เปิดสวิตซ์กุญแจค้างไว้ แล้วใส่ เกียร์ 2 เหยียบคลัตช์ไว้ เมื่อรถมีความเร็ว พอสมควรให้ถอน คลัตช์อย่างเร็ว ถ้าเครื่องติดให้ เหยียบคลัตช์ แล้วติดเครื่อง ทิ้งไว้สักพักให้ไฟชาร์จ เข้าแบตฯ ถ้ามีกลิ่นน้ำมันออกมา แสดงว่าน้ำมัน ท่วม ท่านจะต้องปล่อยรถทิ้งไว้สัก 10 นาที จึง สตาร์ทเครื่องใหม่ (เฉพาะเกียร์ธรรมดา)

  • ในกรณีที่รถของท่านเป็นเกียร์ AUTO เกียร์จะ ต้องอยู่ใน ตำแหน่งตัวP หรือตัวN เท่านั้นถ้าสตาร์ท ไม่ติดให้ขยับเกียร์ เปลี่ยนตำแหน่งขึ้น-ลงหลาย ๆ ครั้งแล้วใส่เกียร์ที่ตัว P หรือ N และลองสตาร์ท ใหม่

2.

บิดกุญแจไปที่ตำแหน่งสตาร์ท แต่เครื่องหมุนเพียงเล็กน้อย

  ไฟแบตฯ หมด

  • ใช้วิธีพ่วงแบตฯ หรือเข็นสตาร์ท

 

 

ไดสตาร์ทเสีย, ชำรุด

  • ให้ลองสตาร์ทใหม่ 2-3 ครั้ง และเร่งน้ำมันพอ สมควร

3.

วิ่งสะดุด

หัวเทียนบอด, ทองขาว, คอนเดนเซอร์เสื่อม, สกปรก

  • ตรวจตั้งเช็กหัวเทียน, ทองขาว, ตั้งไฟ (เปลี่ยน หัวเทียน)

 

 

คาร์บูเรเตอร์สกปรก, ตัน

  • ล้างคาร์บูเรเตอร์

4.

สตาร์ทติดยาก (เครื่องหมุนเร็วแต่ไม่ติด)

น้ำมันหมด

  • ตรวจดูน้ำมัน

 

 

ไฟไม่ออกจากคอยล์

  • ขยับสายคอยล์ให้แน่น

 

 

 

  • เหยียบคันเร่งให้จมแล้วลองสตาร์ท

5.

เครื่องร้อนผิดปกติ

น้ำในหม้อน้ำน้อย, ไม่มี

  • รอให้เครื่องเย็นแล้วเติมน้ำ (อย่าเปิดหรือเติม น้ำขณะเครื่องร้อน)

 

 

ไฟอ่อนหรือแก่เกินไป

  • ตรวจเช็กตั้งไฟใหม่

 

 

ระบบหล่อเย็นรั่ว (หม้อ น้ำรั่ว, ตัน)

  • ตรวจเช็กรอยรั่วถ้ามีจุดรั่วให้ทำการซ่อมเปลี่ยน

 

 

พัดลมไฟฟ้าไม่ทำงาน

  • ตรวจเช็ก, ซ่อมพัดลมไฟฟ้า

6.

วิ่งที่ความเร็วพอสมควรแล้วมี อาการสั่นที่พวงมาลัย วิ่งกินซ้าย, กินขวา และเบรกกินซ้าย

ศูนย์ล้อไม่ตรง

  • ให้ติดต่อที่ร้านซ่อมแล้วแจ้งว่าสั่นที่ความเร็ว เท่าใด

 

 

ลมยาง

  • เติมลมยาง (รถเล็กล้อหน้า 26-28 ปอนด์, ล้อ หลัง 28-30 ปอนด์ รถใหญ่ล้อหน้า 28-30 ปอนด์, ล้อหลัง 30-32 ปอนด์)

7.

แอร์ไม่เย็น

น้ำยาแอร์รั่ว, ระบบรั่ว

  • เติมน้ำยา, ตรวจเช็กระบบ(ทำได้ตามร้านแอร์ ทั่วไป)

8.

เปิดแอร์แล้วไม่มีลมออก

ฟิวส์ขาด, สวิตซ์แอร์เสีย

  • ตรวจเช็กฟิวส์ที่กล่องฟิวส์

9.

ไฟหน้าปัดไม่ติด, นาฬิกาไม่เดิน

ฟิวส์ขาด

  • ตรวจเช็กฟิวส์ที่กล่องฟิวส์

10.

แตรไม่ดัง

ฟิวส์ขาด

  • ตรวจเช็กฟิวส์ที่กล่องฟิวส์

11.

ไฟหน้าไม่ติดทั้งหมด

ฟิวส์ขาด

  • ตรวจเช็กฟิวส์ที่กล่องฟิวส์

12.

ไฟน้ำมันเครื่องติด

น้ำมันเครื่องขาด

  • จอดรถให้เร็วที่สุดแล้วดับเครื่อง, หาน้ำมัน เครื่องมาเติม

 

 

ไส้กรองหลุด, รั่ว

  • ถอดไส้กรองแล้วใส่ใหม่ ให้แน่ใจว่าไม่ปีน เกลียวมิฉะนั้นน้ำมันเครื่องจะไหลออกหรือหยด ลงพื้นได้

 

 

สวิตซ์น้ำมันเครื่องเสีย

  • เปลี่ยนสวิตซ์น้ำมันเครื่องใหม่

13.

เครื่องยนต์กินน้ำมันมากผิด ปกติ

ระบบการเผาไหม้ไม่ สมบูรณ์

  • ตรวจเช็กหัวเทียน, ทองขาว, คอนเดนเซอร์, ตั้งวาล์วใหม่, ปรับคาร์บูเรเตอร์ใหม่ (จูนอัพ)

 

 

คาร์บูเรเตอร์

  • เช็กดูไส้กรองอุดตันหรือไม่ หากอุดตันเล็ก น้อยให้ทำความสะอาด โดยใช้ลมแรงๆ เป่า หาก อุดตันมากให้เปลี่ยนไส้กรองอากาศใหม่

14. 

เครื่องยนต์กินน้ำมันเครื่อง มากหรือมีควันขาว

เครื่องหลวม

    - ยางตีนวาล์วเสื่อม

    - แหวน, ลูกสูบหลวม

  • ยกเครื่อง

  • เปลี่ยนยางตีนวาล์ว

  • เปลี่ยนแหวน, บดวาล์ว

 

 

ปะเก็นรั่ว

  • ตรวจเช็กปะเก็นวาล์ว หรือปะเก็นเครื่อง

15. 

ประตูหลังเปิดจากข้างในไม่ ออก

มีล็อคกันเด็กเปิดค้างอยู่

  • ให้เปิดประตูหลังข้างที่มีปัญหา แล้วโยกปุ่ม โยงที่อยู่ตอนล่างของกลอนมาทางตรงข้ามและ ลองปิด-เปิดประตูอีกครั้ง

16.

ไฟไม่เข้าเครื่องวิทยุ

ฟิวส์ขาด

  • ตรวจสอบฟิวส์ถ้าไม่มีอะไรขาดให้ติดต่อร้าน วิทยุ

17.

เบรคมีเสียงดัง

จานเบรคเป็นรอย

  • ถอดจานเบรคออกมาเจียร์หน้าจานเบรคให้ เรียบ

 

 

จานเบรคเป็นสนิม (ความชื้นจากอากาศหรือ น้ำ)

  • ใช้รถต่อไปตามปกติ 2-3 วัน หากยังมีเสียง ให้ปฏิบัติตามข้อบน

 

ก่อนจะให้เสีย หมั่นดูแลไว้ก่อนดีว่าไหม?

อยากจะแนะนำเจ้าของรถและคนขับรถทุก ๆ คนทำ คือ ควรจะดูแลรักษารถให้ดีซะก่อนที่รถของเราจะไปเสียกลางทาง น่าจะเป็นสิ่งดีที่สุด เช่น ควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง เกียร์ เฟืองท้าย ตามระยะทางที่กำหนด นำรถเข้าตรวจเช็กตามศูนย์บริการในช่วงเวลาหรือระยะทางที่กำหนด หากเราทำถูกต้อง นำรถเข้าเช็ก เปลี่ยนอะไหล่ตามอายุการใช้งานก็แล้ว รถยังเสียกลางทางอีก ก็ถือเป็นเหตุสุดวิสัยแล้วล่ะ ไม่ต้องคิดมาก!

หวังว่าที่นำเสนอ คงทำให้หลาย ๆ คนเปลี่ยนใจ นำรถเข้าตรวจเช็กในศูนย์บริการ หรืออู่ประจำอย่างสม่ำเสมอขึ้นกว่าเดิม ทำซะก่อน ก่อนที่รถคุณจะไปเสียกลางทาง

แชร์
เมื่อรถเสียระหว่างทาง ทำอย่างไรดี  จะมีทางแก้ไขเบื้องต้นได้อย่างไร?