ISUZU อีซูซุ รุกตลาดรถเอนกประสงค์พีพีวีอีกครั้ง หลังจาก MU-X ปรับโฉมเมื่อปีก่อน ครั้งนี้กับการออกแบบครั้งใหม่ MU-X “THE NEXT PEAK” (มิว-เอ็กซ์ “เดอะ เน็คซ์พีค”) มาพร้อมนิยามใหม่ “จุดสูงสุดใหม่...กับชีวิตที่เหนือกว่า” ดีไซน์ใหม่ทั้งภายนอกภายใน พร้อมสีใหม่ สีเทา ไอเกอร์ โอเพค ชุดกันชนหน้าใหม่แบบ Fighter Jet กล้องรอบคัน 360 องศา เพิ่มมุมมองใต้ท้องรถ ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ADAS Generation อัพเกรดใหม่
หลังจากเปิดตัวได้ไม่นาน ก็ถือฤกษ์ดีเชิญสื่อมวลชนร่วมทริปทดสอบสมรรถนะบนเส้นทางเชียงราย – เชียงใหม่ โดยทีมงาน AmarinTV Online ได้ร่วมทริปใน Group ที่ 2 ซึ่งแตะมือกับกรุ๊ปแรกที่ขับจากเชียงใหม่มาเชียงราย โดยเริ่มออกสตาร์ทขับขี่กันตั้งแต่ลงสนามบินที่เชียงราย เดินทางไปสู่จุดหมายปลายทางที่จังหวัดเชียงใหม่ หลังจากที่บรีฟเส้นทางที่สนามบิน และทราบหมายเลขรถเสร็จกันเรียบร้อย ทุกคนมุ่งสู่ลานจอดรถเพื่อเก็บข้าวของ สตาร์ทรถออกเดินทางกันทันทีไม่รีรอ
หลังจากออกเดินทางจากสนามบินเชียงรายฝนก็ตกต้อนรับมาให้ชุ่มฉ่ำเล็กน้อย ขับกันไปในระยะเริ่มแรก 64 กิโลเมตร แวะพักจุดแรกที่สถานีบริการน้ำมันเพื่อยืดเส้นยืดสาย ทำธุระปะปัง และเพื่อทำความคุ้นเคยกับรถอเนกประสงค์ MU-X ให้เข้าที่เข้าทาง เพื่อจะได้ทดลองสมรรถนะการขับขี่ และเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัย รวมทั้งสัมผัสกับครั้งแรกของพวงมาลัยไฟฟ้า กล้อง 360 องศาด้วยมุมมองใต้ท้องรถ พร้อมจับจังหวะทางตรง ทางโค้ง ถนนแห้ง ถนนเปียก รวมไปถึงระบบช่วยเหลือการขับขี่ ADAS Generation ล่าสุด ทั้งบนถนนเปียกชุ่มชื่นที่ฝนตกมาประปรายบ้างระหว่างทาง ก่อนมุ่งหน้าออกเดินทางไปร้านอาหารกลางวันกันอีก 85 กิโลเมตร เดินทางผ่านโค้ง ลงเนิน ทางตรง ถนนที่มีฝนตก ได้ทดสอบกับสมรรถะรถอเนกประสงค์ MU-X กันอย่างพีคๆ เส้นทางยาวๆ
เมื่อมาถึงร้านอาหาร ปางแฟน Rock & River ร้านอาหารและคาเฟ่ริมลำธารใกล้ชิดธรรมชาติ ที่รายล้อมไปด้วยต้นไม้ใหญ่ ให้บรรยากาศร่มรื่นเย็นสบาย ทุกคนในกรุ๊ปก็ได้รับประทานอาหารกลางวันกันอย่างเอร็ดอร่อย กับเมนูอาหารและเครื่องดื่มที่หลากหลายในบรรยากศใกล้ริมเขื่อนน้ำล้นเล็กๆ ที่มีสายน้ำไหล แม้จะแรงไปบ้างเพราะช่วงนี้เป็นช่วงที่แถบภาคเหนือมีฝนชุกและน้ำป่าไหลหลาก แต่ก็ยังได้ซึมซับกับบรรยากาศที่ร่มรื่นเย็นสบาย หลังจากอิ่มหนำสำราญพุงกันแล้ว ก็เตรียมออกเดินทางไปยังที่พักอีก 57 กิโลเมตร
ระหว่างทางที่ขับผ่านมา ยังได้สัมผัสกับบรรยากาศที่สดชื่นของทิวเขา ถึงแม้ทางจะมีการก่อสร้างเป็นระยะๆ แต่ก็ไม่ได้ทำให้เสียบรรยากาศในการขับขี่ ยังขับเรียงกันเป็นขบวนตามกันมาด้วยความเร็วตามกฎหมายได้อย่างสนุกทุกคัน พร้อมยังสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงใหญ่ๆ ของครั้งแรกกับพวงมาลัยไฟฟ้าที่เรียกว่า พีค สมชื่อจับถนัดมือ ให้ความเบาสบาย มาพร้อมกล้อง 360 มองรอบรถได้อย่างสะดวก สามารถมองบนจอทัชสกีนขณะจะเข้าและถอยจอดรถกับมุ่งมองได้รอบคันเลยทีเดียว
สำหรับที่พักในทริปนี้ กรุ๊ปเราพักกันที่โรงแรมหรูอย่างโฟร์ซีซั่นส์ รีสอร์ท เชียงใหม่ ตั้งอยู่อำเภอแม่ริม เป็นโรงแรมรายที่ล้อมรอบไปด้วยต้นไม้และนาข้าวขั้นบันไดเขียวขจี ตัดกับวิวทิวเขาดอยสุเทพ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งในไฮไลต์ของโรงแรม ด้วยคอนเซ็ปต์ของรีสอร์ทที่เน้นความเป็นธรรมชาติที่กลมกลืนกับวิถีชุมชนโดยรอบ
พร้อมกับกิจกรรมน่ารักๆ ให้ผู้ร่วมทริป ร่วมสัมผัสกับธรรมชาติและท้องถิ่นอย่างใกล้ชิด ในกิจกรรม Farmer’s Parade สำรวจทุ่งนา และถ่ายภาพกับน้องควายที่มาอวดความน่ารักให้พวกเราได้เห็นและได้สัมผัสกันอย่างใกล้ชิด สามารถเข้าไปจับหัว ลูบตัวได้ น้องควายที่นี่สะอาด มีคนดูแลอย่างดีเลยทีเดียว
ก่อนจะปิดท้ายวันด้วยอาหารฝรั่งเศสสไตล์อิตาเลี่ยนที่ร้านแทร์รา (Terra) ท่ามกลางบรรยากาศสบายๆ ที่ชวนให้นึกถึงอิตาลี เมนูอาหารจานเด่นของร้าน ใช้วัตถุดิบออแกนิคสดใหม่จากบนดอยมาปรุงสดใหม่วันต่อวัน ให้ทุกคนได้สัมผัสกับความอร่อย ก่อนเดินทางกลับโรงแรมเพื่อพักผ่อนชาร์จพลังพร้อมลุยต่อไปในวันรุ่งขึ้น
เริ่มต้นวันใหม่ด้วยมื้อเช้าที่ โฟร์ซีซั่นส์ รีสอร์ท เชียงใหม่ ละลานตาไปด้วยไลน์อาหารนานาชาติ ให้ได้อิ่มท้อง เก็บสัมภาระก่อนออกเดินทางต่อไปยังร้าน Firefly Factory เพียง 17 กิโลเมตร กับร้านอาหารสไตล์ดิจิทัลอาร์ตแกลอรี่ที่แรกและที่เดียวในเชียงใหม่ กับภาพดิจิทัลในห้องนิทรรศการ และอาหารมื้ออร่อย ห้องแสดงเป็นห้องอาหารอยู่ในห้องโถงขนาดใหญ่ ที่ผนังทุกด้านรอบทิศฉายโปรเจคเตอร์กราฟฟิคภาพเคลื่อนไหว คอลเลคชั่นใหม่ ทั้งดอกทานตะวัน กลีบดอกกุหลาบ ผีเสื้อ และน้ำตก เหมือนของจริงดูอลังการงานสร้าง มีมิติ พร้อมเสียงดนตรีคลอเบาๆ เป็นอีกหนึ่งจุดเช็คอินของเชียงใหม่ที่ใครมาก็ลองแวะมาดูกันได้
เดินทางอีก 6.6 กิโลเมตร ก่อนปิดท้ายด้วยกิจกรรม Tea Blending การเลือกชาและสมุนไพรมาผสมกันจนได้รสชาติที่ชื่นชอบตามสไลต์ของแต่ละคน ที่โครงการบ้านข้างวัด แหล่งขายสินค้าพื้นเมืองตามแนวคิดที่ต้องการสร้างชุมชนให้มีวิถีชีวิตคล้ายกับผู้คนในสมัยก่อนที่ รายล้อมด้วยธรรมชาติ ซึ่งภายในโครงการจะมีบ้านกึ่งไม้กึ่งปูนเปลือย ตกแต่งด้วยข้าวของเครื่องใช้แบบโบราณ ซึ่งแต่ละหลังจะเปิดเป็นร้านค้า ร้านอาหาร ร้านกาแฟ และมีลานกิจกรรมตรงกลางหมู่บ้านสำหรับจัดงานและทำกิจกรรมร่วมกัน ก่อนเดินทางอีก 12 กิโลเมตร สู่สนามบินเชียงใหม่ เพื่อเดินทางกลับกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ
บทสรุปโดยภาพรวม ด้วยระยะทางทั้งหมด 206 กิโลเมตร การขับขี่ MU-X “THE NEXT PEAK” ด้วยสภาพเส้นทางที่เป็นทางตรง ทางโค้ง สภาพถนนแห้งและเปียก ถือว่าเป็นรถยนต์อเนกประสงค์ที่ตอบโจทย์สำหรับการเดินทางได้ค่อนข้างดีทีเดียว ช่วงล่างนุ่มนวลแม้จะเป็นรถยนต์ PPV โดยคันที่ขับเป็นเครื่องยนต์ดีเซล 3.0 Ddi Blue Power 190 แรงม้า แรงบิด 450 นิวตันเมตร รุ่น RS ระบบ 4x2 ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกเคอะเขิน และไฮไลท์สำคัญ ISUZU MU-X RS คือการตกแต่งทั้งภายนอกรอบคัน และภายในที่มีความเป็นเอกลักษณ์ชัดเจน แตกต่างจากรุ่นย่อยอื่น เท่าที่สัมผัสรู้สึกได้ถึงการดีไซน์ที่แตกต่างจากรถ PPV ที่ผ่านมาค่อนข้างมาก ให้ความรู้สึกใกล้เคียงรถ SUV รวมถึงออปชันต่างๆ อาทิ ระบบ ADAS 17 ระบบ กล้อง 360 องศาแบบ 3D เมื่ออยู่หลังพวงมาลัยไฟฟ้าใหม่ ต้องบอกว่าทำมาได้ดี ล้อแมกซ์ RS Design ขนาด 20 นิ้ว เบานั่งปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง มีมาให้อย่างครบครัน
ISUZU MU-X MY2024 ราคา
- MU-X RS 3.0 4x4 ราคา 1,759,000 บาท
- MU-X RS 3.0 4x2 1,659,000 บาท
- MU-X 3.0 Ultimate 1,589,000 บาท
- MU-X 1.9 Ultimate 1,544,000 บาท
- MU-X 3.0 Elegant 1,464,000 บาท
- MU-X 1.9 Elegant 1,419,000 บาท
- MU-X 1.9 Active 1,184,000 บาท