โยเกิร์ต ว่าด้วยเรื่องนมเปรี้ยวที่มีประโยชน์ เลือกกินถูกมีแต่ข้อดี ?

1 มี.ค. 67

ว่าด้วยเรื่องของ โยเกิร์ต (Yogurt) นมเปรี้ยวที่ได้จากการหมัก ตัวเลือกที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ตัวช่วยในการลดน้ำหนัก อาหารใกล้ตัวของหนุ่มสาวรักสุขภาพ มีจุลินทรีย์ที่ดีต่อร่างกาย กินแล้วช่วยขับถ่าย ช่วยเรื่องผิวพรรณ เลือกกินถูกมีแต่ข้อดี ซึ่งวันนี้เราจะพาไปดูประโยชน์ที่น่าสนใจจาก โยเกิร์ต (Yogurt) อย่างลึกซึ้งกว่าเดิม ถ้าพร้อมแล้วไปอ่านพร้อมกันได้เลย!

โยเกิร์ต เกิดจากอะไร

โยเกิร์ต (Yogurt อาจเขียนว่า Yoghurt) เป็นผลิตภัณฑนมที่จัดอยู่ในกลุ่มนมเปรี้ยว ผ่านการทำลายจุลินทรีย์ที่ทำให้เกิดโรคแล้ว หมักด้วยจุลินทรีย์ที่ไม่ทำให้เกิดโรคหรืออันตราย อาจปรุงแต่งกลิ่น รส สี หรือเติมวัตถุเจือปนอาหารที่ไม่ใช่น้ำนม ซึ่งการหมักด้วยแบคทีเรียกลุ่มกรดแล็กทิก ทำให้โยเกิร์ตมีลักษณะเฉพาะคือมีรสเปรี้ยว รวมทั้งทำให้โปรตีนในน้ำนมเสียสภาพและจับตัวตกตะกอน จนกลายเป็นเนื้อโยเกิร์ตที่มีลักษณะข้นหนืด เต็มไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ มีโปรตีนมากกว่านมประมาณ 20% เป็นแหล่งที่ดีของสารอาหารหลักที่จำเป็น

การผลิตโยเกิร์ตนั้น จะหมักน้ำนมด้วยแบคทีเรียกลุ่มที่ผลิตกรดแลกติก (Lactic Acid Bacteria : LAB) ซึ่งทำให้ผลิตภัณฑ์ที่ได้มีรสเปรี้ยว ซึ่ง pH ที่ลดลงนี้จะทำให้โปรตีนเสียสภาพ (denature) และจับตัวตกตะกอน (curd) ทำให้ได้โยเกิร์ตที่มีลักษณะข้น การผลิตโยเกิร์ตโดยทั่วไปจะใช้น้ำนมวัวเป็นวัตถุดิบ แต่ก็สามารถใช้น้ำนมจากสัตว์ชนิดอื่น เช่น น้ำนมแพะ หรือผลิตภัณฑ์จากพืช เช่น น้ำนมถั่วเหลืองหรือกะทิมาแทนน้ำนมวัวได้

นอกจากคุณค่าทางโภชนาการ โยเกิร์ตมีโพรไบโอติก แบคทีเรียที่มีชีวิตที่มีประโยชน์ต่อระบบย่อยอาหาร และช่วยเรื่องสุขภาพของลำไส้ ซึ่งการกินโยเกิร์ตเป็นประจำ สามารถช่วยรักษาสมดุลของแบคทีเรียในลำไส้ ส่งผลดีต่อการย่อยอาหาร และการทำงานของภูมิคุ้มกัน

 โยเกิร์ต

ต้นกำเนิดของ โยเกิร์ต

โยเกิร์ตกำเนิดขึ้นและอยู่คู่กับชาวตะวันตกมายาวนาน ว่ากันว่าถูกคิดค้นขึ้นตั้งแต่ยุคเมโสโปเตเมีย หรือ 5,000 ปีก่อนคริสตกาล ซึ่งอาหารของชาวกรีกโบราญจะใช้โยเกิร์ตเป็นส่วนผสมหลัก กินคู่กับน้ำผึ้ง หน้าตาและเนื้อสัมผัสน่าจะคล้ายคลึงกับกรีกโยเกิร์ตในปัจจุบัน ในเวลาถัดมาการกินโยเกิร์ตค่อย ๆ แพร่หลายไปยังทั่วโลก นมที่นิยมนำมาทำเป็นโยเกิร์ตก็คือนมวัว แต่จริง ๆ แล้วสามารถใช้นมจากสัตว์หลายชนิด เช่น นมแพะ นมแกะ นมอูฐ นมม้า หรือก็คือนำนมมาจากสัตว์ที่นิยมเลี้ยงในท้องถิ่นนั่นเอง

ประโยชน์ของโยเกิร์ต

1. เสริมสมดุลของแบคทีเรียในลำไส้ ด้วยโพรไบโอติกส์
เพราะโยเกิร์ตประกอบไปด้วยแบคทีเรียที่มีประโยชน์ที่เรียกว่า "โพรไบโอติกส์" ที่ช่วยเสริมสมดุลของแบคทีเรียในลำไส้ ที่มีความสำคัญต่อระบบทางเดินอาหาร นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย

2. ปรับปรุงการสลายและการดูดซึมสารอาหาร
"โพรไบโอติกส์" ยังสามารถช่วยในการย่อยอาหาร ด้วยการสลายและการดูดซึมสารอาหาร สามารถช่วยบรรเทาอาการ ปัญหาจากระบบทางเดินอาหารทั่วไป เช่น การแพ้แล็กโทส ท้องเสีย และท้องผูก

3. เต็มไปด้วยสารอาหารที่ดีต่อร่างกาย
โยเกิร์ตเป็นแหล่งสารอาหารที่สำคัญต่อร่างกาย เช่น โปรตีน แคลเซียม ฟอสฟอรัส วิตามินบี 12 และโพแทสเซียม ซึ่งโปรตีนจำเป็นต่อการสร้างและซ่อมแซมเนื้อเยื่อ ในขณะที่แคลเซียมและฟอสฟอรัสมีส่วนช่วยในการบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง

4. ช่วยลดปริมาณแคลอรี คุมน้ำหนัก
โยเกิร์ตเป็นของว่างที่มีคุณค่าทางโภชนาการ สำหรับคนที่กำลังอยู่ในช่วงคุมน้ำหนัก เพราะในโยเกิร์ตให้โปรตีนและไขมันที่ดีต่อสุขภาพ ซึ่งช่วยให้รู้สึกอิ่มนานขึ้น สามารถช่วยลดปริมาณแคลอรีโดยรวมได้อย่างมีประสิทธิภาพ

5. ลดความเสี่ยงป่วยโรคหัวใจ
นอกจากจะเต็มไปด้วยสารอาหาร ที่ช่วยปรับการทำงานของระบบต่าง ๆ ภายในร่างกาย ยังสามารถช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือดได้ แต่ต้องหลีกเลี่ยงโยเกิร์ตสูตรที่มีน้ำตาลสูง และควรดูแลสุขภาพอื่น ๆ ควบคู่กันไปด้วย

6. เพิ่มแคลเซียมเสริมกระดูก
ปริมาณแคลเซียมและวิตามินดีที่มีอยู่ในโยเกิร์ต ทำให้มีประโยชน์ต่อสุขภาพกระดูก ซึ่งการเลือกกินโยเกิร์ตที่ให้แคลเซียม ในปริมาณที่เพียงพอควบคู่กับวิตามินดี สามารถช่วยรักษากระดูกให้แข็งแรง และลดความเสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุนที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต

โยเกิร์ต

โยเกิร์ต กินตอนไหนดี

  • ช่วงเช้าหรือตอนท้องว่าง : ร่างกายจะดูดซึมประโยชน์อย่างเต็มที่
  • ช่วงตอนกลางวัน : ช่วยปรับสมดุลการทำงานของระบบลำไส้ ทำให้ลำไส้ไม่ทำงานหนัก
  • ช่วงตอนค่ำ : ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
  • ช่วงก่อนนอน : ช่วยให้เกิดความรู้สึกง่วงนอน กระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนที่ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย ทำให้นอนหลับง่ายขึ้น

ทั้งนี้ต้องบอกก่อนว่า โยเกิร์ตเป็นสิ่งที่ต้องระวังเรื่องน้ำตาลเป็นอย่างมาก เพราะข้อแนะนำเกี่ยวกับปริมาณน้ำตาลที่บริโภคในแต่ละวัน ไม่ควรเกิน 6 ช้อนชา หรือ 24 กรัม โดยให้คำนึงถึงสุขภาพและโรคประจำตัวของแต่ละบุคคล ซึ่งสามารถดูและเลือกได้จากฉลากข้อมูลโภชนาการด้านข้างถ้วย

นอกจากนี้แล้วแต่ละคนอาจจะได้ผลลัพธ์จากโยเกิร์ตที่ต่างกันไป ขึ้นอยู่กับสุขภาพและปัจจัยต่าง ๆ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อเนื่องในระยะยาว การเลือกกินโยเกิร์ตให้ได้สารอาหารครบถ้วน ควรเลือกโยเกิร์ตชนิดที่มีน้ำตาลและสารปรุงแต่งสังเคราะห์ในปริมาณต่ำ เพื่อประโยชน์สูงสุดต่อสุขภาพนะคะ

advertisement

Powered by สุขภาพและความงาม

สุขภาพและความงาม คุณอาจสนใจ

ข่าวยอดนิยม

ไลฟ์สไตล์ ล่าสุด