Nokia เปิดตัวโลโก้ใหม่ รีแบรนด์ครั้งแรกในรอบ 60 ปี หวังสลัดภาพลักษณ์ผู้ผลิตโทรศัพท์ เปลี่ยนมาเป็นผู้พัฒนาและผลิตเทคโนโลยีรวมไปถึงอุปกรณ์ 5G เน้นพัฒนาบริการให้ธุรกิจและหน่วยงาน
สำหรับวัยรุ่นและวัยทำงานยุค 90s และ Y2K Nokia น่าจะเป็นแบรนด์มือถือที่โด่งดังและได้รับนิยมมากที่สุดในขณะนั้น ด้วยเครื่องที่ทนทาน และเทคโนโลยีต่างๆ ที่โนเกียเป็นผู้ริเริ่มในโทรศัพท์มือถือ ตั้งแต่การใส่เกมลงไปในโทรศัพท์ การใส่กล้องถ่ายรูป ไปจนถึงร่วมพัฒนาเทคโนโลยี 3G และ LTE และช่วยปั้นอุปกรณ์โทรศัพท์ให้มีความสามารถและฟีเจอร์พื้นฐานแบบในปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม ความนิยมของ Nokia ก็เริ่มเสื่อมลงไปในช่วงต้นปี 2010 ที่มีผู้ผลิตอุปกรณ์เทคโนโลยีสื่อสารหลายเจ้าพัฒนาและผลิตสมาร์ทโฟนเข้าตลาด ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจนทำให้โทรศัพท์แบบมีปุ่มกดแบบเก่ากลายเป็นของล้าสมัยและถูกลืมเลือนไปพร้อมๆ กับชื่อแบรนด์เก่าที่เคยเฟื่องฟูจากโทรศัพท์รูปแบบดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็น Nokia, Motorola หรือ Siemens
แต่ในปีนี้ ชื่อ Nokia อาจกลับมาเป็นที่รู้จักอีกครั้งแล้วด้วยการรีแบรนด์ครั้งใหญ่ในรอบ 60 ปี ด้วยการเปลี่ยนโลโก้ แต่รีแบรนด์คราวนี้ Nokia ไม่ได้จะกลับมาทวงบัลลังก์ผู้ผลิตโทรศัพท์แต่อย่างใด หากแต่มาเพื่อลบล้างภาพลักษณ์ดังกล่าว และกลายเป็นผู้พัฒนาและผลิตเทคโนโลยีเครือข่าย 5G แบบเต็มตัว
ทำไม Nokia ต้องรีแบรนด์และเปลี่ยนโลโก้?
หากใครไม่ได้ตามข่าวในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสื่อสาร อาจจะไม่รู้ว่า Nokia ไม่ได้ทำธุรกิจผลิตโทรศัพท์มือถือมาตั้งแต่ปี 2014 แล้ว เพราะ Nokia ได้ขายธุรกิจในส่วนดังกล่าวให้ Microsoft ในปี 2014 ก่อน Microsoft จะขายธุรกิจดังกล่าวในปี 2016 โดยแยกธุรกิจออกเป็น 2 ส่วน ส่วนหนึ่งคือสิทธิในชื่อแบรนด์ให้แก่บริษัท HMD จากฟินแลนด์ที่ดำเนินการโดยพนักงานเก่าของ Nokia และ สิทธิในการจัดจำหน่ายและผลิตสินค้าให้แก่ Foxconn บริษัทผลิต iPhone ชื่อดังจากไต้หวัน
เพราะฉะนั้นในทางปฏิบัติ Nokia ได้วางมือจากธุรกิจผลิตโทรศัพท์ไปเกือบ 10 มาแล้ว โดยได้หันมาทำธุรกิจให้บริการเครือข่ายและอุปกรณ์ 5G แก่บริษัทต่างๆ แทน ในปัจจุบัน Nokia มีธุรกิจใน 2 ด้านใหญ่ๆ ด้วยกัน คือ Nokia Networks และ Nokia Technologies
Nokia Networks เป็นหน่วยธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดของ Nokia ในปี 2017 เป็นผู้ผลิตอุปกรณ์เทคโนโลยีสื่อสาร และผู้สร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านสื่อสารที่มีรายได้สูงที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลก รองจาก Huawei และ Cisco และเข้าไปแข่งขันกับบริษัท Ericsson เพื่อสร้างโครงข่าย 5G สหรัฐฯ หลังสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน กีดกันผู้ให้บริการจากจีนออกไป เช่น Huawei Technologies และ ZTE Corporation
ปัจจุบัน Nokia มีกิจการอยู่ใน 130 ประเทศทั่วโลก ส่วนมากอยู่ในสหรัฐฯ และยุโรป มีรายได้หลักมาจากธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน เช่น โครงสร้างอินเทอร์เน็ตทั้งแบบมีสายและไวร์เลส, ธุรกิจเครือข่ายโทรศัพท์ เช่น เครือข่ายวิทยุ และ 2G-5G, และอย่างสุดท้ายคือธุรกิจเครือข่ายและบริการ Cloud โดยในปี 2022 Nokia มีรายได้ทั้งหมด 24,911 ล้านยูโร หรือราว 922,371 ล้านบาท และมีกำไรทั้งหมด 2,318 ล้านยูโร หรือราว 85,843 ล้านบาท
โดยจะเห็นได้ว่าในตอนนี้ Nokia เปลี่ยนจากบริษัทผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ผลิตสินค้าขายให้ผู้บริโภคและลูกค้าโดยตรง มาเป็นผู้ให้บริการด้านเทคโนโลยีแก่ธุรกิจอื่น หรือเรียกได้ว่าเปลี่ยนจาก B2C หรือ business-to-customer มาเป็น B2B หรือ business-to-business เรียบร้อยแล้ว ทำให้ภาพลักษณ์เก่าๆ ที่คนยังมีภาพจำว่า Nokia เป็นผู้ผลิตโทรศัพท์ไม่เหมาะสมกับธุรกิจที่ Nokia ทำในปัจจุบันอีกต่อไป
Pekka Lundmark ซีอีโอคนปัจจุบันของ Nokia กล่าวว่า การเปลี่ยนโฉมโลโก้ในครั้งนี้จะเป็นหนึ่งในความพยายามที่จะเปลี่ยนภาพลักษณ์ของ Nokia ไปอย่างสมบูรณ์ และทำให้ธุรกิจของ Nokia มีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น โดยในอนาคต Nokia จะมุ่งมั่นเพื่อพัฒนาบริการด้านเครือข่ายต่อไป และก้าวขึ้นมาเป็นพาร์ทเนอร์ที่สำคัญของธุรกิจทั่วโลก