'ญี่ปุ่น' ค่าตัวพนักงานต่างชาติ แพงสุดในเอเชีย เฉลี่ยเดือนละ ‘ล้านบาท’

Expat หรือพนักงานที่บริษัทแม่ส่งไปประจำในสาขาที่ต่างประเทศ เป็นหนึ่งเส้นทางการเติบโตในของคนที่ทำงานในบริษัทข้ามชาติ ซึ่งค่าตอบแทนที่จะได้รับก็จะแตกต่างกันไปตามตำแหน่งหน้าที่ และประเทศปลายทาง ซึ่งจากการสำรวจล่าสุดโดยบริษัทด้านข้อมูล ECA International พบว่า ‘ประเทศญี่ปุ่น’ เป็นประเทศที่ Expat มีค่าตัวสูงสุดในเอเชีย และเป็นอันดับ 2 ของโลก เป็นรองแค่เพียงสหราชอาณาจักรเท่านั้น

ผลสำรวจรายได้ของ Expat ของ ECA พบว่า ค่าตอบแทนของ Expat ในประเทศญี่ปุ่นโดยเฉลี่ยนั้นอยู่ที่ราวปีละ 370,183 ดอลลาร์ (12,894,769 บาท) หรือตกเดือนละกว่า 1 ล้านบาทเลยทีเดียว

ซึ่งรายได้ดังกล่าวนั้นต่ำกว่าค่าเฉลี่ยปีที่แล้ว 12% อันมีสาเหตุมาจากค่าเงินเยนที่อ่อนค้าไปแล้วกว่า 9% ในปีนี้ ซึ่งทำให้ทั้งเงินค่าตอบแทน, มูลค่าสวัสดิการที่ได้รับ และภาษีที่ต้องจ่าย ลดลงไปมากกว่า 10%

เมื่อเทียบกับทุกประเทศทั่วโลกแล้ว ยังมีประเทศที่มีค่าตอบแทนให้กับ Expat สูงกว่าประเทศญี่ปุ่นนั่นคือ สหราชอาณาจักรซึ่งครองอันดับ 1 จากการสำรวจในครั้งนี้ ซึ่งมีผู้เข้าร่วมการสำรวจจากกว่า 340 บริษัท รวมกว่า 10,000 คน ทั่วโลก

 

5 อันดับค่าตอบแทน Expat สูงสุดระดับเอเชีย และ ระดับโลก 

สำหรับประเทศที่มีค่าจ้าง Expat แพงที่สุดในเอเชีย 5 อันดับแรก ได้แก่

1. ญี่ปุ่น - 370,183 ดอลลาร์/ปี (1,2871,263 บาท)
   
2. อินเดีย - 354,028 ดอลลาร์/ปี (12,309,554 บาท)
   
3. จีน - 313,011 ดอลลาร์/ปี (10,883,392 บาท)
   
4. ฮ่องกง - 278,020 ดอลลาร์/ปี (9,666,755 บาท)
   
5. เกาหลีใต้ - 275,727 ดอลลาร์/ปี (9,587,028 บาท)

ส่วนประเทศที่มีค่าจ้าง Expat แพงที่สุดในเอเชีย 5 อันดับแรก ได้แก่

1. อังกฤษ - 441,608 ดอลลาร์/ปี (15,354,710 บาท)
    
2. ญี่ปุ่น - 370,183 ดอลลาร์/ปี (1,2871,263 บาท)
   
3. อินเดีย - 354,028 ดอลลาร์/ปี (12,309,554 บาท)
   
4. จีน - 313,011 ดอลลาร์/ปี (10,883,392 บาท)
   
5. ฮ่องกง - 278,020 ดอลลาร์/ปี (9,666,755 บาท)

 

ค่าจ้าง Expat ในเอเชียมีแนวโน้มพุ่งสูง

 

ECA เผยว่าค่าตอบแทนของ Expat ทั่วเอเชียเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 7% ระหว่างปี 2021 - 2022 เมื่อเทียบกับค่าเงินท้องถิ่น ยกเว้นในประเทศลาว จีน และเกาะฮ่องกง ซึ่งได้รับค่าตอบแทนลดลงในปี 2022 เมื่อเทียบเป็นค่าเงินท้องถิ่น

โดย ECA เผยว่า การที่รายได้เมื่อเทียบเป็นค่าเงินท้องถิ่นนั้นสูงขึ้นเกิดจากปัจจัยเงินเฟ้อของประเทศส่วนใหญ่ ที่ทำให้บริษัทต้องปรับขึ้นค่าตอบแทน เพื่อรักษากำลังการใช้จ่ายของพนักงานที่ต้องทำงานในต่างประเทศ อย่างเช่นในสิงคโปร์ที่ปรับค่าตอบแทนเพิ่มขึ้นราว 4% จากปีก่อน เพื่อรับมือกับค่าครองชีพที่สูงขึ้น

 

“บริษัทที่ประเมิณค่าตอบแทนพนักงานอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยรักษากำลังการใช้จ่ายของพนักงาน และมีโอกาสมากกว่าที่จะรักษาพนักงานคนสำคัญที่ต้องทำงานข้ามประเทศเอาไว้”

 

ที่มา : ECA, CNBC