เปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทย สำหรับนิทรรศการ ‘Immersive Disney Animation’ นิทรรศการสุดยิ่งใหญ่ที่พาไปสัมผัสกับมนต์เสน่ห์อันตราตรึงและความมหัศจรรย์อย่างไร้ขอบเขต ที่หล่อหลอมเข้ากับรูปแบบการเล่าเรื่องที่มีมาอย่างยาวนาน จุดประกายจินตนาการอันไร้ขีดจำกัด และดื่มด่ำไปกับมรดกอันทรงคุณค่าของแอนิเมชั่นดิสนีย์
สำหรับการจัดงานในครั้งนี้ เป็นการร่วมเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปีของดิสนีย์ โดยเกิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่าง เบส เอนเตอร์เทนเม้นท์ เอเชีย และ วอลท์ ดิสนีย์ อนิเมชั่น สตูดิโอ ซึ่งยังได้รับการสนับสนุนจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยด้วย
Ms. Dorothy McKim โปรดิวเซอร์จาก วอลท์ ดิสนีย์ อนิเมชั่น สตูดิโอ เผยว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่สองในอาเซียนที่ทางดิสนีย์จัดนิทรรศการนี้ จากการวิจัยและสำรวจพบว่า คนไทยมีจำนวนมากเป็นแฟนดิสนีย์ตัวยง และภาพยนตร์ของดิสนีย์เป็นที่โด่งดังในไทยเช่นกัน
ทำให้ดิสนีย์อยากพาแฟนไทยไปร่วมดื่มด่ำกับประสบการณ์ไร้ขีดจำกัด และเป็นช่วงเวลาการรวมตัวของครอบครัวและกลุ่มเพื่อนได้ใช้เวลาและเฉลิมฉลองด้วยกัน นอกจากนี้ ความพิเศษของนิทรรศการนี้คือ ประเทศไทยเป็นประเทศแรกๆ ที่มีโชว์แกลเลอรี่จาก ‘Frozen II’ ที่ให้ผู้เข้าชมได้มีโอกาสสัมผัสประสบการณ์ ‘Let It Go’ ซึ่งหาชมได้ยาก
โดยนิทรรศการใช้เวลาเข้าชมทั้งหมด 90 นาที และแบ่งออกเป็น 3 โซนดังนี้:
ภายในโซนแรกมีโปสเตอร์ภาพยนตร์กว่า 62 เรื่อง ที่ครอบคลุมช่วงเวลา 100 ปีของดิสนีย์ มีโมเดลตัวละครดิสนีย์หายากและของสะสมล้ำค่าจากห้องวิจัย Walt Disney Animation ที่เล่าเรื่องราวของ Walt Disney หรือผู้สร้างอาณาจักรแห่งจินตนาการนั่นเอง และมีรูปโมเดล Mickey Mouse ที่มีขนาดความสูงถึง 3.6 เมตรให้สามารถรับชมและถ่ายรูปด้วยได้
ส่วนในโซนที่สอง ผู้ชมสามารถเห็นเบื้องหลังของศิลปะ เทคโนโลยี และความคิดสร้างสรรค์ที่ทำให้ภาพร่างของนักวาดภาพแอนิเมชั่นประดุจดั่งมีชีวิตขึ้นจริงๆ ตั้งแต่วิวัฒนาการของฉาก ตัวละคร และเพลงดิสนีย์ ไปจนถึงโต๊ะทำงานของนักวาดภาพที่จัดแสดงไทม์แลปส์การสร้างตัวละคร และการแนะนำนักวาดภาพเคลื่อนไหวที่อยู่เบื้องหลังของแอนิเมชั่นสุดทึ่ง
นอกจากนี้ ยังมีการนำเสนอและจำลองสถานที่ต่างๆ จากภาพยนตร์ดิสนีย์ทั่วโลก ตั้งแต่ฉากที่ปรากฏใน ‘มู่หลาน’ ไปจนถึง ‘โฉมงามกับเจ้าชายอสูร’ และ ‘brother of bear’ ไม่เพียงเท่านี้ ยังมีโต๊ะวาดภาพ สำหรับผู้ชมที่สนใจและได้เรียนรู้ฝึกฝนเทคนิคการสร้างภาพยนตร์แอนิเมชั่นของดิสนีย์ด้วย
ส่วนโซนสุดท้ายมีโชว์แกลเลอรี่ (Show Gallery) พื้นที่ดิจิทัล 360 องศา ที่ออกแบบมาเพื่อดึงผู้เข้าชมให้เข้าสู่ห้วงมนต์เสน่ห์อันทรงพลังของรูปแบบการเล่าเรื่องดิสนีย์อย่างเต็มรูปแบบ ด้วยการจัดแสดงฉาก ตัวละคร และบทเพลงในอดีตและปัจจุบัน นอกจากนี้ยังมีการติดตั้งระบบโปรเจคชั่นแบบตอบสนองบนพื้นที่ เพื่อให้สัมพันธ์กับการก้าวย่างของผู้เข้าชม และยังมีสายรัดข้อมือแบบอินเตอร์แอคทีฟ ที่ส่องสว่างและนำทางผู้เข้าชมผ่านประสบการณ์อันน่าหลงใหล
ซึ่งโชว์แกลเลอรี่จะพาผู้เข้าชมไปยังท้องทะเลใต้จาก ‘The Little Mermaid ‘ด้วยฟองอากาศประกายระยิบระยับ และเผยโฉมภูมิทัศน์ของน้ำแข็งจาก ‘Frozen II’ ผ่านฟองสบู่โปรยปรายดั่งหิมะ โดยผู้เข้าชมสามารถดื่มด่ำไปกับโลกแห่งการเล่าเรื่องของดิสนีย์ ไม่ว่าจะเป็นยุค Disney Renaissance ไปจนถึงภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ในยุคปัจจุบัน
โดยนิทรรศการเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2567 ชั้น 1 เอ็มทาวเวอร์ ณ ศูนย์การค้าเอ็มสเฟียร์ โดยรอบ Premiere Period จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 26 เมษายน ถึง 5 พฤษภาคม 2567 และรอบ General Period ตั้งแต่วันที่ 6 พฤษภาคม ถึง 20 มิถุนายน 2567