จากรณีนายศรุติ ประยรูจตุพร อายุ 27 ปี หนุ่มขับซีวิค ใช้อาวุธไม่ทราบชนิดแทงนายยิ่งพันธ์ เธียรเจริญ อายุ 56 ปี ถูกแทงเข้าที่ชายโครงซ้าย 1 แผล ต้นขาซ้าย 1 แผล และเสียชีวิตในเวลาต่อมา เหตุเกิดบริเวณใกล้แยกรามสูร ถนนพระราม 9 ขาเข้า แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กทม. สาเหตุเบื้องต้นเกิดจากการขับรถปาดหน้าก่อนจะลงมาเทาะกันจนเกิดเหตุสลดขึ้น
ล่าสุด วันที่ 11 พ.ค.63 นายสุรกิติ เปล่งสงวน อาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ผู้เข้าช่วยเหลือเป็นคนแรก บอกว่า เวลาประมาณ 2 ทุ่ม ขณะที่ตนกำลังตรวจสอบเหตุรถชนห่างจุดเกิดเหตุ 100 เมตร มีคนขับรถผ่านมาบอกให้ตรวจสอบคนขับรถ 2 คนกำลังชกต่อยกัน บริเวณทางลงสะพานต่างระดับรามคำแหง (ขาเข้า) เมื่อมาตรวจสอบกลับไม่พบเหตุ กระทั่งขับเลยทางลงมาประมาณ 200 เมตร จึงพบรถทั้ง 2 คันจอดอยู่จนทำให้รถติด ตนจึงลงมาตรวจสอบว่าเกิดอะไรขึ้น พบว่าประตูรถกระบะล็อกอยู่
จึงเดินไปสอบถามคนขับรถเก๋ง ก็ได้บอกกับตนว่าถูกรถกระบะขับปาดหน้า และเป็นคนแทงคนขับรถกระบะเอง จากนั้นตนจึงรีบวิ่งมาดูที่รถกระบะอีกครั้ง เมื่อส่องไฟดูที่กระจกพบว่าคนขับนั่งคอพับอยู่ภายในรถ ซึ่งขณะนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึงพอดี ได้สั่งให้ตนทุบกระจกเพื่อช่วยเหลือ พบว่าที่ตัวและขามีเลือดไหลออกจำนวนมาก จึงนำตัวลงมาช่วยเหลือแต่ไม่เป็นผล และเป็นจังหวะเดียวกันที่คนขับรถเก๋ง เกิดอาการช็อกขึ้นมาพอดีเพื่อนอาสาจึงรีบนำส่ง รพ.
ด้าน นายพันธ์พจน์ เธียรเจริญ น้องชายของผู้ตาย บอกว่า สาเหตุยังไม่ทราบว่าเกิดจากอะไร แต่ตามข่าวเกิดจากการกระทบกระทั่งกันบนท้องถนน ส่วนตัวมองว่าเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุ แต่อย่างไรก็ตามยอมรับว่าช่วงเป็นวัยรุ่นพี่ชายเป็นคนอารมณ์ร้อน แต่พอโตมีวุฒิภาวะก็ไม่เคยมีเรื่องหรือมีปัญหากับใคร ก่อนหน้านี้พี่ชายเป็นตำรวจเก่ายศสิบเอก และได้ลาออกมาเป็นทนายกว่า 20 ปีแล้ว
ซึ่งหลังจากลาออกทำอาชีพทนายก็ไม่เคยกล่าวอ้างว่าเป็นตำรวจเก่าตามที่คู่กรณีให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนกรณีที่มีผู้ต้องหากล่าวอ้างอีกว่าเห็นพี่ชายตนถือปืนลงไปข่มขู่ จนทำให้คู่กรณีใช้มีดแทงเพื่อป้องกันตัว ตนไม่ทราบในรายละเอียด แต่มองว่าเป็นคำกล่าวอ้างของคู่กรณี เพราะพี่ชายมีอาชีพเป็นทนายความจึงทราบดีในเรื่องของข้อกฎหมาย ประกอบกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็บอกกับตนว่าจากการตรวจค้นรถไม่พบปืนแต่อย่างใด
ส่วนที่กระจกหน้ารถคู่กรณีแตกเชื่อว่า พี่ชายน่าจะเอาอะไรไปฟาดกระจกรถของคู่กรณีจริง จุดที่ติดใจอีกเรื่องคือคู่กรณีใช่มีดอะไรแทงพี่ชาย เพราะจากการพูดคุยกับนายแพทย์ที่ผ่าพิสูจน์ศพพี่ชาย ทราบว่ามีดที่ใช้แทงมีความคมมาก และแผลที่ทำให้พี่ชายเสียชีวิตไม่ใช่แผลที่ช่องท้องที่แทงผ่านซี่โครงซ้าย แต่เป็นแผลที่ขาซ้ายที่ตัดผ่านเส้นเลือดใหญ่ทำให้เสียเลือดมาก จึงส่งสัยว่าเป็นไปได้ไหมว่ามีดที่แทงเป็นมีดที่ใช้ผ่าตัดสัตว์ เพราะผู้ก่อเหตุเป็นสัตวแพทย์ ทั้งนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อมาจากคู่กรณี แต่ถ้าหากเจอก็ยากจะถามว่าเรื่องราวมันเป็นอย่างไร ทำไมถึงต้องทำกันขนาดนี้
จากนั้น ทีมข่าวได้เดินทางไปยังวัดน้อยนพคุณ ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งสวดอภิธรรมศพของนายยิ่งพันธ์ เธียรเจริญ ซึ่งบรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า ทางครอบครัวผู้เสียชีวิตต่างช็อกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยทางพ่อของผู้ก่อเหตุได้ติดต่อมาแสดงความเสียใจ โดยบอกว่าลูกชายของตนเองมีโรคประจำตัวเป็นโรคเครียด เวลาเครียดก็จะทำอะไรไม่ถูก ซึ่งตอนนี้ผู้ก่อเหตุยังอยู่ในอาการช็อก และยังลำดับเหตุการณ์ไม่ได้
