สาวไรเดอร์ บุกเข้าร้อง สายไหมต้องรอด หลังถูกสายเคเบิ้ลเกี่ยวรถล้ม ได้รับบาดเจ็บหนัก แถมใบหน้าเสียโฉม และยังข้อเท้าหัก
วันที่ 4 พ.ย. 66 น.ส.ภัทรลภา เทียรเชาว์ อายุ 38 ปี ได้เข้าขอความช่วยเหลือกับ นาย เอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษา รมว.มหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจ สายไหมต้องรอด กรณีที่ประสบอุบัติเหตุถูก สายเคเบิ้ลที่ห้อยลงมาขวางหน้า ขณะขับขี่รถจักรยานยนต์ จนรถล้มได้รับบาดเจ็บ ข้อเท้าซ้ายหัก และมีบาดแผลถูกสายเคเบิ้ลบาดที่ใบหน้า เหตุเกิดเมื่อวันที่ 1 พ.ย. ที่ผ่านมา ภายในซอยรามอินทรา 31 แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กทม.
น.ส.ภัทรลภา เล่าว่า มีอาชีพขับไรเดอร์ส่งอาหาร ซึ่งก่อนเกิดเหตุตนเองออกไปขับรับงานแล้วจะเข้าบ้าน เพื่อจะพาลูกไปส่งโรงเรียน พอมาถึงจุดเกิดเหตุซึ่งอยู่ห่างจากปากซอย 200 เมตร ก็ถูกสายเคเบิ้ลดังกล่าว เกี่ยวที่บริเวณใบหน้าจนทำให้รถเสียหลักล้มลง เมื่อตั้งสติได้ก็พยายามบอกรถจักรยานยนต์ที่ขับตามมาให้หลีกเลี่ยงบริเวณจุดเกิดเหตุดังกล่าว เพื่อไม่ให้ประสบอุบัติเหตุเหมือนเช่นตน ก่อนจะไปโรงพยาบาล
ผู้เสียหายยังบอกว่า เคยเห็นแต่ในข่าว ไม่เคยคิดเลยเรื่องนี้จะเกิดขึ้นกับตนเอง จนได้รับบาดเจ็บหนักถึงเพียงนึ้ การรักษาได้ใช้ประกันสังคมจ่ายค่ารักษา ส่วน พ.ร.บ.รถ ขาดอายุไปก่อนหน้านี้ จึงต้องสำรองเงินบางส่วนในการจ่ายค่ายา
หลังเกิดเหตุได้ไปแจ้งความกับตำรวจ สน. บางเขน แต่ตำรวจบอกเพียงว่าให้ไปหาหลักฐานภาพวงจรปิดเอง และไปหาข้อมูลว่าสายเคเบิ้ลที่จุดเกิดเหตุนั้นเป็นของบริษัทใด ซึ่งต่อมาตนเองก็ดั้นด้นไปหาภาพวงจรปิดมาจนได้ แต่ก็จนปัญญาไม่รู้ว่าจะหาข้อมูลว่าสายเคเบิลดังกล่าวนั้นเป็นของบริษัทใด จึงมาขอความช่วยเหลือกับเพจสายไหมต้องรอด เพื่อให้ช่วยติดตามคดีเพื่อให้ได้รับความเป็นธรรม
ด้านนายเอกภพ เปิดเผยว่า สายเคเบิ้ลที่ห้อยระโยงระยางไม่เป็นระเบียบได้สร้างปัญหากับคนกรุงเทพฯ มาโดยตลอด สร้างปัญหากับชาวบ้านคนยากคนจนที่ใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะในการทำมาหากินได้รับความเดือดร้อนมาอย่างต่อเนื่อง มีหลายกรณีที่มาร้องขอความช่วยเหลือกับเพจสายไหมต้องรอด ซึ่งก่อให้ความช่วยเหลือกับทุกกรณีจนมีผู้มารับผิดชอบ และกรณีนี้ก็เป็นอีกครั้งหนึ่ง เหมือนเป็นปัญหาซ้ำซาก จึงอยากเรียกร้องถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เหมือนเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นการไฟฟ้านครหลวง , บริษัทโทรคมนาคมเจ้าของสายเคเบิ้ล และกรุงเทพ มหานคร จริงจังแก้ปัญหาดังกล่าว โดยการจัดระเบียบสายเคเบิ้ล เพื่อไม่ให้มีประชาชนได้รับผลกระทบอีก
