เหตุการณ์เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. 65 ที่เรือหลวงสุโขทัย เดินทางกลับออกจากฝั่งท่าเรือบางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งห่างออกจากริมฝั่งประมาณ 20 ไมล์ทะเล ระหว่างการเดินทางมุ่งหน้ากลับไปยังท่าเรือสัตหีบ มีน้ำทะลักเข้าเรือ เนื่องจากคลื่นสูง
ส่งผลให้เครื่องยนต์ดับและเรือหลวงสุโขทัยจม เป็นเหตุทำให้ทหารเรือที่โดยสารอยู่บนเรือประมาณ 106 ชีวิต ต้องใส่ชูชีพกระโดดออกจากเรือเพื่อเอาตัวรอด
เมื่อเวลาประมาณ 04.10 น. วิทยุชายฝั่งรับแจ้วว่าเรือหลวงกระบุรีช่วยลูกเรือที่รอดจากเรือหลวงสุโขทัยอับปางลำดังกล่าวไว้ได้ 48 คน โดยมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสหลายราย ที่เหลือบาดเจ็บเล็กน้อย ส่วนเรือสินค้าได้ยินเหตุจากวิทยุชายฝั่งจึงเข้าช่วยเหลือไว้ได้อีก 25 คน โดยเรือทั้ง 2 ลำ นำลูกเรือพร้อมผู้บาดเจ็บเข้าเทียบฝั่ง ส่งต่อโรงพยาบาลใกล้เคืยง
ขณะที่ยังคงมีลูกเรือหลวงสุโขทัยสูญหายโดยไม่ทราบชะตากรรมอีก 37 คน ส่วนเรือที่เหลือยังคงค้นหาผู้สูญหายอย่างต่อเนื่อง ขณะที่การลำเรียงช่วยเหลือผู้บาดเจ็บภายในเรือกระบุรี เป็นไปด้วยความยากลำบาก
จากการสอบถามลูกเรือที่รอดจากเหตุการดังกล่าว เล่าให้ฟังว่าเรือหลวงสุโขไทยเกิดเหตุเครื่องยนต์ดับกลางทะเล ระห่วางเดินทางกลับจากการร่วมกิจกรรมของกองทัพเรือที่ จ.ชลบุรี เกิดเหุตหลังเครื่องยนต์ ทำให้น้ำเข้าเรือ จากนั้นในช่วงเวลาต่อมาประมาณ 18.40 น. เรือได้อับปางลง
วันที่ 19 ธ.ค. 65 ทีมข่าวเดินทางลงพื้นที่ไปยังท่าเรือเอกชน ซึ่งเป็นท่าเรือน้ำลึกริมชายฝั่งบางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยพบว่าหลังจากที่มีการช่วยเหลือ ลูกเรือและผู้ประสบภัยไปได้แล้วบางส่วน ขณะนี้ยังพบว่ามีปฏิบัติการในการค้นหาผู้สูญหายอีกจำนวน 31 คน และได้รับการช่วยเหลือปลอดภัยแล้ว 75 คน
โดยปฏิบัติการค้นหานั้นได้มีการใช้เรือลาดตระเวน และเฮลิคอปเตอร์ รวมถึงอุปกรณ์ทางการทหารในการค้นหาผู้สูญหาย ซึ่งปฏิบัติการนั้นได้มีการทำงานของเจ้าหน้าที่อยู่กลางทะเล มีการตั้งศูนย์บัญชาการและประสานงานซึ่งอยู่บริเวณริมฝั่ง ส่วนบริเวณสะพานใกล้กับท่าเรือ มีการสแตนด์บายรถอาสากู้ภัย กรณีเหตุฉุกเฉินในการนำตัวผู้ประสบภัยส่งโรงพยาบาล
และเมื่อโชว์ค่ำที่ผ่านมา นายกฤษณะ อินทรศิริ พี่เขยของจ่าสิบตรีสถาพร สมเหนือ เดินทางมาที่ท่าเรือบางสะพาน ซึ่งเป็นที่สำหรับเทียบเรือในการนำผู้รอดชีวิตและผู้เสียหายขึ้นฝั่ง ทางครอบครัวได้เดินทางมาเพื่อที่จะติดตามปฏิบัติการค้นหาในครั้งนี้
นายกฤษณะ เปิดเผยว่า จากจำนวนรายชื่อผู้ที่รอดชีวิตรวมถึงที่ได้รับบาดเจ็บอยู่ที่โรงพยาบาล ไม่ปรากฏชื่อของจ่าสิบตรีสถาพร จึงมีความกังวลใจเดินทางมาเพื่อตรวจสอบด้วยตนเอง ส่วนตัวก็อยากจะรับฟังข่าวดี เพราะตอนนี้ก็ยังไม่รู้ชะตากรรม
โดยในวันนี้เมื่อช่วงเวลา 13.00 น. ที่ผ่านมา พลเรือเอกเชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ เดินทางมาเพื่อที่จะติดตามความคืบหน้ากรณีการค้นหาผู้สูญหายทางทะเลจากเรือหลวงสุโขทัย จากนั้นได้เดินทางไปเยี่ยมและให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บที่โรงพยาบาลบางสะพาน ซึ่งมีผู้ได้รับบาดเจ็บ จำนวนทั้งสิ้น 15คน โดยในจำนวนนี้มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 4 คน และในจำนวนที่เหลือกว่า 60 คนปลอดภัยจึงถูกขัดแยกไปอยู่ที่ศูนย์พักพิงชั่วคราว ด้านพลเรือเอกเชิงชายมีการนำกระเช้าพร้อมทั้งเงินช่วยเหลือจำนวนหนึ่งมอบให้ทหารที่ได้รับบาดเจ็บ เป็นการสร้างขวัญและกำลังใจ
จากนั้น ได้เดินทางต่อไปที่ศูนย์พักพิงชั่วคราว ซึ่งอยู่ในพื้นที่อำเภอบางสะพาน จุดดังกล่าวนั้นเป็นที่พักอาศัยชั่วคราวของเจ้าหน้าที่ทหารและหน่วยนาวิกฯ ที่ประสบภัย โดยได้เข้าไปเยี่ยมให้กำลังใจพร้อมทั้งได้เข้าไปสอบถามเกี่ยวกับลำดับเหตุการณ์ ซึ่งทหารส่วนใหญ่ที่ปลอดภัยยังอยู่ในอาการตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ช่วงหนึ่ง พลเรือเอกเชิงชาย ได้เข้าไปพูดคุยให้กำลังใจ และสอบถามทหารที่รอดชีวิตจากเรือหลวงสุโขทัย เล่าเรื่องราวช่วงหนึ่งว่าที่รอดชีวิตได้มีการสวมใส่ชูชีพ พร้อมกับจับมือเป็นวงกลม หลังจากเรือน้ำมันเอกชวนมาเจอ เรือลำดังกล่าวได้โยนห่วงยางพร้อมเชือกให้ขึ้นไปทีละคน หลังเกิดเหตุทุกคนยังตื่นตกใจ เพราะไม่คิดว่าจะเจอเหตุการณ์แบบนี้
พลเรือเอกเชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ กล่าวว่า เรือหลวงสุโขทัย ได้เดินทางออกจากสัตหีบ มาพร้อมกับเรือหลวงกระบุรี ในการเดินทางไปร่วมงานครบรอบ 100 ปีกรมมาหลวงชุมพร จากนั้นที่ถ้าเทียบเรือของชุมพรจอดเทียบไม่ได้ จึงได้เอามาจอดที่บางสะพาน แต่เมื่อเรือ 2 ลำมาพร้อมกัน ปรากฏว่าเรือหลวงกระบุรีเทียบท่าได้ก่อน ส่วนเรือหลวงสุโขทัย ยังลอยลำอยู่กลางทะเล ช่วงหนึ่งระหว่างทางที่จะเปลี่ยนเส้ยทางกลับไปสัตหีบ ปรากฏว่าเกิดเหตุคลื่นลมแรง ทำให้มีน้ำทะลักเข้าเรือส่วนหัวเรือจนเป็นเหตุทำให้ระบบไฟฟ้า 1 ใน 3 เสียหายและดับไป ทำให้ระบบสูบน้ำออกไม่ทำงาน จึงมีน้ำไหลเข้าเรืออย่างรวดเร็ว
หลังได้รับแจ้งอุบัติเหตุน้ำเข้าเรือ เครื่องยนต์เสียหาย จึงได้ประสานเรือหลวงกระบุรีออกไปช่วยเหลือ และตอนนั้น ยังได้รับการช่วยเหลือกับเรือน้ำมันเอกชน ในการช่วยผู้ประสบเหตุ จากจำนวน 106 คน ล่าสุดช่วยเหลือไปได้แล้ว 74 คน สูญหาย 32 คน และ
ฃล่าสุดรับรายงานจากหน่วยการค้นหาทางอากาศ ด้วยเฮลิคอปเตอร์ลาดตระเวน เจอผู้สูญหายเพิ่ม 1 คน ใส่ชูชีพ เพียงแค่หมดสติ แต่ไม่เสียชีวิต ดังนั้นจึงช่วยได้เพิ่มรวมทั้งสิ้น 75 คน สูญหายอีก 31 คน
ในตอนนี้ได้ใช้เทคโนโลยีโปรแกรมคำนวนคนหายทางทะเล ในการค้นหาพิกัดที่คลื่นทะเลจะพัดพาไป จากคลื่นลมตะวันออกเฉียงเหนือ กลุ่มผู้สูญหายถูกพัดพาไปแถวเกาะ หรือระแวง จ.ชุมพร ซึ่งทางภาคพื้นใช้เรือหลวกระบุรี และเรือหลวงอ่างทองในการค้นหา และเรือหลวงภูมิพลฯ กำลังมาช่วยปฏิบัติการอีก 1 ลำ ขณะที่ทางอากาศยังเป็นเฮลิคอปเตอร์ในการค้นหา
จนถึงขณะนี้ ยังไม่รับรายงานผู้เสียชีวิตจากเรือหลวงสุโขทัยล่ม มีเพียงผู้สูญหายเท่านั้น และจากกรณีที่มีการนำเสนอข่าวเมื่อคืนนี้ และเป็นรายงานจากกองทัพเรือว่าช่วยปลอดภัยครบทั้งหมดแล้ว เบื้องต้นอาจเป็นการสื่อสารผิดพลาด หลังจากได้รับการยืนยันยอด จึงได้มีการสรุปการช่วยเหลือที่เป็นทางการ และกรณีเรื่องชูชีพคนบนเรือที่มีไม่ครบจำนวนคน เกิดจากการเพิ่มจำนวนคนบนเรือแต่ไม่เพิ่มชูชีพ เพราะชูชีพนั้น มีการจัดเตรียมตามกำลังพล 70 กว่านาย แต่พบว่าหลังเสร็จสิ้นภารกิจที่ชุมพรได้มีทหารนาวิกฯ เพิ่มมาอีก 30 กว่านาย ทำให้ชูชีพไม่เพียงพอ
สำหรับการช่วยเหลือ ทางด้านของกองทัพเรือ ได้จัดส่งทหารที่รอดชีวิตและปลอดภัยขึ้นรถขนส่งทหารเรือ ส่งกลับไปยังสัตหีบในวันนี้ทั้งหมด และจะช่วยเหลือเรื่องที่พัก และเงินช่วยเหลืออื่น ๆ ขณะที่ผู้ได้รับบาดเจ็บ ได้มีประสานโรงพยาบาลเพื่อกระจายการรักษาให้ทั่วถึงมากขึ้น