พูดหมด "ลูกเรือ" ไขปริศนาเรือหลวงสุโขทัยอัปปาง ทำไมหายมากถึง 31 คน (คลิป)

20 ธ.ค. 65

วันที่ 19 ธ.ค. 65 เวลา 20.47 น. ที่ ท่าเรือบางสะพาน ผู้สื่อข่าวรายความคืบหน้า การให้ความช่วยเหลือกำลังพลที่ประสบเหตุ “เรือหลวงสุโขทัย” อับปางกลางทะเลอ่าวไทย อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เจ้าหน้าที่ยังคงปฎิบัติการค้นหาอย่างต่อเนื่อง

เรือหลวงสุโขทัยเรือหลวงสุโขทัย

โดยในการค้นหาเรือหลวงสุโขทัยของค่ำนี้ให้ทุกทางทั้งทางน้ำและทางเฮลิคอปเตอร์ เรือหลวงอ่างทอง จะเป็นจุดสูญกลางในการค้นหาตรงจุดเกิดเหตุ และใช้เรืออื่น ๆ จะเป็นเรือที่ไปรับผู้ประสบเหตุ 

121987

นอกจากนี้ทีมข่าวยังได้คุยกับ จ่าโทภัทรวุธ มาลาม อายุ 22 ปี ปฎิบัติหน้าที่ในห้องเครื่องยนต์ชั้นล่างของเรือหลวงสุโขทัย ซึ่งเจ้าตัวได้รับบาดเจ็บบริเวณแขนทั้ง 2 ข้าง ในขณะที่มีการกระโดดออกจากเรือหลวงเพื่อที่จะทิ้งเรือหลังจากเรือกำลังจม แต่ถูกคลื่นลมของทะเลซัดจนกระทั่งไปกระทบกับกราบเรือและถูกบาดได้รับบาดเจ็บ และตามตัวยังมีร่องรอยพกช้ำซึ่งถูกจากการกระแทก แต่เบื้องต้นเจ้าตัวปลอดภัยแล้ว

จ่าโทภัทรวุธ เผยว่า ในขณะที่ตนเองปฏิบัติหน้าที่อยู่ในห้องเครื่องซึ่งอยู่ด้านล่างของเรือหลวงสุโขทัย โดยเรือลำดังกล่าวมีทั้งหมด 3 ชั้น โดยห้องเครื่องอยู่ชั้นล่างสุด ก่อนที่จะมีน้ำทะลักไหลเข้ามาในเรือ จะเห็นว่าตัวเรือนั้นมีลักษณะกระแทกกับคลื่นลมอย่างแรง โดยจะสังเกตว่าตัวหัวเรือเชิดขึ้นและฟาดลงบนผิวน้ำทะเลอย่างแรง

324093

ตอนนั้นไม่แน่ใจว่าเกิดเหตุหัวเรือแตกหรือไม่เพราะไม่รู้สาเหตุ แต่มีน้ำทะลักไหลเข้ามาจากส่วนหัวของเรือหลวงสุโขทัยและเข้ามาท่วมห้องเครื่องจนกระทั่งเครื่องยนต์ดับ ก่อนที่จะทำให้ระบบเครื่องปั่นไฟของเรือเสียหายไปด้วย และเมื่อพยามซ่อมเครื่องยนต์แต่ใช้การไม่ได้ และเรือก็เริ่มที่จะเอนเอียงไปฝั่งซ้าย ก่อนที่จะได้ยินเสียงประกาศของผู้การเรือให้อพยพออกจากเรือ

ทุกคนจึงรีบขึ้นไปด้านบน พบว่าบางส่วนได้ตัดสินใจกระโดดลงไปในทะเล แต่ส่วนกลุ่มของตนเองนั้นยังคงสวมใส่ชูชีพและพิ้งอยู่ที่เรือชั้นบนที่กำลังเอ็นเตรียมที่จะจม และกลุ่มของตนเองก็เป็นกลุ่มสุดท้ายที่ตัดสินใจกระโดดทิ้งเรือ เพราะยังไงเรือก็จะต้องจม

หลังจากที่ทิ้งเรือแล้ว ทุกคนก็ต้องลอยลำอยู่ท่ามกลางความมืด เพราะเนื่องจากตอนนั้นอยู่กลางทะเล มีเฉพาะแสงไฟจากชูชีพเท่านั้น จนกระทั่งเริ่มที่จะมีเรือน้ำมันผ่านมาและเรือหลวงกระบุรี เข้ามาสำรวจลูกเรือที่ตัดสินใจทิ้งเรือ จนกระทั่งเริ่มที่จะได้รับการช่วยเหลือทีละคนและทีละกลุ่ม ซึ่งสำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนเองก็ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นกับตนเองเหมือนกัน เพราะนับตั้งแต่ที่เข้ามาทำงานและเจอกับหลายเหตุการณ์ ก็เพิ่งเคยเจอเหตุการณ์ความรุนแรงและคลื่นสูงมากที่สุดก็ครั้งนี้

578316

ด้าน น.ส.สุรียา เตระวัตร อายุ 42 ปี ภรรยาของทหารเรือหลวงสุโขทัยที่รอดชีวิต เปิดเผยว่า นับตั้งแต่ที่สามีของตนเองเรียนจบโรงเรียนนักเรียนจ่า จนกระทั่งเข้ารับราชการตั้งแต่ปี 2542 ซึ่งได้มาประจำการอยู่ที่ฐานทัพเรือสัตหีบ และได้มีโอกาสทำงานบนเรือหลวงสุโขทัย ไปเจอกับเหตุการณ์ซึ่งเจอทั้งขึ้นลมแรงและสถานการณ์คับขัน หรือแม้แต่นำเรือไปช่วยผู้ประสบภัยในปี 2554 ที่เกาะสมุย ทุกครั้งย่อมไม่มีเหตุการณ์ความรุนแรงเพราะเข้าใจว่าเรือนั้นมีความมั่นคงและความปลอดภัยสูง แต่เมื่อเมื่อวานนี้ตนเองได้รับข่าวว่าเรือกำลังจะจม ซึ่งก็ตกใจและพยามติดตามข่าว

เรือหลวงสุโขทัย

โดยสายโทรศัพท์สุดท้ายช่วงเวลาประมาณ 18.50 น. สามีของตนเองติดต่อมาทางโทรศัพท์ ซึ่งพูดแต่เพียงว่า “เรือกำลังจะจมไม่ต้องเป็นห่วง ปลอดภัยดี” จากนั้นสัญญาณก็ตัดไป ซึ่งตนเองก็พยามติดตามข่าวทุกช่อง ซึ่งก็ไม่มีข่าวความคืบหน้า

เรือหลวงสุโขทัย

จนกระทั่งช่วงกลางดึกทราบข้อมูลว่า ลูกเรือหลวงสุโขทัยและทหารเรือบนเรือลำดังกล่าวปลอดภัยทุกคนตนเองก็อุ่นใจ แต่ก็ยังไม่นิ่งนอนใจเพราะมีความเป็นห่วง จึงพยามติดต่อกลับฐานทัพเรือสัตหีบ เพื่อที่จะเดินทางมาที่ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อมาดูสามีด้วยตนเองว่าปลอดภัยจริงหรือไม่ จึงได้เดินทางมาด้วยเฮลิคอปเตอร์มาถึงที่นี่แล้วพบว่าสามีปลอดภัย

501989

แต่ส่วนหนึ่งยอมรับว่าเมื่อวานนี้ตอนที่สามีออกจากบ้าน ตอนที่ไปขึ้นเรือบอกกับตนเองว่าจะเดินทางไปร่วมงานที่จังหวัดชุมพร ก็รู้สึกเริ่มมีลางสังหรณ์และใจไม่ค่อยดี จึงได้แต่เพียงพูดว่า ”เดินทางปลอดภัย” พร้อมกับได้มีการให้สามีสวมใส่พระ ซึ่งเป็นเหรียญพระพุทธะชินนราชที่พ่อของสามีเคยให้เอาไว้ จากนั้นเมื่อมีการสวมใส่คล้องคอก็อยู่ติดกับตัวตลอด จนกระทั่งวันนี้ตนเองเพิ่งได้รับพระพุทธะชินนราชคืนกลับมาจากโรงพยาบาล ส่วนตัวก็เชื่อว่าการที่สามีรอดก็อาจเป็นเพราะปาฏิหาริย์เหมือนกัน

ในณะที่ศูนย์บัญชาการเบื้องต้น ยังคงมีญาติเดินทางมาสอบและปักหลักติดตามข่าวสารการค้นหาอยู่ตลอดทั้งวัน โดยบอกว่ามารอดูว่าคนที่ขึ้นมาฝั่งจะให้ญาติของเราหรือเปล่า

 

 

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส