อุตสาหกรรม MICE (Meetings-Incentive-Travel-Conventions-Exhibitions) เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมไทยที่เติบโตต่อเนื่อง ในปีงบประมาณ 2566-2567 มีการเติบโตกว่า 5% และประมาณการนักเดินทางเดินทางเข้าประเทศเพื่อร่วมงาน MICE กว่า 23.18 ล้านคน และใน 3 ไตรมาสแรกของปีก่อนสร้างรายได้กว่า 56,689 ล้านบาท
หนึ่งในผู้ให้บริการด้าน Venue รายใหญ่ในตลาด และ Spotlight ได้มีโอกาสพูดคุยกับคุณจารุภา ยินดีเหมาะ ผู้จัดการทั่วไป ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค (BITEC) ภายใต้ BHIRAJ BURI Group เกี่ยวกับเส้นทางด้านความยั่งยืน เป้าหมาย และความท้าทายของ BITEC ในการดำเนินการด้านความยั่งยืน
“ทุกวันนี้มัน [ความยั่งยืน] ความต้องการหลักของผู้จัดงานแล้วค่ะ” คุณจารุภากล่าว ตอกย้ำความสำคัญของ “ความยั่งยืน” ว่าเป็นปัจจัยสำคัญของกลุ่มลูกค้าผู้จัดงาน MICE โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าจากต่างประเทศ ซึ่งมีราว 60% ของผู้จัดงานที่ใช้บริการไบเทค และแน่นอนว่า ผู้ให้บริการสถานที่อย่างไบเทคต้องขยับตัวตาม
เส้นทางความยั่งยืนของไบเทคคุณจารุภาเล่าว่า เริ่มต้นขึ้นในปี 2021 เมื่อไบเทคกลับมาดำเนินงานหลังการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 มีสถานการณ์ดีขึ้น โดยในช่วง 2 ปีแรก คือปี 2021-2022 เป็นช่วงของการเริ่มวางรากฐาน ทบทวนนโยบายภายใน และเน้นไปที่การแยกขยะ โดยเฉพาะประเภทขยะจากกระดาษ และเรียนรู้การจัดงานอย่างยั่งยืน
การเรียนรู้ขยายมาในระดับพนักงานในปี 2023 มีการอบรมให้ความรู้ภายในองค์กร และทำให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น ผลักดันให้ได้ใบรับรองต่าง ๆ อาทิ Thailand MICE Venue Standard (TMVS) & ASEAN MICE Venue Standard (AMVS) Certification และเพิ่มการแยกขยะประเภทอะลูมิเนียมเข้ามา
ปีก่อนเป็นปีที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และความสำเร็จด้านความยั่งยืนเป็นรูปธรรมขึ้นอีกระดับ โดยในปี 2024 ไบเทคมีการจัดงานรวม 374 งาน ในจำนวนนี้คุณจารุภาอ้างว่า กว่า 80% ให้ความร่วมมือด้านการจัดงานอย่างยั่งยืนตามแนวทางของไบเทค ซึ่งทางไบเทคชี้ว่า การดำเนินการตามแผนในลักษณะนี้สามารถลดคาร์บอนได้มากถึง 825 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า และลดการใช้พลังงานไป 1.1 ล้านกิโลวัตต์
แนวทางความยั่งยืนของไบเทคคุณจารุภานำเสนอแบ่งเป็น 6 ด้าน
การประหยัดพลังงานเป็นเรื่องที่คุณจารุภากล่าวถึงเป็นสิ่งแรก ตัวอย่างการดำเนินงานคือ การใช้หลอดไฟ LED 594 ชุด ที่ช่วยประหยัดพลังงานราว 41,431 กิโลวัตต์ต่อปี มีการติดตั้งแผงโซลาร์มูลค่ามากกว่า 100 ล้านบาท ที่ประมาณการณ์ว่าสามารถผลิตพลังงานสำหรับใช้ในอาคารในไบเทคได้ราว 14% และคาดหวังว่าอาจได้มากกว่านี้
ปีก่อนไบเทคสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนจากการใช้พลังงานได้ 3,700 ตันคาร์บอนไดออกไซด์ และการลงทุนกับพลังงานแสงอาทิตย์ยังเพิ่มพลังงานทางเลือกให้ผู้จัดงานในระยะยาว
อย่างที่กล่าวไปว่า ไบเทคเริ่มต้นจากการแยกประเภท มีการบริการถุงแยกประเภทสำหรับผู้จัดงาน และกระบวนการแยกอีกครั้งหลังงาน การแยกขยะจะทำให้กระบวนการรีไซเคิลเป็นไปได้ง่ายขึ้น คุณจารุภานำเสนอว่า ปีก่อนไบเทคสามารถรีไซเคิลขยะได้มากถึง 62.8 ล้านตัน แม้จะไม่เปิดเผยจำนวนขยะทั้งหมด แต่ก็กล่าวว่า การรีไซเคิลเพิ่มมากขึ้นจากปีก่อนหน้า 59%
ในจำนวนนั้น ขยะที่ถูกรีไซเคิลแบ่งเป็น กระดาษ 51.2 ตัน ขวดพลาสติก 5.7 ตัน และอะลูมิเนียม 5.9 ตัน เทียบเท่าการลดคาร์บอน 116,497 กิโลคาร์บอนไดออกไซด์
นอกจากนี้ยังมีแนวทางลดขยะอื่น อาทิ การทำให้ขวดพลาสติกในสถานที่จัดงานของไบเทคเป็น 0 หรือการใช้ป้ายดิจิทัล ที่ลดขยะจากโครงสร้างไม้และไวนิลจากการทำป้ายแบบเดิม และรณรงค์การลดใช้พลาสติก และกระดาษประเภทต่าง ๆ เป็นต้น
ไบเทคมีบริการน้ำกรอง ที่กล่าวว่ามีการใช้งานไป 178,542 ลิตรในปีก่อน คุณจารุภากล่าวว่า การพกขวดน้ำมาเองช่วยลดการสิ้นเปลืองน้ำจากการทิ้งน้ำก้นขวด ทำให้ปีก่อนสามารถประหยัดน้ำไปได้ 72,000 ลิตร และลดคาร์บอนจากการใช้ขวดน้ำพลาสติกได้ 43,621 kgCO2e
รณรงค์ใช้ BTS คือสิ่งที่คุณจารุภากล่าวถึงเป็นอย่างแรก ตามมาด้วยการสร้าง loading bay หรือพื้นที่สำหรับจอดรถเพื่อขนถ่ายสินค้า เพื่อลดจำนวนรถส่วนตัวในบริเวณสถานที่จัดงาน และให้การเดินทางเป็นไปได้รวดเร็ว รถติดน้อย และอากาศดีขึ้น
คุณภาพอากาศวัดผลด้วย Indoor Air Quality Improvement System (IAQ Sensor) ที่ช่วยตรวจสอบและแสดงผลคุณภาพอากาศ รวมถึงอุณหภูมิ และความชื้นในบริเวณ
คุณจารุภากล่าวว่า ไบเทคมีตัวเลือกอาหารที่ยั่งยืนสำหรับผู้จัดงาน เน้นอาหารที่ผลิตในชุมชน และวัตถุดิบตามฤดูกาล เพื่อลดคาร์บอนจากการขนส่งและผลิตวัตถุดิบ มีความร่วมมือกับเกษตรกรท้องถิ่นและชุมชน อาทิ เมล็ดกาแฟออร์แกนิกจาก ROOTS
ชุมชนบางกระเจ้าเป็นชุมชนที่ไบเทคให้ความสนใจ เช่น การใช้ลูกจากจากชุมชนบางกระเจ้าผลิตเป็นเครื่องดื่มตัวเลือกหนึ่งให้ลูกค้า การทำเฟอร์นิเจอร์จากกระดาษรีไซเคิลส่งให้โรงเรียนบางกระเจ้า
อาหารจัดเลี้ยงที่ไม่ได้ถูกเสิร์ฟ จะถูกบริจาคให้ชุมชน คุณจารุภาอธิบายว่ามี 2 ประเภทคือ อาหารที่ทำขึ้นแล้ว และวัตถุดิบที่ยังไม่ได้นำมาประกอบอาหาร โดยอาหารที่จะนำไปบริจาคแต่ละชนิดจะมีการระบุระยะเวลาเอาไว้ เพื่อให้แน่ใจว่าเมื่อถึงมือชุมชนจะยังมีคุณภาพดีอยู่
อีกตัวอย่างคือการส่งเสริมให้ใช้พนักงานชั่วคราวในชุมชน โดยคุณจารุภากล่าวว่า มีการจัดสรรให้พนักงานชั่วคราวที่เข้ามาช่วยงานไบเทค 89% เป็นคนที่อาศัยอยู่ในระยะ 5-10 กิโลเมตร ทั้งนี้เพื่อสนับสนุนคนในชุมชนและลดการปล่อยคาร์บอนจากการเดินทางอีกด้วย
นอกจาก 6 ด้านที่กล่าวไป อีก 1 ความเคลื่อนไหวด้านความยั่งยืนในปีนี้คือ การติดตั้ง Realtime Carbon Tracking Dashboard โดย AltoTech เพื่อติดตามและวิเคราะห์ผลการปล่อยคาร์บอน
คุณจารุภากล่าวถึงเป้าหมายต่อไปคือ การเพิ่มจำนวนการจัดงานที่มีการปล่อยคาร์บอนเป็นกลาง (neutral carbon events) มากยิ่งขึ้น และสร้างไบเทคให้มีความน่าเชื่อถือด้านความยั่งยืน
“เป้าหมายของเราคือ การทำให้ไบเทคแห่งนี้เป็นพื้นที่มอบประสบการณ์ให้กับลูกค้าอย่างหลากหลาย และเชื่อถือได้ในมุมของการเป็นสถานที่จัดงานที่ยั่งยืน [...] แค่เลือกไบเทคก็เป็นการเริ่มต้น sustainable events แล้ว”